พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 656

ตอนที่656 ลอบเข้าคุกหลวง

ซูชิงก็ถามขึ้นมา “ในเมื่อกาวเฟิ่งเทียนเป็นคนจัดการ แล้วท่านอ๋องก็บอกว่าจะไม่ไปหากาวเฟิ่งเทียน แล้วจะหาตัวอ๋องเจิ้นโก๋พบได้อย่างไร?”

ซือถูเย้นมองเขา “ข้าไม่ได้จัดการเอง แต่ข้าก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่ต้องไปหากาวเฟิ่งเทียนก็ได้”

แต่ว่า เขาก็ขมวดคิ้ว ท่าทางกังวล

เซี่ยวโธ่เกาหัว “เฮ้อ เหนื่อยจริงๆ ไม่ทะเลาะกันบ้างจะได้ไหม? วกไปวนมา เหนื่อยใจจริงๆ”

“ความคิดเจ้าสู้คนอื่นไม่ได้ วิทยายุทธก็สู้คนอื่นไม่ได้ ถ้าข้าไม่ได้พาเจ้ามา ก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะตายตกไปไม่รู้กี่รอบแล้ว” ซูชิงเย้ยหยัน

เซียวโธ่ถอนหายใจ “ข้าวางแผนสู้เจ้าไม่ได้ แต่วิทยายุทธเก่งกว่าเจ้า หลายปีมานี้ข้าช่วยเจ้าไปไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว พูดหน้าไม่อาย”

ซูชิงหัวเราะพูด “ใช่สิ เจ้ามีวิทยายุทธเก่งกล้า ก็แค่อาศัยอาวุธสงครามที่เป็นของขวัญแต่งงานของหลิ่วหลิ่วหรอกหรือ? พูดถึงอาวุธสงคราม เราก็ต้องมาพูดถึงเรื่องหน้าด้านนี้กัน ได้ยินว่าตระกูลเฉินจะไม่ส่งอาวุธพวกนั้นมา มีคนดิ้นตอนที่วันเยี่ยมบ้านเจ้าสาววันแรก จะเป็นจะตาย ได้ยินว่าดิ้นจนวัชพืชที่พื้นจวนตระกูลเฉินจะเรียบมัน เหลาไท่จุนทนไม่ได้ เลยให้เจ้าไปเลือกเอา”

“ซูชิง!” เซียวโธ่อับอายจนโมโห แล้วก็เอามือตบออกไป “หุบปาก ข้านอนดิ้นลงพื้นเสียที่ไหน? ข้าก็แค่หาวิธีเอามันมาเท่านั้น”

“วิธีของเจ้าทำไมต้องลงไปดิ้นที่พื้น? มันเป็นวิธีของเด็กน้อยไม่ใช่หรือ?” ซูชิง!ยื่นมือมากันไว้ แล้วก็ดึงกันไปมา

“เดี๋ยวข้าจะฉีกปากเจ้า”

“มาดิ มาดิ มาดิ” ซูชิงท้าทาย “เจ้าทำได้ แต่คนอื่นพูดไม่ได้หรือ?”

ซือถูเย้นเห็นสองคนเริ่มทะเลาะกัน ก็ส่ายหัว แล้วนั่งลง “พวกเจ้าพอได้แล้ว”

ทั้งสองกำลังทะเลาะกันอย่างเมามัน โดยไม่ได้ยินเสียงใคร ก็ยังต่อยกันไปต่อยกันมาในห้องโถง

ซือถูเย้นเห็นว่าสองคนยังไม่หยุด ก็โมโห แล้วก็คิดเรื่องที่ต้องมาทนอยู่ทุกวันนี้ ก็อดใจไมได้ แล้วพุ่งออกไป ตบทั้งสองคน

ทั้งสามคนตะลุมบอนกัน เจ้าหมัด ข้าหมัด เจ้าถีบ ข้าเตะ ตีกันอยู่ประมาณ15นาที

ตีกันจบ ซือถูเย้นลุกขึ้น แล้วก็สะบัดฝุ่นในเสื้อผ้า รู้สึกว่าโล่งอกขึ้นเยอะ

ซูชิงก็หยุดลง แล้วยิ้มมองซือถูเย้น “สบายใจหน่อยไหม?”

เมื่อครู่เห็นซือถูเย้นขมวดคิ้ว ก็รู้ว่าเขาไม่สบายใจ อัดอั้นความโกรธอยู่ ก็เลยแกล้งทะเลาะกันขึ้นมา เพื่อลากเขามาระบายอารมณ์

ถึงแม้เขาจะเป็นสายบุ๋น แต่ก็ยังคิดว่าไม่มีอะไรจะมาเทียบการต่อยตีกันเพื่อระบายอารมณ์ได้ดีกว่านี้แล้ว

ซือถูเย้นมองตาขวาง “อวดฉลาด” แล้วก็ยิ้มมุมปากขึ้น

ซูชิงหัวเราะลั่น

ซูชิงยังงงอยู่ แล้วก็พยายามยิ้มออกมา เหอะเหอะ

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาขำอะไรกัน แต่เขาก็หัวเราะไปด้วย ถ้าไม่หัวเราะตามจะทำให้ดูว่าโง่

ครั้งนี้ถือว่าอ๋องฉีได้ทำเรื่องฉลาดบ้าง เช้าอีกวันก็มาถึง บอกว่าจัดการทุกอย่างดีแล้ว สามารถให้หนึ่งคนเข้าไปในคุกได้ แต่ว่า สามารถไปคุยกับฉินโจวได้อย่างเดียว แต่ไม่สามารถเอาตัวฉินโจวออกมาได้ แล้วเวลาที่เข้าไปก็จะนานมากไม่ได้ เพราะว่า ในคุกจะเปลี่ยนเวรยามทุกครึ่งชั่วยาม

ซือถูเย้นก็ถามรายละเอียด ถึงรู้ว่าคนที่อ๋องฉีรู้จักเป็นหัวหน้าผู้คุมนักโทษชั้นขุนนางที่นั่น

คุกของสิงปู้แบ่งเป็นหัวหน้าผู้คุมธรรมดากับหัวหน้าผู้คุมนักโทษที่เป็นชั้นขุนนาง ผู้คุมชั้นขุนนางจะเข้มงวดมากกว่า สามารถควบคุมการเข้าเวรยามของลูกน้องได้ ย้ายเวรได้ ดังนั้นก็สามารถปลอมตัวเป็นผู้คุมเล็กเข้าไปได้

แต่ว่า เพราะว่าก่อนที่ผู้คุมจะเข้าเวร จะต้องเซ็นชื่อเข้าทำงาน แล้วก็จะเอาอาวุธที่ห้องข้างๆ ที่นั่นจะต้องเซ็นชื่อ ดังนั้น หัวหน้าผู้คุมสามารถจัดการได้เพียงคนเดียว หลังจากที่เขาเซนชื่อแล้ว แล้วก็แกล้งไปเข้าห้องน้ำครู่หนึ่ง แล้วก็ให้คนที่ปลอมตัวเป็นเขาเข้าไปทำงานแทน

เพราะว่าสิงปู้สื่อลิ่งตรวจสอบจะมีการตรวจสอบทุกครึ่งชั่วยาม แล้วจะต้องตรวจสอบตัวตนของผู้คุมด้วย ดังนั้น การเปลี่ยนตัวครั้งนี้จะนานไมได้

ไม่เช่นนั้น ก็จะถูกสื่อลิ่งตรวจสอบมาตรวจสอบ

ซูชิงมองตาซือถูเย้น แล้วก็ถอนหายใจ อ๋องฉีนะอ๋องฉี อย่างน้อยเจ้าก็น่าจะรู้จักสื่อลิ่งตรวจสอบสักคนหนึ่งนะ

อ๋องฉีมีท่าทางตื่นเต้น “เมื่อก่อนข้าเคยช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง เมื่อก่อนเขาเคยทำผิด สิงปู้ซั่งซูจะปลดเขาออก ตอนนั้นข้าอยู่ที่สิงปู้พอดี ก็เลยยื่นมือช่วยเหลือ ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะจำบุญคุณของข้าได้ ดีจริงๆ”

ซือถูเย้นก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลายปีนี้พวกยึดมั่นสันติภาพไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะว่าหัวหน้าของพวกยึดมั่นสันติภาพไม่มีแม้กระทั่งเส้นสายที่น่าเชื่อถือ

หรืออาจจะเป็นเพราะว่า เขาคิดไม่ถึงจุดนี้

มักคิดว่าจะทำเรื่องอะไร ขอเพียงให้อยู่ในความถูกต้องก็พอ ดังนั้นก็เลยไม่ได้ติดต่อเส้นสายอะไรไว้

