ตอนที่ 652 จดหมายจากเจ้าเมือง
หลีโม่ก็ไม่อยากอยู่นาน ก็เลยพูดว่า “ฝ่าบาทมีราชกิจมากมาย หม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว หม่อมฉันไม่ได้เจอท่านแม่นานมากแล้ว อยากไปคุยกับนาง หม่อมฉันทูลลา”
ฮ่องเต้ก็พูดอย่างเข้าใจหัวอกนาง “ก็จริงนะ เจ้าไปแคว้นเป่ยม่อก็เกือบ2เดือน ไปเถิด นางอยู่ที่ตำหนักซีเวย เดี๋ยวข้าให้คนนำเจ้าไป”
หลีโม่ก็ได้ยินดังนั้นก็โล่งอก แสดงว่าฮ่องเต้ก็ไม่อยากผิดใจกับนาง
ฮ่องเต้เรียกลู่กงกงเข้ามา แล้วสั่งให้พาหลีโม่เข้าไป
หลีโม่ลุกขึ้น แล้วค่อยๆ ถอยออกตำหนักไป
ด้านนอกห้องพระอักษรปลูกต้นสนไว้เป็นแถว ออกไปเป็นพุ่มช่วยบดบังความร้อนจากแสงแดด
หลีโม่เดินผ่านป่านต้นสน แล้วตามลู่กงกงเข้าไป
ลู่กงกงก็เหมือนว่าจะค่อนข้างสบายใจ แล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าพระชายาจะถามฝ่าบาทเรื่องฮองไทเฮา”
หลีโม่ตอบ “เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะมาถามไถ่เอาเอง”
“นี่เป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้ ไม่ใช่เรื่องขุนนางจะไต่ถาม เพียงแต่ฮ่องเต้ก็รู้สึกเบื่อที่พวกขุนนางชอบมาถามเรื่องนี้ โดยเฉพาะอ๋องหลี่ชิน เขามาถามเป็นสิบรอบแล้ว”
ใช่ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคนอื่น แต่การแต่งตั้งฮองไทเฮามันเป็นเรื่องใหญ่มาก พวกขุนนางผู้ใหญ่ก็เลยต้องถามให้ชัดเจน แล้วด้วยนิสัยของอ๋องหลี่ชินแล้วด้วย ถ้าไม่บอกเหตุผลชัดเจน เขาไม่ยอมแน่
หลีโม่ไม่ได้ตอบ ลู่กงกงก็พูดมาอีก “จริงๆ ครั้งนี้ฮ่องเต้ก็ไม่ได้เลอะเลือนนะ ครั้งก่อนฮองไทเฮาเซิงเต๋อ แต่งกับฮ่องเต้องค์ก่อนจนกลายเป็นชายาเอก ก็ถือว่าเป็นพระชายาของฮ่องเต้องค์ก่อน ถึงแม้จะถูกปลด แต่ก็ยังมีศักดิ์เป็นภรรยาของฮ่องเต้องค์ก่อน อีกอย่างหลายปีมานี้ ฮองไทเฮาเซิงเต๋อได้เปลี่ยนตัวเองแล้ว และตอนที่วังหลังไม่มีใครเป็นฮองไทเฮานั้น ได้แต่งตั้งนางขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นความกตัญญูของฝ่าบาท เหตุผลนี้น่าจะฟังขึ้น”
หลีโมได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเห็นใจลู่กงกง เพราะเขาเองก็ดูเหมือนจะพูดกล่อมฮ่องเต้ไม่ได้ เพราะว่า ที่พูดออกมา น้ำเสียงดูลำบากใจ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
โดยเฉพาะตอนที่บอกว่าฮ่องเต้ทำไปเพื่อความกตัญญู เขาเองก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะถ้าบอกว่ากตัญญู ฮ่องเต้ก็ไม่น่าจะเอาไท่เฟยมาเป็นฮองไทเฮา นางเป็นสนมที่ฮ่องเต้องค์ก่อนละทิ้ง ถ้าแต่งตั้งนางก็เหมือนว่าขัดต่อพระประสงค์ของฮ่องเต้องค์ก่อน มันจะเป็นการอกตัญญูมากกว่า
ฮ่องเต้ก็รู้ว่าจะมีคนด่า แต่ก็ยังทำลงไป แสดงว่า เขาเองก็ถูกบังคับ แล้วก็พยายามออกมาจากจุดนั้น
พอมาถึงตำหนักซีเวย หลีโม่ต้องรอที่ห้องโถง ลู่กงกงเข้าไปตามตันชิงเสี้ยนจู่และเสี้ยฮ่าวหราน
ไม่นาน ทั้งสองก็ตามลู่กงกงออกมา
เสี้ยฮ่าวหรานเห็นหลีโม่ก็ดีใจ “ท่านพี่ เจ้ากลับมาแล้วหรือ? ข้าคิดถึงเจ้ามากเลย”
หลีโม่ยิ้มมองน้องชายตนเอง เห็นเขามีความสุขดี แต่หน้าดูซีดๆ ไป ก็เลยถามว่า “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ในวังนี้ของกินของใช้ดีจะตาย ทำไมเจ้าหน้าซีดเช่นนี้?”
เสี้ยฮ่าวหรานหัวเราะออกมา “ข้าคิดถึงท่านพี่ กลางคืนก็นอนไม่หลับ”
“เด็กโง่” หลีโม่จับหน้าของเขา พอเห็นเข้ากระพริบตาให้ ก็รู้ว่าเขามีเรื่องปิดบัง แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ แล้วก็หันไปทางแม่ตน
แม่ของนางสีหน้าก็ไม่ดี ขอบตายังเขียว แสดงว่าคงจะกลัวในวังนี้มาก
นางเข้ามาจับมือหลีโม่ แล้วก็ดีใจ “เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว”
ด้านนอก ลู่กงกงให้คนรับใช้ถอยออกไปก่อน เขาเองก็มารอด้านนอก
หลีโม่ก็รู้สิ่งที่เขาทำ ครั้งนี้ก็คงจะปิดบังฮ่องเต้ไว้
“ท่านแม่สบายดีไหม?” หลีโม่ถาม
ตันชิงเสี้ยนจู่จับมือหลีโม่ตลอดทาง มือนางเย้นมาก แขนเสื้อที่กว้างก็ปิดมือทั้งคู่มิด หลีโม่สัมผัสได้ถึงกระดาษบางอย่าง แล้วหลีโม่ก็หยิบมาใส่แขนเสื้อตนเอง
“สบายดี แม่สบายดี แต่เจ้าเหมือนผอมไปนะ ไปแคว้นเป่ยม่อลำบากไหม?” ตันชิงเสี้ยนจู่มีท่าทางไม่สบายใจ
“ถึงจะลำบาก แต่มันก็ผ่านไปแล้ว” หลีโม่กล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...