สรุปเนื้อหา บทที่ 64 บุกสังหาร – พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง
บท บทที่ 64 บุกสังหาร ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 64 บุกสังหาร
หลีโม่วิงวอนเพียงแค่ออกไปให้เร็วที่สุด ครั้นออกจากตำหนักอี๋หลาน นางก็ปลอดภัยแล้ว
แต่ว่า นางเองก็ต้องแน่ใจว่าตนเองจะสามารถออกจากเขตพระตำหนักอี๋หลานได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากพอนางจากไป พลังที่สร้างโดยกำไลสะกดจิตที่ส่องสะท้อนก็ไร้หนทางแทรกแซงอี๋เฟยได้แล้ว อี๋เฟยจะต้องรู้ตัว และส่งคนมาสกัดกั้นเป็นแน่
ท่ามกลางตำหนักเล่อชิง
หมุยเฟยนั่งอยู่กลางพระตำหนัก ทวารใหญ่ในตำหนักปิดสนิท เสี้ยฮ่าวหรานนั่งอยู่ในมุมอับของตำหนัก คนชุดดำใบหน้ามีหนวดเคราผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับหมุยเฟย
บนโต๊ะตรงหน้าของทั้งสองมีชาหนึ่งจอก ไอร้อนพวยพุ่ง จึงเห็นได้ชัดว่าผู้มาใหม่เพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นานนัก
“ตัวข้าได้จัดแจงให้นางไปตำหนักอี๋หลานเรียบร้อยแล้ว ตามอุปนิสัยของอี๋เฟย จะต้องไม่อาจให้นางออกจากตำหนักอี๋เฟยได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่” หมุยเฟยกล่าวเสียงเข้ม
“พระนางมีความช่ำชองข้อนี้?” บุรุษมีเคราเอ่ยถาม
หมุยเฟยยิ้มเย็น “น้องชาย วังหลวงคือสถานที่ของตัวข้า แม้นตัวข้าไม่มีความสามารถเพียงพอจะฆ่าใครสักคนในที่แห่งนี้ ไฉนยังจะสามารถรักษาตำแหน่งหมุยเฟยไว้ได้อีกกันเล่า”
“กระหม่อมมิใช่เคลือบแคลงความสามารถของพระนาง กระหม่อมเพียงรู้สึกว่า ต่อให้นางบุกรุกตำหนักอี๋หลานโดยการส่วนตัว อี๋เฟยเหนียงเหนียงก็คงจะทำเพียงแค่บริภาษไม่กี่ประโยค จะลงมืออย่างโหดเหี้ยมได้อย่างไรกัน”
“เจ้ามิต้องซักไซ้ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรรู้ ครึ่งเดียวก็มิต้องฟัง มิเช่นนั้น จะมีโทษถึงตาย” หรือหมุยเฟยจะรู้ว่าเขามีความคิดจะหยั่งเชิง? คนผู้นั้นราวกับอสรพิษแพร่กำจายไปทั่ว มักจะทำให้ผู้คนไม่ชอบใจ แม้นมิใช่ว่าปราศจากหนทางจริงๆ นางมิอาจช่วยเขาเป็นอันขาด
คนผู้นั้นก็คือเสี้ยเฉิงเสี้ยง ฮองไทเฮาออกบัญชาห้ามเขาเข้าวังหลวง ดังนั้นเขาจึงปลอมตัว โดยใช้สถานะข้าทาสของเสี้ยฮ่าวหรานและพาเสี้ยฮ่าวหรานเข้าวังเพื่อเยี่ยมเยียนท่านป้า
วันนี้เขามาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาต้องรู้ว่าวันนี้เสี้ยหลีโม่จะกลับจวน ลงมือหลังจากกลับจวนไม่สะดวก ดีที่สุดให้นางเกิดเรื่องในวังเสีย
เขาไม่สนว่าพระนางฮองเฮาและฮองไทเฮาจะให้ความสำคัญกับเสี้ยหลีโม่อย่างไร เขาต้องการเพียงให้นางตาย ขอเพียงเสี้ยหลีโม่ตายไป จึงจะสามารถชำระความอับอายของเขาได้ คนนอกจะค่อยๆ ลืมเลือนเรื่องราวของจวนเฉิงเสี้ยงได้
ยิ่งกว่านั้นทันทีที่เสี้ยหลีโม่ตาย หลี่ซื่อก็จะโดดเดี่ยวไร้ซึ่งอำนาจ ถึงเวลานั้น ก็จะปล่อยให้เขาทรมานตามใจชอบแล้ว
“ดี กระหม่อมไม่ถามแล้ว” เขามุ่นหัวคิ้วเย็นชา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “หลี่ซ่วยหยุ่น เจ้าแต่งกับข้าแล้ว แต่หักหลังข้า จะเอากระดูกลูกสาวเจ้าส่งกลับไปให้เจ้า ทำให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติแห่งความตายทั้งเป็นเสีย”
หมุยเฟยขมวดเรียวคิ้ว “ลูกสาวของนาง ก็คือลูกสาวของเจ้าด้วย”
เสี้ยเฉิงเสี้ยงสีหน้าอึมครึม “ลูกสาวที่ไม่ภักดีต่อข้า ต้องการมาทำประโยชน์อันใด ตัวข้ามีลูกสาว ก็คือหว่านเอ๋อร์ ประเดี๋ยวนางก็ต้องแต่งกับรัชทายาทแล้ว”
หมุยเฟยส่ายหน้า “รัชทายาทมิใช่สวามีที่ดี เจ้าไตร่ตรองให้รอบคอบ”
เสี้ยเฉิงเสี้ยงกล่าวอย่างเยือกเย็น “มิใช่สวามีที่ดีแล้วอย่างไร นางสามารถทำให้สถานะจวนเฉิงเสี้ยงของข้ามั่นคงได้ ตัวข้าได้รับความโกรธจากอ๋องซื่อเจิ้งมาเพียงพอแล้ว”
หมุยเฟยมองใบหน้าเหี้ยมเกรียมนั่นของเขา รู้สึกว่าแขยงใจชั่วร้ายอย่างหาใดเปรียบ ในฐานะแม่คนหนึ่ง ทุกสิ่งที่นางทำลงไปก็เพื่อลูกของตนเอง นางไม่เคยเห็นใครใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ในการกำจัดลูกสาวของตนเองเลย
ขณะที่กำลังพูด มีคนรีบร้อนเข้าตำหนักมา เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “พระนาง เสี้ยหลีโม่เดินออกจากตำหนักอี๋หลานแล้วขอรับ ต้าเฉวียนติดตามอยู่ ตอนนี้จะทำอย่างไร”
หมุยเฟยหยัดกายขึ้นในทันใด “อี๋เฟยให้นางเดินออกไปแล้ว?”
“ใช่ขอรับ” องครักษ์กล่าว
หมุยเฟยเอ่ยถาม “มีหรือไม่...” หมุยเฟยกะพริบตา จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร
องครักษ์เอ่ย “มี”
หมุยเฟยอุทาน “อะไรนะ เป็นเช่นนี้อี๋เฟยยังให้นางออกไปแล้ว?”
องครักษ์กล่าว “แปลกมากขอรับ นางเพิ่งออกมาได้สักพัก อี๋เฟยเหนียงเหนียงก็สั่งให้คนพานางกลับไป ซ้ำยังตรัสว่าหากไม่กลับมา ก็จะสังหารนางเสีย”
“ขอรับ” อาฟารับคำสั่งและออกไป
เสี้ยเฉิงเสี้ยงปรนลมหายใจ มุมปากกระตุกรอยยิ้มแห่งความพิษสง เมื่อเสี้ยหลีโม่ตาย เขาก็ไร้บ่วงกังวลแล้ว นางไม่อาจแต่งกับอ๋องซื่อเจิ้ง และไม่สามารถใช้อ๋องซื่อเจิ้งมาจัดการเขาได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นางต้องตายในวัง จึงจะไร้คนสงสัยเขา
เสี้ยฮ่าวหรานเล่นสนุกอยู่ที่ตรงนั้น ประจวบกับเงยหน้าขึ้นพอดี ได้ยินประโยคนี้ของหมุยเฟย จึงวิ่งสะเปะสะปะเข้ามา และจ้องหมุยเฟยอย่างขุ่นเคือง “ท่านจะรังแกพี่สาวคนโตข้า?”
หมุยเฟยนิ่งงัน มองยังใบหน้าโกรธขึ้งของเสี้ยฮ่าวหราน
เสี้ยเฉิงเสี้ยงตะเบ็งเสียงอย่างโกรธกร้าว “เจ้าพูดพล่ามอะไรไปเล่นตะกร้อของเจ้านู่น”
เสี้ยฮ่าวหรานกลัวบิดาผู้นี้เสมอมา ได้ยินเขาตะโกน ก็ถอยร่นลงไป แต่ว่า ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สบมองเสี้ยเฉิงเสี้ยงอย่างกล้าหาญ “ข้ามิได้พูดพล่าม พวกท่านต่างก็รังแกพี่ใหญ่ ท่านแม่ก็ตีนาง พี่สองก็ตีนาง พวกท่านล้วนเป็นคนเลว จึงได้รังแกพี่ใหญ่ รังแกฮ่าวหราน”
หมุยเฟยเบนหน้าหนี รอบดวงตาแดงก่ำ นางรู้ว่าตนเองชั่วช้าเลวทราม แต่ว่าก็ไร้หนทาง ท่ามกลางวังหลวงแห่งนี้ แม้นไร้ที่พึ่ง ก็ต้องตายสถานเดียว ตัวนางเองไม่ถือสา แต่ไม่สามารถทำให้ลูกต้องลำบากได้
เสี้ยเฉิงเสี้ยงตบเข้าที่ใบหน้าของเสี้ยฮ่าวหรานหนึ่งฉาด เอ่ยอย่างโกรธขึ้ง “เจ้ามันเด็กโง่เง่าคนหนึ่ง เจ้าพูดพล่ามไปเสีย”
เสี้ยฮ่าวหรานคิดไม่ถึงว่าจะถูกตี เสียขวัญจนรีบปิดหน้าและก้าวถอยหลัง ความกล้าหาญเมื่อครู่ได้มลายหายไป ทั้งใบหน้าแปรเป็นตัดพ้ออย่างถึงที่สุด ถูกเสี้ยเฉิงเสี้ยงจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ไม่กล้าร้องไห้ เพียงแต่ควบคุมน้ำตาทีละหยดให้ไหลลงไปไม่ได้
เสี้ยเฉิงเสี้ยงเห็นท่าทีเขาเป็นเช่นนี้ ก็หงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าออกไปเล่น อย่าได้มาข้องแวะข้า”
เสี้ยฮ่าวหรานวิ่งเตาะแตะออกไป
เสี้ยเฉิงเสี้ยงพูดอย่างแหบแห้ง “แต่ละคนล้วนไม่ทำให้ข้าสบายใจเลย”
หมุยเฟยตรัสอย่างเย็นชา “เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ไฉนเจ้าต้องทำกับเขาเยี่ยงนี้ด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...