พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 646

บทที่646 ดั่งพายุตะลุมบอน

ฮองเฮาเป็นผู้นำคนที่อยู่เต็มทั้งสนาม พาเข้าไปในตำหนัก

หลีโม่ให้ความสนใจต่อท่าทางของอี๋กุ้ยเฟยที่ทำตัวนิ่งเฉย ช่างแตกต่างกับในเมื่อก่อนราวฟ้ากับเหว โดยที่แต่ก่อนเป็นคนหยิ่งผยองดื้อด้าน

เมื่อเข้ามายังตำหนักตรงที่เตรียมการแล้ว ก็มองเห็นคนในวัยกลางคนสวมใส่ไว้ด้วยชุดราชสำนักของไทเฮานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่แกะสลักโดยปรมาจารย์ชั้นฝีมือ ท่าทางของนางค่อนข้างดูวางอำนาจ สายตาดูแหลมคม ตกแต่งใบหน้าเอาไว้หนาเตอะ จนผิวขาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

อายุของนาง จากที่ดูไปแล้ว น่าจะราว ๆ ห้าสิบปี แต่หากพินิจมองดูตรงปลายหางตา ก็จะรู้ได้ว่าน่าจะมีอายุมากกว่าหกสิบปี

สีไท่เฟยยังอายุมากกว่าซุนไท่เฮาในเมื่อก่อนมากกว่าสักสองปีเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อได้ถกกันแล้วนั้น ปีนี้น่าจะสักหกสิบสามเห็นจะได้

หญิงมีอายุหกสิบกว่าปีคนหนึ่ง แต่กลับดูแลตัวเองได้ดีขนาดนี้ ช่างไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ

หลีโม่ก็ได้คุกเข่าลงตามพร้อมกับคนอื่น ๆ ถวายความเคารพสามครั้ง

ฮองไทเฮาเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยกชาขึ้นแล้วค่อย ๆ ดื่มลง แล้วค่อย ๆวางลงบนชั้น

ที่เบื้องล่างไม่ได้พูดอะไรกันขึ้น ดูท่าทุกคนคงรู้ฝีมือของนาง โดยเฉพาะหมุยเฟย ถึงแม้ว่าร่างกายจะนิ่งแข็งไม่ได้ขยับ แต่กลับอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทาขึ้น

ผ่านไปเป็นเวลานาน ก็ได้ยินเสียงแสดงอำนาจอย่างเยือกเย็นดังขึ้น “ทั้งหมดลุกขึ้นเถอะ!”

“ขอบพระทัยไทเฮา!”ฮองเฮานำพาทุกคนให้หยัดกายลุกขึ้น

ฮองไทเฮาไม่ได้ให้ทุกคนนั่งลง สายตากวาดมองไปยังใบหน้าของทุกคน ท้ายที่สุดถึงมาหยุดลงบนใบหน้าของหลีโม่ แต่แค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็เบนสายตาออก แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พระชายากี่พระองค์ มีมาแค่พระองค์เดียว?”

หลีโม่ถึงรู้ตัวขึ้นว่า พระชายาอ๋องหลี่ชินและพระชายาของท่านอ๋องอีกหลายท่านนั้นยังมาไม่ถึงกันเลย

ฮองเฮาที่เข้าอกเข้าพระทัยคนอื่นก็ตรงขึ้นไปอธิบาย “ฮองไทเฮาอย่าทรงกริ้วไป พระชายาพวกนั้นไปจัดการเรื่องในตำหนัก เกรงว่าจะยุ่งกันอยู่ อาจจะมีคนตื่นสายไปบ้าง”

“เช่นนั้นรึ?”ปลายหางเสียงของฮองไทเฮาตวัดสูงขึ้น ต่อให้หลีโม่ก้มหน้ามองเท้าก็ยังฟังออกถึงความหมายที่ไม่ชอบใจนั้น

นางส่งเสียงหึหนัก ๆ ออกทางจมูก “เรื่องในตำหนักต่อให้มากแค่ไหน ยังจะมากกว่าในวังอีกรึ?ข้าจัดแจงเรื่องในวังหลวง ก็ไม่ได้ทำให้ถูกต้องเหมือนกันหรอกหรือ?กลัวเสียมากกว่าว่าจะไม่ได้เอาเรื่องข้าเก็บมาใส่ใจ อย่างไรก็แล้วแต่ต้องเข้าวังมาเพื่อถวายความเคารพ ก็เป็นเพียงแค่มารยาทจอมปลอม ใครกันเล่าจะมาใส่ใจเรื่องของข้า?”

ทุกคนต่างใจเต้นระทึก ต่างพากันแสดงตัวขอรับผิด

ศึกในครั้งนี้ทำให้หลีโม่รู้สึกไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าใดนัก ว่าหญิงชราผู้นี้จริง ๆ แล้วทำอย่างไรให้คนรู้สึกเกรงกลัวต่อนางกัน?

เป็นไปได้หรือ ว่าฝ่าบาทจะสนับสนุนคนที่ไร้เหตุผลเช่นนางนั้นจริง ๆ?

ซือถูจิ้งทนมองไม่ได้ต่อไป พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “การถวายความเคารพนับเป็นเรื่องของความกตัญญู การบังคับอย่างเข้มงวดให้ไปทำนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีมาตรฐาน จะดูงงตรงี่ว่าเอาเรื่องความกตัญญูมาพูดวิเคราะห์ในเชิงขั้นสูง ทำเหมือนกับต่ำกว่าระดับมาตรฐาน ก็จะต้องมีคนไม่ชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ฮองไทเฮาเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มเยียบเย็นขึ้น “องค์หญิงใหญ่ ข้ารู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเจ้าไม่เคยนอบน้อมต่อข้า พอฟังคำพูดของเจ้าแล้ว เป็นไปได้หรอว่าพวกขุนนางข้าราชสำนักชั้นผู้ใหญ่ออกว่าราชการ ก็จะมาสายเท่าไหร่ตามอำเภอใจก็ได้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม