พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 580

สรุปบท บทที่ 580 ตีคน: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

สรุปตอน บทที่ 580 ตีคน – จากเรื่อง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

ตอน บทที่ 580 ตีคน ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดยนักเขียน ใบไม้แดง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 580 ตีคน

ถึงแม้จะเป็นการคุยเล่น แต่หลีโม่กลับใส่ใจ

การค้าขายยาของเป่ยม่อไม่ถือว่าเจริญ การแพทย์ก็ล้าสมัยมาก เป่ยม่อในหลายสถานที่มากมายตอนนี้ ยังมีการใช้หมอผี ถึงขึ้นมีคนรู้สึกว่า เวลาป่วยก็ให้ทำพิธีขับไล่ผีก็จะหาย

แต่ว่าจะให้ฮ่องเต้เป่ยม่อขอซื้อยามาจากต้าโจว คิดว่าคงไม่ง่ายแน่

ถึงแม้ไม่เคยไปมาหาสู่กัน หลีโม่ตัดสินใจจากหลายๆอย่างของเขา มั่นใจว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่มีเพียงใจที่ทะเยอทะยาน ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่มีใจรักประชาชน

ฮ่องเต้แบบนี้ ไม่มีทางแบกหน้าไปขอใครหรอก

โดยเฉพาะ เขาวางมาดตัวเองอยู่บนที่สูงส่งมาตลอด จะไปขอความช่วยเหลือจากต้าโจวอย่างไร? ก่อนหน้านี้ไปหาอ๋องอานหรานที่ต้าโจว ก็ด้วยเพราะได้รับความกดดัน เพราะจะต้องเปิดศึก จึงต้องระงับความโกรธของประชาชน

แต่ต้าโจว ก็จะไม่มีทางขอยื่นมือมาช่วยก่อน เหล่าไท่จูนยิ่งไม่มีทาง

หากจะต้องเห็นถึงความสำคัญของโรคระบาดในครั้งนี้จริง พวกยึดมั่นสันติภาพก็จะกดดันพวกยึดมั่นทำสงคราม

หลีโม่คิดถึงเจ้าเจ็ด ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถทำได้ไหม

อีกอย่างปลุกเร้าพวกยึดมั่นทำสงคราม ความปลอดภัยของชีวิตก็จะได้รับอันตราย

ตั้งแต่แต่งงานกันมา พวกเขาได้มีชีวิตอย่างมีความสุขแค่เพียงไม่กี่ครั้ง

ถอนหายใจยาวๆหนึ่งที ความคิดยังต้องกลับมา จัดการกับสูตรยา

กุญแจทอง กุญแจทองเป็นส่วนสำคัญ

แต่ว่า กุญแจทองยาอะไรกันแน่?

“โหรวเหยา มียาบางชนิดมีชื่อเรียกอื่น เจ้าลองคิดดู มียาชนิดไหนบ้างที่มีชื่อเรียกอื่นว่ากุญแจทองไหม?”

โหราเหราลงคิดดู ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้ และก็คิดไม่ออกว่ายาอะไรที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าเป็นกุญแจทอง หรือว่า ไปถามหมอกรมฮุ่ยหมินพวกนั้น”

“ก็ได้ ข้าออกไปถามดู” หลีโม่พูด

หลิงลี่พูดอย่างโกรธเคืองว่า “หมอพวกนั้น มาถึงเขตโรคระบาด อะไรก็ไม่ทำ ทำตัวอย่างกับนายท่าน ดูก็รู้ว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเรา”

โหรวเหยาไม่เข้าใจ “หมอพวกนี้ทำไมถึงไม่รักษาช่วยชีวิต? ไม่กลัวมีคนไปรายงานฮ่องเต้หรือ?

“หากพวกเขาสามารถรักษาโรคระบาดได้ คงรักษาเพื่อสร้างผลงานแต่แรกแล้ว ก็เพราะรู้ว่ารักษาไม่ได้ ไม่อยากลงมือและก็ไม่อยากสัมผัสกับผู้ป่วย ตัวเองจะได้ไม่ติดเชื้อ คนประเภทนี้” หลิงลี่พูดขึ้น

หลีโม่ลุกขึ้นยืน พร้อมพูดว่า “หมอกรมฮุ่ยหมิน อยู่ใต้สังกัดราชวงศ์ ถึงจะบอกว่าให้บริการประชาชน กลับให้อยู่ในตำแหน่งข้าราชการ กลายเป็นคนหลอกลวงเห็นแก่ตัวนั้นเป็นเรื่องปกติ หมอพวกนั้นที่มีใจคิดจะช่วยรักษาประชาชนจริงๆ เกรงว่าอยู่ในกรมฮุ่ยหมินก็ไม่สามารถทำอะไรได้”

นางเดินออกไป “ไม่คิดอะไรมากมายขนาดนั้น ลองไปถามก่อน”

หลีโม่เดินออกไป “เดินไปทางด้านเขตตะวันออก หมอกรมฮุ่ยหมินหลายคนกำลังตากยาอยู่ด้านนั้น นี่เป็นที่พวกเขา “สามารถทำได้” ในตอนนี้แล้ว อยู่ในหมู่บ้านมู่จ้าย นี้เป็นที่รังเกียจทั้งเทพทั้งผี แต่เพราะว่าพวกเขาเป็นคนที่ราชสำนักส่งมา ในใจประชาชนถึงจะเกลียดชังแค่ไหน ก็ไม่กล้าไม่ให้ความเคารพ”

หลีโม่เดินไปถามว่า “รบกวนหน่อย ขอถามทุกคนว่าเคยได้ยินชนิดยาที่ชื่อกุญแจทองไหม?”

หมอพวกนั้นเงยหัวขึ้น มองดูหลีโม่แว๊บหนึ่ง หนึ่งในพวกเขาถามอย่างเรียบเฉยว่า “กุญแจทอง? ทองหรือ? ยาอะไรที่ไหนจะมีชื่อเรียกว่ากุญแจทอง? พระชายาไม่ที่จะต้องสร้างปัญหาเพื่อทำให้พวกเราอับอายใช่ไหม?”

หลีโม่เห็นใบหน้าเย่อหยิ่งและเย้ยหยันของเขา แต่เพื่อสูตรยา ก็เลยต้องอดทนไว้ก่อน “ไม่ได้สร้างความลำบากให้พวกเจ้า เพียงแค่ข้าคิดขึ้นมาได้ อาจารย์ของข้าเคยบอกไว้ มีสูตรยาหนึ่งสามารถรักษากาฬโรคได้ หนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญในสูตรยานี้เรียกว่ากุญแจทอง ข้าก็ไม่รู้ว่าคืออะไร จึงมาขอคำแนะนำจากทุกท่าน”

หมอพวกนั้นต่างก็หัวเราะกันขึ้นมา ที่พูดเมื่อกี้คนนั้นยืนขึ้นมามองดูหลีโม่ “พระชายากำลังล้อเล่นหรือ? เจ้าเป็นหมอเทวดา เจ้ายังไม่รู้ พวกเราจะไปรู้ได้อย่างไร? อีกอย่าง กุญแจทองนี้ เป็นชื่อยาหรือเปล่า ไม่มีใครรู้จริงๆ”

หมอคนนี้พูดจากแปลกประหลาดมาก ในความเย้ยหยันยังแฝงด้วยความเยาะเย้ย ในประโยคหนึ่งมีคำว่ารู้ตั้งสามครั้ง แต่ทุกครั้งที่พูดว่ารู้ ก็จะลากเสียงยาวๆ นี่ถือเป็นการเย้ยหยัน อย่าว่าแต่หลีโม่เลย แม้แต่หมาปากทางหมู่บ้านตัวนั้นยังฟังรู้เรื่องเลย

พวกหมอพวกนี้กุมขมับ แต่จะหนีไปไหนได้?

ท่อนไม้นั้นมีเพียงอันเดียว แต่พวกเขาเดินไปถึงที่ไหน ท่อนไม้นั่นก็ตามไปถึงที่นั่น

พวกเขาล้วนเป็นคนที่เรียนหมอ เป็นนักเล่าเรียนผู้อ่อนแอ หากจะพูดว่าไม่รู้วิชาป้องกันตัว เพียงแค่เดินไปหลายก้าวก็หายใจติดขัดแล้ว ชายหนุ่มทุบตีในครั้งนี้ ทำให้พวกเขาต้องเจ็บหนักแล้วจริงๆ

หมอหลี่เห็นชาวบ้านล้อมรอบเข้ามา กลับไม่มีคนช่วย พูดอย่างโกรธเคืองว่า “พวกเจ้าทานขี้แทนข้าวกันหรือ? ยังไม่รีบเข้ามาลากคนบ้าคนนี้ไป? เชื่อไหมข้าจะฟ้องท่านอ๋อง ตัดหัวพวกเจ้า....โอ๊ย”

เขายังพูดไม่ทันเสร็จ ด้านหลังก็ถูกทีบตีหนึ่งที จนเขาล้มไปข้างหน้าทั้งตัว ครั้งนี้ล้มลงไปจริงๆเหมือนดั่งหมาทานขี้เลย

ชาวบ้านเกลียดชังหมอพวกนี้จนเข้ากระดูก ใครจะยอมเข้ามาช่วย?

เห็นพวกเขาทุลักทุเลขนาดนี้ ชาวบ้านต่างก็เอามือปิดปากหัวเราะ แอบชื่นชมคนที่กล้าลงมือนี้

เพียงแต่ คนคนนี้เป็นใครหรือ? พวกเขาต่างก็ไม่รู้จัก

หลีโม่กับหลิ่วหลิ่วยืนอยู่ตรงหน้าประตูเขตตะวันตก ต่างก็ยืนดูภาพนี้อยู่อย่างเฉยๆ

หลีโม่คิดถึงสีหน้าท่าทางเมื่อกี้ของพวกเขาแล้วก็โกรธจัด สั่งให้หลิงลี่ลงมือ ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

ดูถูกข้า ไม่ทุบตีสักครั้ง พวกเขาคงไม่รู้ว่าตัวเองแซ่อะไร ทานข้าวที่ใครปลูก

“ข้าก็อยากเข้าไปตีมาก” หลิ่วหลิ่วมือไม้คันขึ้นมาทันที อยากที่จะไปร่วมต่อยสักหลายที อยากต่อยมานานแล้ว เพียงแต่หลีโม่ไม่อนุญาตมาตลอด ความโกรธนี้ แทบจะกระอักตายแล้ว

หลีโม่มองดูนาง “เจ้าสงบเสงี่ยมหน่อย”

“ใช่ หลิงลี่ปลอบตัวแล้ว หลังจากนี้แล้วก็ไม่มีใครตามมาถึงนาง” โหรวเหยาพูด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม