บทที่ 645 เข้าวังถวายความเคารพ
หูฮวนหลิง ที่อยู่ตรงกลางผู้คนที่เบียดแน่นเดินเข้ามา ค่อย ๆ ย่างเท้ามาอย่างช้า ๆ โดยที่ชุดกระโปรงแทบไม่ได้ขยับเขยื้อน ถึงแม้จะเป็นหญิงสาวจากคนค้าขาย แต่ก็ได้รับการอบรมกฎระเบียบมา
“ท่านพี่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง!”นางเข้าวังมาช้าที่สุด ถึงแม้จะเป็นคนมาทีหลัง แต่อายุก็น้อยกว่าพวกนาง ในตอนที่ฮองเฮาเข้าวังมานั้น ตามที่ทุกคนได้รู้กัน นางเป็นหญิงสาวที่อ่อนน้อมเจียมเนื้อเจียมตัว
แต่ว่า ความอ่อนน้อมของนาง กลับไม่ได้รับความเคารพ เพราะสถานะของตนที่ไม่ดี ในระหว่างที่พูดคุยนั้น พลันได้ยินเสียงคนที่อยู่ด้านนอกตะโกนขึ้น “พระชายาซื่อเจิ้งเสด็จมาถึงแล้ว องค์หญิงใหญ่เสด็จมาถึงแล้ว!”
ทั้งหมดต่างพากันมองไป เห็นเสี้ยหลีโม่ที่สวมใส่ไว้ด้วยชุดราชสำนักตามประเพณีของพระชายาซื่อเจิ้ง
ปลาสีแดงที่ปักงดงามอยู่บนชุดกระโปรงตามในรั้วในวังที่ด้านบนมีหงส์บินปักเอาไว้อยู่ มวยผมด้านบนมีปิ่นเงินที่สวยงามปักเอาไว้อยู่ ใบหูมีไข่มุกแห่งทะเลตะวันออกสองเม็ดประดับไว้ มีลักษณะเรียบง่าย ก็รู้เลยว่าเป็นฝีมือของหูฮวนซี
วันนี้องค์หญิงใหญ่สวมใส่ไว้ด้วยชุดเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง บนชุดกระโปรงมีเพียงแค่ลายปักเมฆครึ้มด้วยสีสะอาดสะอ้าน ที่กระบอกแขนเสื้อปักเอาไว้ด้วยดอกไห่ถังฮวาดอกเล็ก ๆ ตรงกลางขอบเสื้อที่เป็นสีฟ้ายังปักไว้ด้วยลายดอกอีกหลายดอก ช่างงดงามเป็นยิ่งนัก
หูฮวนหลิงเองก็คิดไม่ถึงว่าใบหน้าของเสี้ยหลีโม่จะผุดผาดออกมาเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องนางที่ว่าต่อ ๆ กันมา ซึ่งไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องที่ฝีมือทางการแพทย์ของนางนั้นโดดเด่นอย่างไร กระบวนการรักษานั้นมีความเฉียบแหลมอย่างไร แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าหน้าตาของนางจะดูสวยงามเช่นนี้
นางดึงผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือเอาไว้ ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับเอาไว้ตลอด
สายตาของหลีโม่ก็ได้หยุดลงบนร่างของฮองเฮา ช่างมีความละม้ายคล้ายคลึงกับหูฮวนซี แต่ทว่า มุมต่าง ๆ ของใบหน้านั้นกลับดูอ่อนละมุนกว่าหูฮวนซีเสียด้วยซ้ำ นัยน์ตาและใต้คิ้วแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อมองไปแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นหญิงที่มีคุณธรรม จิตใจมีเมตตาอารี แต่ทว่าคำพรรณนาที่หลีโม่คิดเอามาบรรยายหูฮวนซีได้นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเติมคำหลังลงไปให้ด้วยว่า เป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยว!
นางมองไปอีกที วันนี้อี๋กุ้ยเฟยสวมใส่ชุดราชสำนักสีเหลืองที่ปักเป็นลายเมฆและมีดอกยี่โถประดับเอาไว้ มือทั้งสองประคองเอาไว้อยู่ภายในกระบอกแขนเสื้ออันใหญ่โต มีแป้งผัดเอาไว้ รวบผมไว้เป็นมวย ผ้าสีทองยาวมีพู่สีทองสะบัดไปมาอยู่ข้างใต้ อยู่ข้าง ๆ หูค่อย ๆ สะบัดไปมาเล็กน้อย
ใบหน้าของนางเรียบเฉย ยืนอยู่เงียบ ๆ อยู่ด้านหนึ่ง องค์ชายเจ็ดยืนอยู่ข้างกายของนาง โดยที่แสดงสีหน้าอารมณ์ออกมาเหมือนเช่นเดียวกันกับนาง
วันนี้หมุยเฟยแต่งหน้าเอาไว้หนาขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังหมดหนทางที่จะปกปิดรอยนิ้วมือบนใบหน้า ดูท่าแล้ว เมื่อก่อนหน้านี้คงไม่ได้แค่โดนทำโทษให้คุกเข่า แต่ยังโดนตบปากมาด้วย
วันนี้นางสวมใส่เอาไว้ด้วยกระโปรงสีคราม ทำผมเป็นทรงมวยหลังม้า ไม่ได้สำแดงอะไรออกมา และก็ไม่กล้าที่จะกระโตกกระตากอะไรออกมา องค์ชายสามประคองนางเอาไว้ ใบหน้านิ่งสงบมีความอดทนแฝงเอาไว้ หลีโม่จดจ้องอยู่ที่ท่าทางของเขา ก็นึกถึงไอ้เจ็ด บางที ในตอนที่เขายังอายุน้อยกว่านี้ ก็มีสภาพเป็นเช่นนี้
หลีโม่เดินมาอยู่ตรงเบื้องหน้าของ หูฮวนหลิง ค่อย ๆ ย่อกาย “เสี้ยหลีโม่ถวายความเคารพฮองเฮาเหนียงเหนียง!”
หูฮวนหลิงยิ้มพลางกุมมือของหลีโม่เอาไว้ “หลีโม่ใช่ไหม?ข้าได้ยินเรื่องเจ้ามาตั้งนานแล้ว หน้าตาดูสวยงามเป็นที่น่าหลงใหลยิ่ง”
หลีโม่อมยิ้ม “ฮองเฮาเหนียงเหนียงรับสั่งเกินไปแล้วเพคะ หลีโม่หน้าตาหยาบกระด้าง จะไปถึงกระผีกส่วนเดียวของฮองเฮาได้อย่างไร?”
หูฮวนหลิงยิ่งฉีกยิ้มกว้างมากขึ้น ใบหน้ามีสีแดงเป็นริ้ว ๆ ปรากฏขึ้น “น้องหลีโม่ช่างวาจาขบขันยิ่ง”
ในจังหวะที่พูดคุยกันนั้น พลันก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้น “จาวกุ้ยเฟยเสด็จ!”
ทุกคนต่างมองไป หลีโม่พบว่า ใบหน้าของหลายคนเลยที่แสดงออกด้วยความดูแคลน หรือแม้กระทั่งดูถูกเหยียดหยันเลยด้วยซ้ำ
เมื่อก่อนเคยพบกับซุนฟางเอ้อร์ นางแต่งตัวธรรมดา ๆ แต่วันนี้สวมใส่ไว้ด้วยชุดราชสำนักหรูหรา ที่กระโปรงนั้นก็ปักเอาไว้ด้วยภาพที่ดูประณีตและสลับซับซ้อน ใบหน้าขาวผุดผาด ขาวเสียจนแทบจะมองไม่เห็นสีเลือด เครื่องหน้าทั้งห้าดูงดงาม เรียวคิ้วเล็กยาว ขนตางอนเป็นแพ จมูกโด่งสวยงาม ริมฝีปากถูกกลบเอาไว้ด้วยสีผึ้ง สวยงามมีเสน่ห์ชวนมองอย่างไม่อาจจะบรรยายได้
ถึงแม้ว่าจะเจอซุนฟางเอ้อร์มาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่ว่าทุกครั้งหลีโม่กลับต้องตกตะลึงในความงามของนาง นางดูสะสวย ราวกับเป็นเทพธิดาที่อยู่นอกพิภพ โดยที่ไม่มีอะไรเปรอะเปื้อน แต่ว่านางเพียงแค่ตกลงมาบนโลกใบนี้ ดังนั้นจึงไม่เข้ากับพวกกับสิ่งที่อยู่บนโลกนี้
นางเดินไปถึงเบื้องหน้าของฮองเฮาแล้วทำความเคารพ น้ำเสียงเรียบเฉยไร้ความรู้สึก “ข้าน้อยถวายความเคารพฮองเฮาเหนียงเหนียง”
“น้องสาว ร่างกายของเจ้าดีขึ้นแล้วหรือไม่?”ฮองเฮามองไปทางซุนฟางเอ้อร์ด้วยสายตาที่ดูทนุถนอม พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ “เจ้าต้องดูแลสุขภาพให้ดี บัดนี้เจ้าต้องติดตามดูแลฝ่าบาท ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ไม่พ้นมือเจ้า เจ้าต้องดูแลตัวเองดี ๆ”
ท่าทางที่ดูห่วงใยและใส่ใจ ทำให้คนไม่สามารถหาข้อบกพร่องออกมาได้ นางเป็นแค่บุตรสาวของพ่อค้า แต่กลับมีท่าทางเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน
ซุนฟางเอ้อร์ก้มหน้าหลบตาลง “ขอบพระทัยเหนียงเหนียงที่ใส่พระทัยเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...