พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 662

ตอนที่ 662 มันผิดแผนไปหมด

ประตูคุกของสิงปู้ เปิดออกอีกครั้ง

ฉินเหลาไท่ไท่เดินมาถึงทางเดินภายในคุก ทั้งสองข้างเป็นห้องขังแบบที่ลมก็ผ่านทะลุไปไม่ได้ บนกำแพงมีแสงไฟอ่อน ๆ ที่พอจะมองเห็นทางได้

เจ้าหน้าที่คุกเมื่อเห็นนางเข้ามา ก็ต่างก้มหน้าทักทาย

นางเงยหน้าเดินแบบอกผายไหล่ผึ่ง เดินไปอย่างหนักแน่น

จนไปถึงห้องที่คุมขังฉินโจวเอาไว้ นางถึงได้หยุดเดิน นางเริ่มผ่อนคลายตัวลง ท่าทางที่มีบารมีเมื่อกี้ก็เก็บกลับมา จากนั้นก็ใช้มือไปจับจอนผม ผมตรงนั้นคลายลงมา แค่ปรับท่าทางไม่กี่ท่า มันทำให้นางดูตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

“ท่านย่าทวด”

หลังจากที่นางเดินเข้าไปในห้องขัง ฉินโจวก็รีบลุกขึ้นมาทำความเคารพ

ฉินเหลาไท่ไท่มองไปที่นาง จากนั้นก็ถอนหายใจ “เจ้าผอมไปมากนะ เจ้าคิดจะเอาชีวิตของย่าทวดไปด้วยหรือยังไง”

ตอนที่นางพูด ท่าทางของนางดูเสียใจมาก

ฉินโจวสะอื้น “ท่านย่าทวดอย่าได้เสียใจไปเลย ข้าทนไหว”

“เป็นเพราะข้าเลอะเลือนไปเอง ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” ฉินเหลาไท่ไท่สะอื้น น้ำตาไหลออกมาจากปลายตา จากนั้นนางก็รีบเบือนหน้าไปเช็ดน้ำตา

ฉินโจเห็นย่าทวดที่เหย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองตอนนี้แทบจะไม่มีวิญญาณเลย อดปวดใจไม่ได้ “ท่านย่าทวด อย่าพูดแบบนี้เลย ท่านเองก็ทำเพื่อข้า”

“นั่งลงเถอะ ให้ย่าทวดได้มองหน้าเจ้าดีดีหน่อย” ฉินเหลาไท่ไท่จูงมือของนาง แล้วเหลือบมองไปที่นาง “ย่าทวดกลับไปคิดมาแล้ วันที่สิงปู้จะเริ่มสอบสวน ย่าทวดจะต้องรับผิดเองทุกอย่าง ข้าแก่แล้ว ตายไปก็ไม่เสียดาย เจ้าอายุยังน้อย ตระกูลฉินยังต้องพึ่งพาเจ้าอยู่ ต่อไป เจ้าจะต้องทำตามกฎของบรรพชนตระกูลฉิน จงรักภักดีต่อราชวงศ์ฉู่ให้มาก”

“ไม่” ฉินโจวรีบเงยหน้าขึ้น “ไม่ได้ หากท่านยอมรับผิดเรื่องนี้ ชื่อเสียงความดีของท่านก็จะหมดสิ้นไป อีกทั้ง การปลงพระชนม์ฮองเฮา โทษประหารเก้าชั่วโคตร ท่านเองก็ไม่มีผลงานการศึก หากยอมรับผิด ยังไงก็ต้องตาย แต่ข้าไม่เหมือนกัน เป่ยม่อสามารถใช้ผลงานลดหย่อนโทษได้ หากข้ายอมรับเรื่องนี้เอาไว้ อยากน้อยก็อาจถูกขังคุกตลอดชีวิต”

“ไม่ เจ้าฟังย่าทวดนะ” ฉินเหลาไท่ไท่พูดอย่างจริงจัง “ย่าทวดอายุมากแล้ว ต่อให้มีชีวิตอยู่ ก็อยู่ได้อีกไม่กี่ปี? ถึงเวลานั้น เจ้าแค่บอกพวกเขาไปว่าย่าทวดบังคับให้เจ้ายอมรับผิดเรื่องนี้ เจ้าก็รอดได้แล้ว”

“ไม่” ฉินโจวส่ายหน้า แล้วพูดอย่างเจ็บปวดว่า “ข้าไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด”

ฉินเหลาไท่ไท่หน้านิ่งไป “เจ้าเชื่อฟังข้ามาตลอด ทำไมตอนนี้ถึงได้ดื้อขนาดนี้?”

ฉินโจวนิ่งไป เงยหน้ามองฉินเหลาไท่ไท่ น้ำตาของนางไหลลงมา “ท่านย่าทวด ขอแค่ท่านมีคำสั่ง ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าก็ยอมทำให้ท่านทุกอย่าง ต่อให้จะไม่ใช่สิ่งที่ข้าเต็มใจ หรือต่อให้จะต้องขัดต่อความรู้สึก ขอแค่พูดมา ข้าจะทำให้”

ฉินเหลาไท่ไท่สะดุ้ง แล้วมองไปที่นาง

ฉินโจวเองก็มองไปที่นาง “แต่มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่ข้าไม่อาจทำให้ได้”

“เจ้าจะเชื่อฟังข้าหรือเปล่า เรื่องนี้ข้าเองก็ได้ตัดสินใจแล้ว มีเพียงข้ารับเรื่องนี้เอาไว้ เจ้าถึงจะรอดได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องเสียใจเพราะข้า ความผิดนี้ข้าควรได้รับแล้ว สองสามวันนี้ ข้าจะเตรียมงานศพเอาไว้ให้เรียบร้อย หวังว่าต่อไปเจ้าจะคิดถึงเรื่องของตระกูลเป็นหลัก คิดถึงเรื่องการแต่งงานของตัวเองให้มาก ๆ แบบนี้แล้วย่าทวดตายไปจะได้หมดห่วง”

ฉินโจวมองไปที่นาง ดวงตาก็แดงก่ำ นางปวดใจมาก ปวดจนพูดอะไรไม่ออก

“เด็กดี เชื่อย่าทวดนะ ย่าทวดกลับก่อน” สายตาของฉินเหลาไท่ไท่เห็นสายตาของนาง ก็รู้ทันทีว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว

นางลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากห้องขัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงของฉินโจวดังขึ้นมาว่า “ท่านย่าทวด ข้าเคารพท่านมากกว่าใครทั้งนั้น รวมถึงฝ่าบาทด้วย”

ฉินเหลาไท่ไท่หันกลับมา แล้วมองมาที่นาง เหมือนอยากจะสังเกตเห็นอะไรบนหน้าของนาง แต่ว่า ใบหน้าของนางมันมีแต่ความเสียใจ

นางพูดอย่างหนักแน่นว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็เชื่อที่ย่าทวดบอกนะ”

ฉินโจวมองไปที่แผ่นหลังของนาง สายตาค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความดุดัน

หากนางไม่ทำแบบนี้ ไม่แน่ว่า นางอาจจะเชื่อจริง ๆ ก็ได้

แต่ว่านางมาที่นี่ นางบอกว่าจะยอมรับผิดเอง คิดจะยอมรับผิดต่อหน้าสาธารณชน นางไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว

ที่นางมาที่นี่ มีเป้าหมายอะไรกันแน่? นางเดาไม่ออกเลย

“ท่านย่าทวด ในหลายปีที่ผ่านมา ข้าเชื่อฟังท่านมาตลอด แต่มันไม่ได้หมายความว่าข้าโง่นะ แต่ทำไมท่านถึงคิดว่าข้าโง่นะ?” ฉินโจวยิ้มแบบเย้ยหยัน ใบหน้าของนางเย็นชามาก

นางยื่นมือไปเช็ดคราบน้ำตา จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินกลับไปนั่ง

ต้องการให้นางตาย คิดว่าคงมีคนภายนอกพยายามจะช่วยนางล่ะสิ ดังนั้น ก็เลยวิ่งมาที่นี่

หากจะบอกว่า มีเรื่องอะไรที่สามารถเลี่ยงการสอบสวนในวันนั้นได้ ก็มีเพียงนางฆ่าตัวตายเองนี่แหละ

นางฆ่าตัวตาย ก็จะไม่ต่างกับการยอมรับโทษ ไม่มีทางพลิกสถานการณ์กลับมาได้อีก

อีกทั้งในความเป็นจริง นางเชื่อคำพูดของซูชิงแค่ครึ่งเดียว สุดท้ายนางก็ทำใจไม่ได้ อีกทั้ง เมื่อกี้นางเองก็ยังให้โอกาสนางอยู่ หากนางยอมสารภาพความจริง ชีวิตนี้ของนางยกให้เลยก็ยังได้

แต่ว่านางไม่พูด แต่กลับใช้ท่าทางที่อ่อนโยนมาหลอกนางอีก

ในใจของฉินโจว เจ็บปวดมาก หลายปีที่ผ่านมา ทุกอย่างที่นางทำ ก็ทำเพื่อตระกูลฉินทั้งนั้น คิดไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายแล้ว นางกลับกลายเป็นหมากตัวหนึ่งที่เสียสละของตระกูลฉินเท่านั้น

นางเจ็บปวด แต่นางก็มีสติดี

นางกำลังคิดแผน คิดจะหนีออกไป คิดว่าคงไม่ได้ ตอนสอบสวน ไม่ยอมรับ? ก็ไม่ได้ หากท่านย่าทวดเห็นนางปฏิเสธข้อกล่าวหา จะต้องเอาหลักฐานมายันแน่ สิงปู้ซ่างซูเป็นคนของฉู่จิ้ง ตอนสอบสวนจะต้องเล่นลูกไม้อะไรแน่

ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นใช้กำลังบังคับให้รับสารภาพ แต่สิงปู้ก็มีวิธีการที่โหดร้ายรออยู่แน่นอน

คำพูดของซูชิงมันคือเรื่องจริง

ต่อให้ไม่อยากยอมรับ ฉินโจวก็ต้องยอมรับ ต้องก้มหน้ายอมรับความจริง

หากฉู่จิ้งยังไม่ตาย ฝ่าบาทก็ต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

หากอำนาจการทหารตกอยู่ในมือของเขา นั่นยิ่งกว่าอันตรายอีก

เพียงแต่ว่า หากนางออกไป ข้อกล่าวหาก็ไม่มีทางล้างได้อีกแน่

แต่ว่าข้อกล่าวหาของนางจะต้องทำยังไงถึงจะล้างได้

ในหัวของนางมีความคิดบางอย่าง แต่มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องนัก

ซือถูเย้น ในเมื่อเจ้าส่งซูชิงให้มาพบข้า เจ้าจะมีวิธีไหมนะ?

นางลองรวบรวมความคิด หากนางออกไป ก็จะสามารถโยกย้ายกำลังทหารได้

ตั้งแต่ฮ่องเต้คังผิงขึ้นครองราชย์ แม่ทัพใหญ่หลงก็กลับมาอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ฮ่องเต้คังผิงประทานจวนให้เขาหนึ่งหลัง อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเมืองหลวง

จวนป๋อโหวมีอำนาจบารมีมาก มีการก่อสร้างตกแต่งอย่างหรูหรามีสง่า ตัดจวนตระกูลฉินในเมืองหลวงเป่ยม่อออกไป ก็ถือเป็นจวนที่ใหญ่ที่สุดแล้ว

วันนี้ ที่หน้าประตูจวนมีหนุ่มน้อยที่ดูงงมาคนหนึ่ง

“เจ้าจะมาขอพบท่านป๋อโหวของเราอย่างนั้นเหรอ? เจ้าเป็นใครกัน?” คนเฝ้าประตูมองไปที่คน ๆ นั้น แล้วถามอย่างสงสัย

คนที่มาคือเตาเหล่าต้า หลังจากที่เขามาถึงที่เป่ยม่อ ก็ถูกซือถูเย้นสั่งให้ไปทำงานชิ้นหนึ่ง

ตอนนี้เขาทำงานเสร็จแล้ว ก็ทำตามที่ซือถูเย้นสั่ง ให้มาหาแม่ทัพใหญ่หลง หรือก็คือเหาเย๋ในตอนนี้

“เป็นคนแคว้นต้าโจว” เตาเหล่าต้ายืดอกพูด

“ชาวต้าโจว? ชื่ออะไร?”

“เตาเหล่าต้า”

“ทำไมพูดจาแบบนี้? เจ้าคิดจะไปเป็นพี่ใหญ่ของใครหรือไง?” คนเฝ้าประตูไม่พอใจ

เตาเหล่าต้าตะลึง “เจ้าถามชื่อของข้าอยู่ไม่ใช่หรือไง? ข้าชื่อเตาเหล่าต้า”

คนเฝ้าประตูบ่น “เป็นเล็กเป็นเล็ก มาเหล่าต้า เหล่าต้า ไม่รู้จักอายกันเลยหรือยังไง”

เตาเหล่าต้าโมโหมาก “ข้าเป็นพี่ใหญ่ได้บ้าน ไม่ให้เรียกเหล่าต้าแล้วให้เรียกอะไร?”

“ใครมาเอะอะโวยวายตรงนี้?” หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูจวน นางสวมชุดสีเขียว ใบหน้ากลมโต ผิวขาวเนียน เมื่อเดินออกมาก็เห็นเตาเหล่าต้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม