บทที่ 643 ทำความเข้าใจสถานการณ์ของศัตรู
ส่วนหูฮวนซีนั้น ก็แต่งตัวเหมือนเดิมแทบจะตลอดเวลา
กระโปรงชุดลายดอกเบญจมาศสีเหลืองดอกเล็ก ๆ กับลายน้ำสีคราม กระบอกแขนเล็ก รัดที่เอว บนศีรษะผูกรวบไว้เป็นทรงเงินก้อน ประดับเอาไว้ปิ่นปักผมเรียบ ๆ ที่หูประดับเอาไว้ด้วยต่างหูคล้ายเม็ดข้าวที่นางเป็นคนออกไป บอกไม่ได้ว่ามันรับกันพอเหมาะพอเจาะ
อันที่จริงแล้วคนที่เคยเป็นประธานมาก่อน ใบหน้าที่แสดงท่าทางไร้เหตุผล ต่อให้อยู่ในร่างของคนที่อายุสิบกว่าปี ก็ไม่อาจจะปิดบังเอาไว้ได้
ที่เบื้องหลังของสองคนนั้น มีทาสรับใช้สองคนติดตามมาด้วย คือฉินจือและโฉงหวา
สำหรับหูฮวนซีนั้น ต่อให้ออกมาข้างนอกแล้วพาคนมาด้วย ก็ให้คนของตัวเองรออยู่ที่ด้านนอก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยให้เข้าไปด้วย “ข้าดูแล้ว ดูเหมือนว่าจะผ่ายผอมไปมา” ซือถูจิ้งเข้ามาข้างใน พลางก็สำรวจดูหลีมาไปด้วย ทำเสียงจึ้กจั้กแล้วพูดขึ้นว่า “ดินและน้ำของแคว้นเป่ยม่อนี้ไม่ได้เลี้ยงดูผู้คน”
หูฮวนซีทรุดกายลงนั่ง วันนี้นางเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เมื่อได้นั่งลงแล้วอย่างไรก็ไม่มีทางจะลุกขึ้นให้เป็นอัดขาด
หลีโม่หัวเราะพลางพูดขึ้น “ดินและน้ำเลี้ยงคนไม่ได้หรอก กินไม่อิ่ม”
“เอ๊ะ?เจ้ากล้าเมินเฉยต่อเทวดาผู้มีชีวิตของพวกเรา?ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรอ”ซือถูจิ้งพูดล้อเล่นขึ้น
หลีโม่โบกมือไปมา “พอและ ๆ เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้า เรื่องราวอะไรในแคว้นเป่ยม่อไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่รู้ ”
“ก็ไม่รู้จริง ๆ นี่”ซือถูจิ้งเองก็นั่งลงด้วย ทั้งฉินจือและโฉงหวาทั้งสองคนก็รุดถอยหลังไปรออยู่ตรงปากประตู
“ไม่ต้องพูดถึงแคว้นเป่ยม่อ นี่จะว่าไป ฮองไทเฮานี่ทรงรับสั่งให้คนไปที่ตำหนักขององค์หญิงแล้ว?” หลีโม่ถามขึ้น
ซือถูจิ้งหัวเราะขึ้นอย่างดูแคลน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็นว่า “ก็มาแล้วสิ แต่ข้าคนนี้สั่งให้ออกไปแล้ว”
“สั่งให้ออกไป?เช่นนั้นพระองค์ไม่ตรัสอะไรหรือ?”
“นางกล้าหรอ?”ใบหน้าของซือถูจิ้งเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น “นางอยู่ฐานะอะไร?ถึงได้ยกตัวเองเป็นฮองไทเฮาขึ้นมาจริง ๆ ?ใจของนางก็รู้ดี ฝ่าบาทเพียงแค่อยากได้อำนาจของฝั่งบ้านมารดาของนาง อีกทั้งนางไม่มีลูก ยกเอานางขึ้นมาใช้ก็ไม่ต้องกังวลอะไร ถ้าหากว่าต้องสถาปนาฮองไทเฮาจริง ๆ ไท่เฟยที่มีโอรสและธิดามากมายเล่า ไฉนเลยถึงจะเวียนมาถึงนางได้? ”
หลีโม่ส่ายหน้าเบา ๆ “เรื่องสถาปนาฮองเฮานี่ข้าได้ยินมา นี่มันเป็นการสถาปนาฮองไทเฮา เพิ่งได้ยินครั้งแรกจริง ๆ”
“ก็ไม่ใช่หรือไง?มีทำกันแบบนี้เสียที่ไหย?ไอ้สามก็ใกล้จะตายแล้ว ทำแบบนี้ไม่เหมาะสม ทุกคนก็รู้ดี ทั้งหมดทั้งฮองไทเฮา ไม่ก็พระชายาเอกของฮ่องเต้องค์ก่อน ไม่ก็พระมารดาที่ให้กำเนิดฝ่าบาท ถ้าหากว่าจะมีข้อยกเว้น ก็ต้องมีโอรสหรือธิดา?ไม่รู้จริง ๆ ว่าในใจของฝ่าบาททรงคิดอะไร ศัตรูคนนอกยังไม่ทันจัดการได้สงบ ก็กลับเป็นคนที่มีความคิดอยากจะทำอะไรต่อตัวเอง”
หลีโม่นิ่งงันไปสักพัก จะคิดอะไรได้? ไม่มีอะไรมากกว่ากว่าที่เหลาไท่จุนได้วิเคราะห์พวกนั้นเอาไว้
หูฮวนซีที่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรขึ้นนั้น ซือถูจิ้งก็ได้สะกิดนางเข้าหน่อย “เจ้าก็พูดอะไรสักหน่อยสิ ตีหน้ามึนอย่างนั้นทำไมกัน?ตั้งนานไม่ได้เจอหลีโม่รู้สึกเหินห่างแล้วใช่ไหม?”
หูฮวนซีดึงสติขึ้น “จะให้ข้าพูดอะไร?ตอนนี้ข้าเป็นน้องสาวของฮองเฮา สถานะสูงส่ง ต่อไปจะต้องยกยอสถานะตัวเอง จะพูดจะจาอะไรก็ต้องครุ่นคิดให้ดีก่อนถึงจะได้”
“เจ้าเป็นอะไรไป?” หลีโม่ได้ยินนางพูดเช่นนี้เหมือนกับไม่พอใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
หูฮวนซีหัวเราะด้วยเสียงเยียบเย็น “ข้าจะเป็นอะไรได้?ฟังไม่ออกหรอ?ข้าเป็นน้องสาวของฮองเฮา ตระกูลหูเป็นบ้านฝั่งพระมารดาของฮองเฮา บุตรสาวที่มาจากคนทำมาค้าขายได้เป็นฮองเฮา ไม่ควรจะพูดกฎระเบียบสักหน่อยหรอ?”
“หืม?ที่บ้านเจ้ามีหรอ?”หลีโม่ตกตะลึง
“ก็ไม่เชิง? เมื่อก่อนหน้านี้ก็มีมาที่บ้านวุ่นวายเสียจนทำให้ตระกูลหูระส่ำระสาย น่ารำคาญ”หูฮวนซีพูดขึ้น
“ระดับเจ้า ก็จัดการรับมือไม่ได้?”หลีโม่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ วิธีการของหูฮวนซีช่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ก็ควรที่จะไม่ต้องมารำคาญใจเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...