พอตอนนี้มีเรื่องจำเป็นจริงๆ ถึงจะนึกถึงหัวหน้าผู้คุมคนนี้ได้

แต่เห็นเขาสีหน้าตื่นเต้น ทุกคนก็ไม่อยากไปขัดคอเขา

เซียวโธ่เสนอตัวเองว่าจะเข้าไปข้างใน แต่ว่าซือถูเย้นคิดว่าซูชิงเป็นคนระแวดระวังดีกว่า เขาเข้าไปน่าจะดีกว่า

ซูชิงก็ไม่ขัดข้อง แล้วก็ตามอ๋องฉีไป

สิงปู้มีการป้องกันแน่นหนา ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

มีผนังที่หนาแน่น แยกออกมาจากส่วนที่บริหารงานของสิงปู้ เมื่อเข้าไปในเขตกำแพง ก็จะเป็นประตูเหล็กหลายชั้น มีทั้ง5ประตู ถึงจะเข้าใกล้ตัวคุกด้านใน

การตกแต่งภายในคุกนั้น ไม่ใช่กรงขังที่แยกออกมา แต่เป็นห้องที่ปิดด้วยผนังหิน แล้วก็ติดประตูเหล็กเข้าไป

มีทางเดินยาวเข้าไป สองฝั่งมีห้องขังนับไม่ถ้วน ทั้งมืด ทั้งเย็น ทั้งชื้น ที่นี่ไม่ได้ถูกแสงแดดมานานมาก แล้วห้องลงโทษก็อยู่ที่ห้องแรก มักจะมีกลิ่นคาวเลือดโชยออกมาไม่หยุดเว้น

ส่วนที่ที่ผู้คุมอยู่จะดีหน่อย บนเพดานจะมีหลังคาโปร่งแสง แล้วสะอาดด้วย เพราะอยู่คนละที่ เลยไม่มีกลิ่นคาวเลือด

หัวหน้าผู้คุมพาซูชิงเดินเข้าไป ซูชิงก้มหน้าเดินตามหัวหน้าผู้คุม

ถูกขังอยู่ที่ห้องสุดท้าย ตอนที่ใกล้จะถึงนั้น หัวหน้าผู้คุมก็กันตัวเขาไว้

ซูชิงตกใจเล็กน้อย แล้วก็รู้ว่าทำเขาถึงกันตัวไว้ เพราะในห้องขังฉินโจวมีเสียงคนส่งออกมา

เพราะเป็นตอนกลางคืน แล้วแสงก็สลัว ซูชิงมองออกไปแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่พอมองออกว่าเป็นหญิงแก่

หรือว่า จะเป็นเหลาไท่ไท่ของตระกูลเฉิน

ซูชิงค่อยๆ เดินขึ้นหน้า เอาตัวชิดกำแพงแล้วเข้าไปฟัง

ซูชิงคิดไว้ไม่มีผิด คนที่มาก็คือย่าทวดของฉินโจว นายหญิงแก่ของตระกูลเฉิน

เพียงแต่ จะเข้าใกล้เพียงใด ซูชิงก็ไม่ได้ยินที่พวกนางคุยกัน เขาก็เริ่มใจร้อน

อีกอย่าง เวลามันจะหมดแล้ว ถ้าเหลาไท่ไท่ยังไม่กลับ ถ้าผู้ตรวจเวรยามมาตรวจก็จะเสียแผนหมด

ตอนที่กำลังรีบร้อนนั้น ก็มีเงาของคน เขาก็รีบก้มหัวหลบอยู่ด้านข้าง

หัวหน้าผู้คุมก็รีบบอก “น้อมส่งนายหญิงแก่!”

ท่านนายหญิงฉินไม่มองใครสักคน แต่สั่งการมาว่า “อย่าทำให้อ๋องอิงจุ้นลำบาก ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาชีวิตเจ้า”

“รับทราบ !” หัวหน้าผู้คุมรีบตอบรับ

หลังจากท่านนายหญิงฉินกลับ หัวหน้าผู้คุมก็ขาอ่อน “แม่เอ้ย เหลาไท่ไท่คนนี้วางมาดจริงๆ”

ซูชิงก็มองหลังของนายหญิงแก่ นั่นไม่ใช่วางมาด แต่เป็นรัศมีการฆ่า พลังแห่งการฆ่า ของทหารเก่า

ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ แต่จะเก็บไว้ไม่อยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม