บทที่ 566 สุนัขจิ้งจอกมาแย่ง
ทางเลือกที่หนึ่ง กล่าวโทษองค์หญิงอานปกปิดความจริง แล้วสั่งให้คนฆ่าพยานของหมู่บ้านมู่จ้ายที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทิ้ง จากนั้นก็รอเสบียงส่งไปถึงชายแดน
ทางเลือกที่สอง ใช้ฉาวกั๋วจิ้วที่ถูกใส่ร้าย แล้วบอกว่าสิ่งที่องค์หญิงอานพูดเป็นความจริง เขาเป็นคนเชิญซือถูเย้นมารักษาโรคระบาดด้วยตนเอง และได้รับปฏิบัติในฐานะแขกรัฐ การกระทำใดๆที่เป็นการกล่าวร้ายซือถูเย้น เป็นการกระทำที่ยั่วยุอำนาจของฮ่องเต้
ส่วนเรื่องที่ดาบศักดิ์สิทธิ์หาย ต้องให้สิงปู้ตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วค่อยประกาศให้ทุกคนรู้ เพื่อล้างข้อสงสัยของซือถูเย้น
สองทางเลือกนี้ ที่จริงเขาสามารถเลือกได้แค่ทางที่สอง
เพราะว่าเขาต้องปกปิดเรื่องที่เสบียงถูกฟ้าเผ่า ข้อดีของการทำเช่นนี้ ก็คือสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้
หมออัจฉริยะเสี้ยหลีโม่มาช่วยเป่ยม่อรักษาโรคระบาด ตอนนี้กำลังอยู่ที่หมู่บ้านมู่จ้ายเพื่อวิจัยยา และก่อนหน้านั้นที่มีคนใส่ร้ายอ๋องซื่อเจิ้ง กำลังทำการตรวจสอบอยู่ ตอนนี้กำลังรอผลจากการตรวจสอบ ทั้งสองเรื่องนี้ยังจะมีเรื่องไหนอีกที่จะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้อีก
ดังนั้น ตอนที่องค์หญิงอานส่งฉาวกั๋วจิ้วไปที่ราชสำนัก ฮ่องเต้มองด้วยความหงุดหงิด แต่ไม่ได้แสดงอาการโกรธ
พูดกันตามตรง น้องคนนี้ เขายังมีความสำคัญอยู่ นอกจากเป็นคนที่ฉาวฮองเฮาเลื่อนตำแหน่งให้แล้ว เขายังทำเรื่องได้อย่างเด็ดขาด และรู้สถานการณ์ไหนควรทำอย่างไร นอกจากนั้นยังเข้าใจสีหน้าของคน
คนแบบนี้ เก็บไว้ข้างกาย ต้องเป็นสุนัขที่ดีแน่
และตอนนี้ต้องเสียสละสุนัขตัวนี้ ช่างเสียดายจริงๆ และอีกอย่าง ทางฮองเฮาก็ต้องมีคำอธิบายด้วย
ผู้ดูแลซูนที่อยู่ข้างฮ่องเต้เดินลงไป โค้งคำนับแล้วกล่าวกับองค์หญิงว่า “องค์หญิง ฮ่องเต้มีพระราชโองการ ให้ท่านพาฉาวกั๋วจิ้วไปที่ห้องทรงพระอักษร เดี๋ยวฮ่องเต้และผู้ใหญ่อีกหลายคนจะตามไป”
“ได้ ข้าจะรอที่ห้องทรงพระอักษร” องค์หยิงอานสั่งคนพาฉาวกั๋วจิ้วลงไป
เมื่อฉาวกั๋วจิ้วเห็นฮ่องเต้ก็ไม่อยากถามเรื่องนี้ต่อหน้า เขารู้ว่าฮ่องเต้ตั้งใจทำเช่นนี้ และดูแผ่นของซือถูเย้นกับองค์หญิงอานออก
“องค์หญิง ความแค้นของพวกเราในครั้งนี้ไม่จบแน่” ยืนอยู่หน้าห้องทรงพระอักษรรอฮ่องเต้ แล้วฉาวกั๋วจิ้วพูดด้วยความเย็นชา
“ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น” องค์หญิงพยักหน้า ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
“เฮ่อ!” ฉาวกั๋วจิ้วมองนางด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็มองไปที่อื่น ถึงจะอึดอัดใจ แต่ก็มีเย่อหยิ่งมากกว่าเดิม
องค์หญิงอานมองเขา แล้วหัวเราะขึ้นมา “ฉาวกั๋วจิ้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังสามารถพลิกเกมอีกครั้งได้ไหม?”
“เจ้าหมายความว่าอะไร?”ฉาวกั๋วจิ้วหัวเราะอย่างเย็นช้า “ข่มขู่ข้า?แต่น่าเสียดาย ที่ข้าถูกข่มขู่จนโต พี่สาวฮองเฮาของข้าคนนั้น ข่มขู่ข้ามาไม่น้อย แต่ว่าข่มขู่ก็ส่วนของข่มขู่ แต่ยังไงสุดท้ายก็จำอยู่เสมอว่าข้าคือน้องชายแท้ๆของนาง”
“ไม่ต้องเอาพี่สาวของเจ้ามากดดันข้า ถ้าเกิดครั้งนี้ข้าทายไม่ผิด คนที่จะมาจัดการเจ้า ก็คือพี่สาวของเจ้า พวกเขาให้เจ้าเป็นแพะรับบาปแทน คนโง่!” องค์หญิงอานหันหลังไป “พี่น้องฆ่ากันเอง ข้าขอไม่ดูแล้วกัน ข้าใจอ่อน”
หลังจากพูดจบ นางก็เดินจากไป
พึ่งเดินไปถึงหน้าประตูพระราชวังเฉียนคุย ก็เห็นฉาวฮองเฮาเดินมา ใบหน้าเยือกเย็นมาก เมื่อเห็นองค์หญิงอาน ก็กระดิกคิ้วหลายครั้ง แล้วพยายามระงับความโกรธ แล้วยิ้มออกมา “องค์หญิงกลับมาแล้วหรือ?”
องค์หญิงอานมองนาง แล้วส่ายหัวเบาๆ “ฮองเฮา เจ้าเหนื่อยไหม?”
ฮองเฮาตกใจ เงยหน้าขึ้นมองนาง “องค์หญิงพูดอะไร?ข้าไม่เข้าใจ”
องค์หญิงอานกล่าว “ข้าบอกว่าเจ้าแสร้งทำเป็นแบบนี้ทุกวัน ไม่เหนื่อยเหรอ?ทั้งๆที่เจ้าอยากกลืนกินข้าทั้งเป็น แต่กลับมายิ้มกับข้าแบบนี้ ข้ามองหน้าของเจ้าที่หนาขนาดนั้นแล้ว ข้ารู้สึกอึดอัดแทน”
ฮองเฮายังคงยิ้มอยู่ แต่สายตานั้นมีความเย็นชา “องค์หญิงพูดอะไรกัน?ข้ากับองค์หญิงเป็นคนบ้านเดียวกัน แน่นอนว่าคนบ้านเดียวกันก็ต้องรักกัน แล้วจะเกลียดองค์หญิงได้อย่างไรกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...