พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 65

บทที่ 65 สังหารผิดตัว

เสี้ยเฉิงเสี้ยงกล่าวอย่างหงุดหงิดใจ “ใยดีเขา ตัวข้าเองก็ไม่สนว่าจะมีลูกชายคนนี้หรือไม่”

หมุยเฟยเอ่ยพลางส่ายหน้า “เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ ด้วย ลูกชายของเขาเจ้าเองแท้ๆ เขาจะบ้าจะโง่ อย่างไรก็เป็นลูกของเจ้า”

เสี้ยเฉิงเสี้ยงยิ้มเย็นชา “ใช่หรือ เขาคือบุตรชายของข้า แต่ไม่อาจจะเป็นคนสุดท้าย”

เขานั่งลง ในมือกำถ้วยชาเครื่องลายครามขาว ท่าทีกัดฟันกรอดเมื่อครู่แปรเป็นการแสดงออกอย่างไม่แยแส เขานั่งอยู่ตรงนั้นเช่นนั้น สีหน้าเคร่งขรึม

หมุยเฟยรู้สึกว่ามองใบหน้าของเขาแล้วมีความหวาดสะพรึงอย่างบรรยายไม่ถูก

เขาแตกต่างจากก่อนหน้าราวฟ้ากับเหว เสมือนว่ากำลังคำนวณอะไรบางอย่างในใจ เป็นการคำนวณที่ไม่งดเว้นทุกสิ่งอย่าง

อีกด้านหนึ่งหลังจากหลีโม่ออกจากตำหนักอี๋หลาน ก็รีบสาวเท้าเดินมาทางริมทะเลสาบ

นางเดินอย่างรวดเร็ว องครักษ์ต้าเฉวียนเองก็ตามมาติดๆ อย่างว่องไว

เมื่อเขาเห็นว่าหลีโม่ไม่ได้เดินไปทางตำหนักเล่อชิง เขาจึงเรียกหลีโม่เอาไว้ “รอประเดี๋ยว ไม่ใช่ว่าเจ้าจะกลับตำหนักเล่อชิงหรอกหรือ”

หลีโม่ไม่ได้หยุดชะงัก ที่นี่ยังคงเป็นอาณาเขตของตำหนักอี๋หลาน มีเพียงออกจากที่นี่ได้เท่านั้นจึงจะถือว่าปลอดภัย

เบื้องหลังมีองครักษ์เดินตามเข้ามา ต้าเฉวียนเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ”

องครักษ์กล่าว “พระนางรับสั่งว่าต้องนำตัวนางกลับไป แม้นนำกลับไม่ได้...” เขาทำมือเป็นสัญญาณแห่งการฆ่า

แววตาต้าเฉวียนเย็นเยียบ เงยหน้าขึ้นก็มองไม่เห็นหลีโม่แล้ว เขากระทืบเท้า “บัดซบแล้ว เจ้านำคนไปขวางที่ถนนทั้งสองข้างก่อน อย่าให้นางหนีออกไปได้ คนอื่นๆ รีบตามข้ามาเร็วเข้า”

ถนนเส้นนี้ นอกจากตำหนักอี๋หลาน ก็คือตำหนักซีเวย

แต่ว่า ต้าเฉวียนคาดการณ์ว่าหลีโม่ไม่กล้าไปตำหนักซีเวยเป็นแน่ ตำหนักซีเวยก็เข้าไม่ได้ หน้าประตูมีทหารยามจำนวนมาก ตราบใดที่ยังเฝ้าอยู่หน้าประตูทางออกสองฝั่ง ต่อให้เสี้ยหลีโม่มีปีกก็ยากจะบินหนี

แต่ว่า ค้นหารอบๆ ตำหนักอี๋หลานแล้ว กลับไม่พบร่องรอยของหลีโม่เลย

ต้าเฉวียนเกร็งหนังศีรษะเดินไปถามยามรักษาการณ์ที่หน้าประตู “ไม่ทราบว่าเมื่อครู่เห็นผู้หญิงในชุดสีเขียวอ่อนเดินผ่านมาหรือไม่”

ยามเฝ้าประตูของตำหนักซีเวยชักดาบเดินไปข้างหน้า กล่าวอย่างเย็นชา “ไม่มีคนเข้ามา รีบไปเสีย”

ต้าเฉวียนทำได้เพียงจำต้องออกไป และไม่กล้าที่จะค้นหารอบนอกตำหนักซีเวยอย่างองอาจ

ในเวลาเดียวกัน องครักษ์อาฟาเองก็นำคนมายังรอบนอกตำหนักอี๋หลาน

หลังจากที่ทั้งสองเส้นทางมาบรรจบกันและแลกเปลี่ยนข่าวสารแล้ว ก็กลับไปค้นหาในที่ทางของแต่ละคน

ทั้งสองข้างต่างมีการอารักขา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินออกไป

ต้าเฉวียนนำคนมาลาดตระเวนริมทะเลสาบ และทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้น คุกเข่าก้มมองทุ่งหญ้าริมทะเลสาบ ที่นี่มีร่องรอยการเหยียบย่ำ หรือว่า จะว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่งเสียแล้ว

เขาคิดอยู่สักพัก ก่อนยกมือขึ้น “สำรวจย้อนไปที่เฉลียงทางเดิน แล้วเดินไปฝั่งตรงข้าม ถ้าหากนางว่ายน้ำข้ามไปล่ะก็ เพื่อไม่เป็นการแตกตื่น พวกเราจะต้องว่ายอยู่รอบๆ พวกเราจึงจะสามารถสกัดนางเอาไว้ได้”

เขาเป็นคนแรกที่วิ่งเลียบฝั่งทะเลสาบ ทั้งวิ่งและจ้องกลางทะเลสาบไปพลาง และนั่นเอง ก็มองเห็นการเคลื่อนไหวในน้ำจริงๆ ด้วย มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างแช่มช้า อาภรณ์สีเขียวอ่อนเป็นสีเดียวกับต้นหลิวห้อยต่องแต่งกระทบผิวน้ำ

“รีบตามไปเร็ว อยู่ในทะเลสาบนั่น” ต้าเฉวียนเอ่ยบังคับบัญชา

ยามในวังหลายคนรีบวิ่งเข้าไปอย่างลนลาน หน้าที่คือต้องขวางหลีโม่เอาไว้ตรงหน้าฝั่ง

หลีโม่ตกลงไปในทะเลสาบจริง นางรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะต้องซ่อนตัวจากหูตาของคนเหล่านั้น ตำหนักอี๋หลานจะต้องถูกปิดกั้น อีกทั้งผ่านตำหนักซีเวยไม่สามารถวิ่งพรวดได้ มิเช่นนั้นผ่านบรรดาผู้ที่สะพายคันธนูง้างคันศรอยู่ นางก็กลายเป็นเม่นไปแล้ว

วิธีทางเดียว คือต้องว่ายน้ำข้ามไปฝั่งตรงข้ามเท่านั้น

ถึงแม้ว่ากระบวนความคิดจะไม่ได้ประสานงานกับร่างกายนี้เท่าใดนัก แต่ว่าเคราะห์ดีที่ยังสามารถว่ายน้ำได้ เพียงแต่ช้าหน่อย

เพื่อไม่ให้ถูกค้นพบ นางทำได้เพียงว่ายรอบๆ ริมทะเลสาบเท่านั้น ริมทะเลสาบมีต้นหลิวโน้มลงมา สามารถพรางตัวได้เล็กน้อย

หลีโม่ทั้งว่ายน้ำทั้งหันหน้ากลับไปมอง พบว่ามีคนวิ่งรอบริมทะเลสาบ นางรู้ว่าตนเองถูกค้นพบเข้าให้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม