พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 565

บทที่ 565 ล็อกตัวเดินรอบเมือง

รอยยิ้มของฉาวกั๋วจิ้วค่อยๆจางให้ไป แล้วมององค์หญิงอาน “องค์หญิง ท่านแน่ใจใช่ไม่ว่ามาเช้าของวันที่ห้าจริงๆ?”

“ฉาวกั๋วจิ้วหมายความว่าข้าโกหกหรือว่ากำลังสงสัยข้ากันแน่?” องค์หญิงอานขมวดคิ้ว

ฉาวกั๋วจิ้วโบกมือไปมา “องค์หญิงอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น แต่ว่า ทหารในวังบอกว่าเห็นอ๋องซื่อเจิ้งของแคว้นต้าโจวเป็นคนขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ไป นี้น่าจะไม่ใช่เรื่องปลอม......”

องค์หญิงอานพูดด้วยความโกรธว่า “ระหว่างข้ากับทหาร ต้องมีใครคนหนึ่งกำลังพูดโกหกอยู่ ถ้าไม่ใช่ข้าก็คือทหารคนนั้น เมื่อกี้เจ้าพูดว่าที่ทหารพูดไม่ใช่เรื่องปลอม งั้นหมายความว่าข้ากำลังโกหกอยู่หรือ?”

ปกติองค์หญิงอานนั้นดูเป็นคนง่ายๆ สวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่าย แล้วมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอด ดูเหมือนกับว่าจะรับมือง่ายมาก แต่ว่า เมื่อไรที่นางเย็นชาขึ้นมา ก็จะมีความน่าเกรงขาม ท่าทางที่ดูเยือกเย็นแต่ภายในนั้นช่างน่าเกรงขำก็ค่อยๆไหลออกมาจนสัมผัสได้

ฉาวกั๋วจิ้วร้องทุกข์อยู่ในใจ แล้วก็สับสนเล็กน้อย หรือว่าซือถูเย้นไม่ใช่คนที่ขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์จริงๆ?

แต่ทหารบอกว่าเห็นกับตาตัวเองว่าซือถูเย้นเป็นคนขโมยไป

องค์หญิงอานพูดถูก ระหว่างนางและทหารต้องมีใครคนหนึ่งกำลังพูดโกหกอยู่

ผู้คนในเขตตะวันออกใต้ตกเหนือเฝ้าดูอยู่ไกลๆ แต่เมื่อได้ยินฉาวกั๋วจิ้วกับองค์หญิงอานมีข้อหาดแย้งกัน เลยเข้ามามุมกันเป็นวงกลม แล้วต่างช่วยซือถูเย้นเป็นพยานว่า เขามาตั้งแต่เช้าของวันที่ห้าแล้วจริงๆ

จากนั้น แม้แต่ใต้เท้าซูก็มาช่วยเป็นพยานด้วย แล้วพากาวเฟิ่งเทียน มาด้วยเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของซือถูเย้น

“ใช่สิ เช้าวันที่ห้าท่านอ๋องก็มาถึงแล้ว แล้วจะขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ในคืนวันที่ห้าได้อย่างไรกัน?แล้วคืนวันที่ห้าท่านอ๋องยังช่วยจัดการศพของชาวบ้านที่ตายเพราะโรคระบาดอยู่เลย” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว

“ใช่แล้ว พวกข้าเห็นกับตาตัวเอง ต้องเป็นทหารเเน่ๆที่กำลังพูดโกหกอยู่ เพื่อที่จะใส่ร้ายท่านอ๋อง”

ฉาวกั๋วจิ้วมองผู้คนที่กำลังค่อยๆวุ่นวายขึ้น แล้วมองใบหน้าที่เยือกเย็นขององค์หญิงอาน จากนั้นก็มองซือถูเย้นที่ทั่วทั้งร่างที่มีแต่ความเยือกเย็นไหลออกมา เลยตื่นตกใจ

แต่ว่า เขาก็สามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า “สถานการณ์โดยรวมแล้วข้าไม่ทราบ แค่ทำตามคำสั่งให้มาจับกุมซื้อถูเย้น ถ้าองค์หญิงอานรู้สึกว่าถูกใส่ร้าย และมีหลักฐานยืนยันว่าเขาบริสุทธิ์ ให้กลับราชวังพร้อมกับข้า เพื่ออธิบายให้ฮ่องเต้ทราบ”

องค์หญิงพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ใครอนุญาตให้เจ้าใช่จับกุมสองคำนี้?ฮ่องเต้ไม่เคยมีพระราชโองการเช่นนี้ ทุกคนต่างรู้กันดีว่า ฮ่องเต้ส่งสารไปที่แคว้นต้าโจว เพื่อที่จะเชิญท่านอ๋องและพระชายามา เพื่อที่จะมาช่วยควบคุมโรคระบาด หลายวันก่อนตอนที่ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านอ๋องก็เคยพูดแล้วว่า จะทำทุกอย่างเพื่อให้ความร่วมมือกับท่านอ๋องและพระชายา แต่เจ้ากลับพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเพื่อให้ฮ่องเต้และท่านอ๋องแตกแยกกัน หรืออีกอย่างก็คือทำให้แคว้นต้าโจวและเป่ยม่อเกิดการแตกแยก แล้วก่อให้เกิดสงคราม ข้าจะทนคนอย่างเจ้าที่จะทำให้รัฐเกิดความวุ่นวายได้อย่างไรกัน?”

เมื่อพูดจบ องค์หญิงอานก็ออกคำสั่งว่า “คนรับใช้ จับตัวเขาไว้ แล้วล็อกตัวซะ จากนั้นก็เดินรอบเมือง เพื่อประกาศให้ผู้คนได้ทราบว่า เขาทำอะไรผิด!”

ฉาวกั๋วจิ้วตกตะลึง “องค์หญิงจริงจังใช่ไหม?”

เขาไม่เชื่อ เพราะการเดินรอบเมืองเป็นโทษที่หนักมาก และมีข้อแม้อีกอย่างก็คือต้องถูกตัดสินโทษก่อน

ไม่ว่าเขาจะมีโทษอะไร?องค์หญิงอานก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินเขา

ถ้าองค์หญิงเชื่อว่าฮ่องเต้ไม่เคยสั่งหมายจับ ก็กลับราชวังแล้วไปถามตรงๆ ทำไมต้องกล่าวโทษเขาแล้วให้เขาเดินรอบเมืองต่อหน้าผู้คน?

เมื่อเขาเห็นทหารเถ่เมี่ยนลอยลงมาจากท้องฟ้า เขารู้เลยว่าองค์หญิงอานจริงจัง

ทหารทหารเถ่เมี่ยนเป็นทหารที่ฮ่องเต้อดีตสั่งให้แม่ทัพซูอู๋ เป็นคนฝึกฝนทหารชุดนี้ขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้ป่วยลง และได้เลือกเด็กอายุหกขวบ ที่มีโครงสร้างร่างกายที่ยอดเยี่ยมเข้ามาทำการฝึกฝน การต่อสู้การขี่ม้าและยิงธนูต่างได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างหนัก

หลังจากที่ฮ่องเต้อดีตได้ตายไป ก็มอบคนพวกนี้ให้กับองค์หญิงอาน แต่ว่าองค์หญิงอานไม่เอา เพราะว่าในตอนนั้นทหารเถ่เมี่ยนเป็นช่วงที่กำลังเติบโตเลยเป็นเวลาที่ต้องกิน นางบอกว่าเลี้ยงไม่ไหว แล้วอีกอย่างในอนาคตก็ต้องให้ค่าแรงด้วย ขาดทุน

แต่ทหารเถ่เมี่ยนจะทำอย่างไร?คำสั่งฮ่องเต้ก็ฝ่าฝืนไม่ได้ ฮ่องเต้บอกว่าพวกเขาเป็นคนขององค์หญิงอาน ก็คือคนขององค์หญิงอาน เลยไม่มีทางเลือก หัวหน้าของ ทหารเถ่เมี่ยนได้ไปหาฮองไทเฮา ฮองไทเฮาพูดว่าในเมื่อเป็นคนที่ได้รับการฝึกฝนจากฮ่องเต้อดีต งั้นให้ราชสำนักเป็นคนเลี้ยงดู หลังจากนั้นก็ช่วยราชสำนักทำเรื่อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม