พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 643

สรุปบท บทที่ 643 ทำความเข้าใจสถานการณ์ของศัตรู: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอน บทที่ 643 ทำความเข้าใจสถานการณ์ของศัตรู จาก พิษรักองค์ชายโฉมงาม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 643 ทำความเข้าใจสถานการณ์ของศัตรู คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ที่เขียนโดย ใบไม้แดง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 643 ทำความเข้าใจสถานการณ์ของศัตรู

ส่วนหูฮวนซีนั้น ก็แต่งตัวเหมือนเดิมแทบจะตลอดเวลา

กระโปรงชุดลายดอกเบญจมาศสีเหลืองดอกเล็ก ๆ กับลายน้ำสีคราม กระบอกแขนเล็ก รัดที่เอว บนศีรษะผูกรวบไว้เป็นทรงเงินก้อน ประดับเอาไว้ปิ่นปักผมเรียบ ๆ ที่หูประดับเอาไว้ด้วยต่างหูคล้ายเม็ดข้าวที่นางเป็นคนออกไป บอกไม่ได้ว่ามันรับกันพอเหมาะพอเจาะ

อันที่จริงแล้วคนที่เคยเป็นประธานมาก่อน ใบหน้าที่แสดงท่าทางไร้เหตุผล ต่อให้อยู่ในร่างของคนที่อายุสิบกว่าปี ก็ไม่อาจจะปิดบังเอาไว้ได้

ที่เบื้องหลังของสองคนนั้น มีทาสรับใช้สองคนติดตามมาด้วย คือฉินจือและโฉงหวา

สำหรับหูฮวนซีนั้น ต่อให้ออกมาข้างนอกแล้วพาคนมาด้วย ก็ให้คนของตัวเองรออยู่ที่ด้านนอก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยให้เข้าไปด้วย “ข้าดูแล้ว ดูเหมือนว่าจะผ่ายผอมไปมา” ซือถูจิ้งเข้ามาข้างใน พลางก็สำรวจดูหลีมาไปด้วย ทำเสียงจึ้กจั้กแล้วพูดขึ้นว่า “ดินและน้ำของแคว้นเป่ยม่อนี้ไม่ได้เลี้ยงดูผู้คน”

หูฮวนซีทรุดกายลงนั่ง วันนี้นางเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เมื่อได้นั่งลงแล้วอย่างไรก็ไม่มีทางจะลุกขึ้นให้เป็นอัดขาด

หลีโม่หัวเราะพลางพูดขึ้น “ดินและน้ำเลี้ยงคนไม่ได้หรอก กินไม่อิ่ม”

“เอ๊ะ?เจ้ากล้าเมินเฉยต่อเทวดาผู้มีชีวิตของพวกเรา?ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรอ”ซือถูจิ้งพูดล้อเล่นขึ้น

หลีโม่โบกมือไปมา “พอและ ๆ เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้า เรื่องราวอะไรในแคว้นเป่ยม่อไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่รู้ ”

“ก็ไม่รู้จริง ๆ นี่”ซือถูจิ้งเองก็นั่งลงด้วย ทั้งฉินจือและโฉงหวาทั้งสองคนก็รุดถอยหลังไปรออยู่ตรงปากประตู

“ไม่ต้องพูดถึงแคว้นเป่ยม่อ นี่จะว่าไป ฮองไทเฮานี่ทรงรับสั่งให้คนไปที่ตำหนักขององค์หญิงแล้ว?” หลีโม่ถามขึ้น

ซือถูจิ้งหัวเราะขึ้นอย่างดูแคลน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็นว่า “ก็มาแล้วสิ แต่ข้าคนนี้สั่งให้ออกไปแล้ว”

“สั่งให้ออกไป?เช่นนั้นพระองค์ไม่ตรัสอะไรหรือ?”

“นางกล้าหรอ?”ใบหน้าของซือถูจิ้งเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น “นางอยู่ฐานะอะไร?ถึงได้ยกตัวเองเป็นฮองไทเฮาขึ้นมาจริง ๆ ?ใจของนางก็รู้ดี ฝ่าบาทเพียงแค่อยากได้อำนาจของฝั่งบ้านมารดาของนาง อีกทั้งนางไม่มีลูก ยกเอานางขึ้นมาใช้ก็ไม่ต้องกังวลอะไร ถ้าหากว่าต้องสถาปนาฮองไทเฮาจริง ๆ ไท่เฟยที่มีโอรสและธิดามากมายเล่า ไฉนเลยถึงจะเวียนมาถึงนางได้? ”

หลีโม่ส่ายหน้าเบา ๆ “เรื่องสถาปนาฮองเฮานี่ข้าได้ยินมา นี่มันเป็นการสถาปนาฮองไทเฮา เพิ่งได้ยินครั้งแรกจริง ๆ”

“ก็ไม่ใช่หรือไง?มีทำกันแบบนี้เสียที่ไหย?ไอ้สามก็ใกล้จะตายแล้ว ทำแบบนี้ไม่เหมาะสม ทุกคนก็รู้ดี ทั้งหมดทั้งฮองไทเฮา ไม่ก็พระชายาเอกของฮ่องเต้องค์ก่อน ไม่ก็พระมารดาที่ให้กำเนิดฝ่าบาท ถ้าหากว่าจะมีข้อยกเว้น ก็ต้องมีโอรสหรือธิดา?ไม่รู้จริง ๆ ว่าในใจของฝ่าบาททรงคิดอะไร ศัตรูคนนอกยังไม่ทันจัดการได้สงบ ก็กลับเป็นคนที่มีความคิดอยากจะทำอะไรต่อตัวเอง”

หลีโม่นิ่งงันไปสักพัก จะคิดอะไรได้? ไม่มีอะไรมากกว่ากว่าที่เหลาไท่จุนได้วิเคราะห์พวกนั้นเอาไว้

หูฮวนซีที่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรขึ้นนั้น ซือถูจิ้งก็ได้สะกิดนางเข้าหน่อย “เจ้าก็พูดอะไรสักหน่อยสิ ตีหน้ามึนอย่างนั้นทำไมกัน?ตั้งนานไม่ได้เจอหลีโม่รู้สึกเหินห่างแล้วใช่ไหม?”

หูฮวนซีดึงสติขึ้น “จะให้ข้าพูดอะไร?ตอนนี้ข้าเป็นน้องสาวของฮองเฮา สถานะสูงส่ง ต่อไปจะต้องยกยอสถานะตัวเอง จะพูดจะจาอะไรก็ต้องครุ่นคิดให้ดีก่อนถึงจะได้”

“เจ้าเป็นอะไรไป?” หลีโม่ได้ยินนางพูดเช่นนี้เหมือนกับไม่พอใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

หูฮวนซีหัวเราะด้วยเสียงเยียบเย็น “ข้าจะเป็นอะไรได้?ฟังไม่ออกหรอ?ข้าเป็นน้องสาวของฮองเฮา ตระกูลหูเป็นบ้านฝั่งพระมารดาของฮองเฮา บุตรสาวที่มาจากคนทำมาค้าขายได้เป็นฮองเฮา ไม่ควรจะพูดกฎระเบียบสักหน่อยหรอ?”

“หืม?ที่บ้านเจ้ามีหรอ?”หลีโม่ตกตะลึง

“ก็ไม่เชิง? เมื่อก่อนหน้านี้ก็มีมาที่บ้านวุ่นวายเสียจนทำให้ตระกูลหูระส่ำระสาย น่ารำคาญ”หูฮวนซีพูดขึ้น

“ระดับเจ้า ก็จัดการรับมือไม่ได้?”หลีโม่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ วิธีการของหูฮวนซีช่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ก็ควรที่จะไม่ต้องมารำคาญใจเช่นนี้

“ฝักใฝ่คิดละโมบ?”หลีโม่ขัดจังหวะนาง “เมื่อก่อนนางเคยคดโกง?”

“นางเป็นบ้านใหญ่ เป็นคนเคยจัดการเรื่องบัญชีของในจวน โกงไปไม่น้อย”หูฮวนซีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

หลีโม่ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าแสดงท่าทีครุ่นคิด “แต่ เจ้าลองคิดให้ละเอียดดู นางเป็นคนที่เล่นละครได้เก่ง ดูผิวเผินไปแล้วเป็นคนโอนอ่อน เป็นคนไม่มีพิษภัย แต่ว่า ใจของนางมืดมัว ให้เจ้าเชื่อใครต่อใครก็ไม่ต้องเชื่อนาง โชคดีที่ว่าข้ามีสติ ไม่เช่นนั้นก็ต้องสังหารนางไปตั้งนางแล้ว” หูฮวนซีพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“ไม่ดีกว่าหรอถ้าจะสังหารนางเสีย บัดนี้ยังไปให้นางเป็นถึงฮองเฮา” ซือถูจิ้งทอดถอนใจ

หูฮวนซีใช้มือตบลงบนโต๊ะ อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านจนพูดสวนเข้าไป “เพราะเรื่องนี้ ทำให้ข้าเสียดายเป็นที่สุด ”

“ไม่ต้องเดือดพล่านนัก ใจเย็น ๆ ” หลีโม่เมื่อเห็นหูฮวนซีพูดถึงนางว่าเลวร้ายเช่นนั้น ดูท่าแล้วหูฮวนหลิงผู้นี้จะเป็นคนที่ชั่วร้ายจริง ๆ

กว่าทั้งสามคนจะหยุดลงก็จนถึงเวลาค่ำช่วงเวลายามไห่ถึงได้แยกตัว พวกนางรับประทานอาหารร่วมกัน ดื่มด่ำกับสุรา เพราะว่าวันพรุ่งจะต้องเข้าวังในตอนเช้าเพื่อแสดงความเคารพ พวกนางถึงได้แยกย้าย ไม่เช่นนั้นแล้ว ทั้งสามนางคงจะต้องพูดคุยกันจนตลอดทั้งคืน เมื่อได้ส่งให้ซือถูจิ้งและฮวนซีกลับไปแล้ว หลีโม่ก็ได้สั่งให้มามาเข้ามา

“เจ้าเล่าเรื่องฮองไทเฮาผู้นั้นให้ข้าฟังหน่อย”

ถึงแม้ว่าพอจะรู้อยู่บ้าง แต่ทว่า เพื่อรับมือกับศัตรูแล้วนั้น ก็ต้องรู้ให้มันทะลุปรุโปร่ง

มามาพูดขึ้น “สีไท่เฟย……ฮองไทเฮาถือกำเนิดในจวนจิ้งโก๋วเหา บัดนี้เป็นคุณหนูคนโตของเซี่ยนเหาฉีจู้ บิดาของฮองไทเฮานั้นคือ ฉีซู่ ในตอนนั้นเป็นนายพลทหารเหมือนกับเฉินไท่จูน เมื่อก่อนไท่ฮองไท่เฮาได้ให้ความสำคัญต่อเขา ถึงได้ถูกแต่งตั้งเป็นเซี่ยนเหา เมื่อเขาตายไป บุตรชายจากภรรยาที่ถูกต้องก็ได้รับการสืบทอดต่อ”

มามานิ่งไปสักพัก แล้วก็พูดขึ้น “ในปีนั้นไท่ฮองไท่เฮาได้ยกย่องชื่นชมเซี่ยนเหาคนก่อน ดังนั้นถึงได้ให้ฉีสีอภิเสกกับฮ่องเต้องค์ก่อน สีไท่เฟยผู้นี้เป็นคนมีจิตใจคับแคบต่อผู้คน เป็นคนเห็นแก่ตัว มีจิตใจชั่วร้าย ไม่ได้นิสัยของเซี่ยนเหามาเลยสักนิด ไท่ฮองไท่เฮาเคยตรัสเอาไว้ ว่าในชาตินี้พระองค์เคยตัดสินพระทัยผิดมาถึงสามครั้ง คือให้ฉีสีอภิเษกกับฮ่องเต้องค์ก่อน ก็เป็นเรื่องหนึ่ง จริง ๆ แล้วในปีนั้นลูกของจินเหลียงหยวนหาได้ถูกทำร้ายไปเสียที่ไหน?อย่างน้อย ๆ บนตัวของนางก็ต้องแบกรับชีวิตของคนเอาไว้อีกเจ็ดแปดชีวิต ข้าน้อยก็พูดไปว่านั่นเป็นเรื่องสมัยที่นางเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท เข้าวังไปแล้วใครจะไปรู้?ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะบิดาของนางเป็นคนโดดเด่น มีส่วนช่วยต่อราชสำนัก เกรงว่าจะถูกตีตายไปนานแล้ว” เป็นอีกคนที่ชั่วร้ายเช่นกัน ในช่วงนี้ฮ่องเต้ปฏิบัติกับพวกคนเลวทรามต่ำช้าพวกนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก

ในช่วงตลอดคืนนั้นก็เงียบเสียงหมดคำพูดใด ๆ วันที่สองในช่วงฟ้ารุ่ง หลีโม่ก็ได้ตื่นขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม