พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 63

บทที่ 63 แทรกแซงอี๋เฟย

นางสามารถมั่นใจได้ว่าในตำหนักจะต้องมีเรื่องราวที่คนนอกไม่อาจรับรู้ได้แน่ องครักษ์บอกว่านางแอบฟังอยู่ด้านนอก อี๋เฟยจึงได้ตกตะลึงขึ้นมา

หลีโม่ไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในตำหนักว่ามีอะไรกันแน่ ตอนนี้อยากไป ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน

องครักษ์มาถึงอย่างว่องไว ไม่กี่คนบิดนางลงไป ผลักเข้าสู่ในตำหนักด้านข้าง ประตูตำหนักปิดสนิท

หลีโม่มองผ่านช่องประตู อารักขาในวังเฝ้าอยู่ด้านนอก มีเงาร่างหนึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว คนผู้นั้นไม่ได้นำผู้ติดตามไปด้วยเลยสักคนเดียว

หลีโม่จำเงาร่างนี้ได้ นั่นคือองค์รัชทายาทซือถูเย่

หัวใจของหลีโม่อึมครึม หรือว่าระหว่างอี๋เฟยและองค์รัชทายาท จะมีเรื่องบางอย่างที่ไม่อาจบอกผู้อื่นได้

ถ้าหากเป็นเช่นนี้ อี๋เฟยไม่อาจให้นางย่างกรายทวารใหญ่แม้แต่ครึ่งก้าวได้อย่างง่ายดายแน่ๆ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประตูตำหนักก็เปิดออก

ท่าทีของหลีโม่แปรสภาพไป ถอยไปอยู่ด้านข้าง ยืนกำมือตัวตรง

หญิงสาวนางหนึ่งสวมอาภรณ์หรูหราเดินเข้ามา เกษาของนางม้วนขึ้นลวกๆ หวีอย่างเรียบง่ายแต่ดูร่วงปอยลงมาอย่างเกียจคร้าน ติดกิ๊บลาดเอียง มวยผมคลายเล็กน้อย

ผิวพรรณของนางขาวกว่าหิมะ เรียวหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรือเพราะอย่างอื่น นางสาวเท้าเข้ามา นั่งลงบนเก้าอี้ ใช้แววตาถมึงทึงมองสำรวจหลีโม่ จากนั้นจึงถามเสียงกร้าว “เจ้าเป็นนางกำนัลของตำหนักใด ผู้ใดใช้ให้เจ้ามาตำหนักอี๋หลาน”

ตอนที่นางอยู่ข้างกายของหลีโม่นั้น หลีโม่สามารถสูดดมกลิ่นหอมชนิดหนึ่งได้อย่างชัดเจน กลิ่นหอมแบบนี้ ตอนที่เข้าวังมาวันนั้นก็เคยได้กลิ่นจากเรือนกายขององค์รัชทายาทซือถูเย่

อีกประการ การแสดงออก สีหน้า แววตาของอี๋เฟย ล้วนสามารถมองออกถึงร่องรอยของความพิศวาสได้

หลีโม่เป็นหมอ ปฏิกิริยาทางกายภาพเหล่านี้ โกหกนางไม่ได้

หลังจากยืนยันการคาดเดาในอกแล้ว ในใจของหลีโม่ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ

ได้ยินการซักถาม หลีโม่ก็ทำความเคารพอย่างเป็นพิธีการ “เรียนอี๋เฟยเหนียงเหนียง เป็นหมุยเฟยให้หม่อมฉันเข้ามาเจ้าค่ะ”

“หมุยเฟย?” อี๋เฟยนิ่งงัน “นางให้เจ้าเข้ามา?”

หลีโม่เอ่ยตอบคำถาม “เรียนพระนาง ใช่แล้วเจ้าค่ะ” หมุยเฟยมิได้เป็นปฏิปักษ์กับผู้คนในวัง และสามารถซื้อตัวคนในตำหนักของอี๋เฟยได้ ซ้ำยังรู้ความสัมพันธ์ส่วนตัวอี๋เฟยและใครบางคน นางปักใจเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างอี๋เฟยและหมุยเฟยจะต้องดีมากแน่ๆ

“ในเมื่อหมุยเฟยให้เจ้าเข้ามา เหตุใดเจ้าต้องแอบฟังอยู่นอกตำหนัก” อี๋เฟยจ้องนางด้วยสายตาคมกริบ เสมือนกำลังศึกษาว่านางรู้มากเท่าใดกันแน่

หลีโม่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย “ไม่ได้แอบฟังเสียหน่อยเจ้าค่ะ ตอนที่หม่อมฉันมา นอกตำหนักไร้คนเฝ้า หม่อมฉันจึงเดินเข้ามา นี่เพิ่งจะขึ้นบันได พี่ใหญ่องครักษ์นายนี้ก็เข้ามาเสียแล้ว”

“พูดอีกอย่างคือ เจ้าเพิ่งจะขึ้นบันไดหิน?” อี๋เฟยเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ

หลีโม่กล่าว “ใช่แล้ว เมื่อครู่พี่ใหญ่องครักษ์นายนั้นมองเห็นกับตา แม้นพระนางไม่เชื่อก็สามารถถามเขาได้เจ้าค่ะ”

สีหน้าของอี๋เฟยผ่อนคลายลง ตอบรับเสียงหนึ่ง แต่ว่ายังหวนย้อนนึกอะไรขึ้นมา และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “หม่อมฉัน? เมื่อครู่เจ้าพูดว่าหม่อมฉัน เจ้ามิใช่นางในวังหลวงหรือ เจ้าเป็นผู้ใดกัน”

หลีโม่เอ่ยตอบคำถาม “หม่อมฉันนามว่าเสี้ยหลีโม่ เป็นหลานสาวของหมุยเฟยเหนียงเหนียง ประจวบกับเมื่อครู่หม่อมฉันจะไปถวายความเคารพแด่ฮองไทเฮา ดังนั้น หมุยเฟยเหนียงเหนียงจึงให้หม่อมฉันเข้ามาปราศัยอี๋เฟยเหนียงเหนียงด้วยพอดีเจ้าค่ะ”

อี๋เฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรียวหน้างงงวยเล็กน้อย “เสี้ยหลีโม่? เจ้าคือเสี้ยหลีโม่ที่ถอนงานแต่งอ๋องเหลียงคนนั้น?”

“เป็นหม่อมฉันเองเจ้าค่ะ” หลีโม่เอ่ยตอบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม