พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 668

ตอนที่ 668 คำพูดคมคาย

อ๋องลั่วชิน โบกมือ “เจ้าก็ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนพวกเขาหรอกนะ พี่รองเป็นคนยังไง? ต่อให้เลอะเลือน ก็คงถูกพวกเขาหลอกใช้ ไม่แน่ก็อาจจะเป็นแผนของฉินโจวก็ได้”

“แผน?” องค์หญิงอานหัวเราะ ท่าทางของนางประชดประชัน “คนอย่างพี่รอง รักศักดิ์ศรีจะตายไป เขาจะวางแผนกับฉินโจวเพื่อยกบัลลังก์ให้กับฉู่โยว่เหรอ?”

อ๋องลั่วชิน พูดว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ข้าไม่อยากจะถามอะไรมาก เจ้าเองก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้ ที่เจ้ามา ข้าดีใจมาก แต่ข้าหวังว่าข้าจะไม่ได้ยินเรื่องว่าร้ายของเสด็จพี่”

องค์หญิงอานถอนหายใจแล้วพูดว่า “พี่สาม ท่านคิดว่าที่ข้าเดินทางมาไกลขนาดนี้ เพื่อที่เราพี่น้องได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแค่นั้นเหรอ?”

อ๋องลั่วชิน เห็นนางไม่มีการสำรวมท่าทีก็รู้สึกอคติ เขาพูดว่า “ฉู่โยว่ส่งเจ้ามากล่อมข้าใช่ไหม บอกได้เลยว่ามันไม่เป็นผลหรอก เจ้าเองก็ลืมมันไปซะ ถือว่ามาเที่ยวหาข้าก็แล้วกัน หากยังพูดอะไรอีก ข้าจะเริ่มไม่พอใจแล้วนะ”

“หากต้องใช้ทักษะในการเจรจา มันใช้กับคนนอก กับคนกันเอง ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม” องค์หญิงอานปล่อยมือจากเขา แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องโถงจากนั้นก็นั่งลง ปลดผ้าพันแผลออก มันเป็นการทำแผลแค่ชั่วคราว ยังไม่ได้มีการใส่ยาอะไร เพียงแต่พันให้เลือดมันหยุดไหลเท่านั้น

อ๋องลั่วชิน ยังเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องอยู่มาก เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าจะไปตามหมอมาตรวจดูแผลให้เจ้า”

“ไม่เป็นไร ไว้ข้าจะกลับไปใส่ยาเอง”

อ๋องลั่วชิน นั่งลง ยังคงขมวดคิ้วเหมือนเดิม “เจ้าเป็นถึงองค์หญิง ทำไมต้องทำตัวเป็นชาวบ้านตกยากแบบนี้ด้วย? เจ้าควรมีคนรับใช้มากมาย มีคนเอ็นดูคอยคุ้มครองเจ้า ถึงจะสมกับที่เป็นองค์หญิงของราชวงศ์”

องค์หญิงอานพันผ้าเอาไว้ในมือ เลือดแห้งแล้ว มันเหมือนดอกกุหลาบสีแดงเลย

นางก้มหน้าลง ท่าทางของนางเศร้ามาก “องค์หญิง? ข้าเกิดมาก็เป็นองค์หญิงแล้ว เป็นเหมือนองค์หญิงคนอื่น ได้รับเงินได้รับเกียรติมากมายทุกอย่างได้”

“ได้รับทุกอย่างแล้ว?” อ๋องลั่วชิน เริ่มไม่พอใจ “เจ้าใช้คำว่าได้รับทุกอย่างแล้วมันเหมือนจะไม่เหมาะเท่าไหร่นะ เจ้าคิดว่าลาภยศสรรเสริญมันจะอยู่กับเราตลอดไปอย่างนั้นเหรอ? คนในใต้หล้า มีใครบ้างไม่อยากได้ลาภยศสรรเสริญ? บัณฑิตโลภในน้ำหมึก นักรบโลภในการฝึก ทุกคนทำไปก็เพื่อลาภยศสรรเสริญ เจ้าเกิดมาก็มีของพวกนี้ติดตัว คนอื่นหลายคนต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อที่จะได้มันมา? เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลย เสียแรงที่เสด็จพ่อรักและเอ็นดูเจ้า หากเจ้ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ก็ไม่ต้องมีมันก็ได้”

“ตั้งแต่ข้าย้ายออกมาอยู่นอกวัง ก็พยายามหลีกเลี่ยงพวกนี้ ใช่ มีใครบ้างไม่อยากได้ลาภยศสรรเสริญ? แต่ว่า ข้าไม่สบายใจ ลาภยศสรรเสริญที่ข้ามี ใครเป็นคนให้ข้า? เสด็จพ่อ? เสด็จพี่? มันไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นชาวเป่ยม่อทั้งหมด ราชวงศ์ของเรา ต่างได้ชาวเมืองชาวบ้านสนับสนุน ได้ลาภยศสรรเสริญก็มาจากพวกเขา ก็ควรทำทุกทางเพื่อตอบแทนพวกเขาเช่นเดียวกัน ข้ารู้ว่าข้าเองเป็นแค่ผู้หญิงทำอะไรไม่ได้มาก ดังนั้น ข้ายอมไม่มีลาภยศสรรเสริญนั้น ส่วนที่พี่สามว่ามา บัณฑิตโลภในน้ำหมึก นักรบโลภในการฝึก พวกเขามีโอกาสลืมตาอ้าปาก แต่กว่าที่พวกเขาจะได้มาซึ่งลาภยศสรรเสริญ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่มันเห็นภาพได้จริงเหรอ? อาจจะมีคนบางส่วน ทำเพื่อลาภยศสรรเสริญจริง แต่ก็มีอีกหลายคน อยากจะทำประโยชน์จริง ๆ อยากจะเปลี่ยนแปลงแคว้นให้ดีขึ้น คิดอยากทำเพื่อบ้านเมืองทำเพื่อชาวบ้าน”

“เปลี่ยนแปลงแคว้นให้ดีขึ้น? เป่ยม่อเราไม่ดีตรงไหน? ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรอีก?” อ๋องลั่วชิน ส่ายหน้า “เฮ้อ เจ้ามีความคิดเป็นของตัวเองตั้งแต่เล็ก เมื่อก่อนเสด็จพ่อชมเจ้าบ่อย ๆ ว่าต่อไปต้องทำการใหญ่ได้แน่นอน แต่ดู ๆ ไปแล้ว เหมือนเจ้าจะคิดเกินเลยไปนะ”

“ตั้งแต่ที่ข้าเหยียบมาที่ หนานจุ้น ก็เห็นว่าที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข การค้าเจริญรุ่งเรือง หนานจุ้น เป็นของเป่ยยม่อ แต่เป่ยม่อไม่ใช่ หนานจุ้น หากพี่สามรู้สึกว่าทุกอย่างใน หนานจุ้น คือตัวแทนของเป่ยม่อ ท่านคิดผิด หลายปีที่ผ่านมา เป่ยม่อของเราตกอยู่ในสภาวะสงครามมาตลอด คลังหลวงของเราแทบไม่มีเงินเลย ชาวบ้านต้องพลัดพรากกันตั้งเท่าไหร่? บ้านแตกสาแหรกขาดกันตั้งเท่าไหร่? การค้าปิดตัวลง ที่นาทำกินไม่ได้ หญิงม่ายหอบลูกหนีตาย เรื่องพวกนี้ ในเป่ยม่อของเราน้อยยังนั้นเหรอ?”

อ๋องลั่วชิน ตอบโต้ว่า “ตั้งแต่ข้ามาจากเมืองหลวง สามปีกลับไปหนึ่งครั้ง สิ่งที่ข้าเห็น ก็ไม่ต่างกับที่ หนานจุ้น หากเป่ยม่อเป็นอย่างที่เจ้าว่า ทำไมทุกครั้งที่ข้าถวายเครื่องบรรณาการไปให้ เสด็จพี่ถึงได้ส่งสารกลับมาว่าไม่รับล่ะ?”

“แต่ว่า สุดท้ายก็รับไม่ใช่เหรอ? ส่งทุกปี ก็รับทุกปี” องค์หญิงอานส่ายหน้า แล้วมองไปที่ อ๋องลั่วชิน “พี่สาม เสด็จพี่เป็นคนยังไง เรารู้กันดี เขาโหดร้ายแค่ไหน เรื่องของพี่สะใภ้สาม หรือว่าท่านไม่รู้? หลายปีที่ผ่านมา ชายารองของท่านสองคน ก็เป็นสายของเขา พวกนางพูดเรื่องดีดีของฝ่าบาทข้างหูท่านเท่าไหร่แล้วล่ะ?”

อ๋องลั่วชิน เริ่มไม่พอใจ “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน? เรื่องของพี่สะใภ้สามเกี่ยวข้องกับเสด็จพี่ด้วยอะไรกัน? ชายารองสองคนก็เป็นคนที่เสด็จพี่ประทานมาให้ข้า พวกนางรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ พูดถึงเสด็จพี่ในทางที่ดีให้ข้าฟัง เพื่อรักษาสัมพันธ์พี่น้องของเรา มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ? ในใจของเจ้าคิดร้าย เลยเอาเรื่องสกปรกมาสาดใส่เขา ดูท่าทาง เราสองคนพี่น้อง คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ข้าจะสั่งให้คนพาเจ้าไปพัก ไว้เจ้าคิดได้เมื่อไหร่ เราสองคนค่อยมาคุยกัน”

พูดจบ เขาก็ลุกแล้วเดินออกไปเลย

แต่ว่า พอเขากำลังจะเดินข้ามออกไปจากประตู องค์หญิงอานก็พูดขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้เป็นคนเข้มแข็งแค่ไหน? นางจะรู้สึกอับอายที่กงเฟยเหนียงเหนียง ต่อว่านาง แล้วผูกคอตายทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองท้องอยู่อย่างนั้นเหรอ? ท่านเองก็โตมากับพี่สะใภ้ ท่านไม่รู้จักนิสัยของนางจริงเหรอ? หลายปีที่ผ่านมา ท่านไม่คิดถึงสาเหตุที่แท้จริงเลยเหรอ?”

อ๋องลั่วชิน เหมือนจะหันมาในทันที แล้วจ้องมาที่นางด้วยสายตาที่ไม่พอใจ จากนั้นก็ตำหนิกลับไปอย่างแรงว่า “พอได้แล้ว เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?”

องค์หญิงสามลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “พี่สามลองคิดดูดีดีนะ หลังจากที่พี่สะใภ้สามออกจากวังมากแล้ว ก่อนที่นางจะฆ่าตัวตาย นางพูดอะไรกับท่านบ้าง แล้วถึงมาหาข้า”

พูดจบ นางก็เดินออกไป แล้วถามอีกว่า “จัดที่พักให้ข้าแล้วใช่ไหม? ข้าไปพักก่อนก็แล้วกัน”

อ๋องลั่วชิน หน้าเสียไปทันที เดิมคิดอยากจะถามต่อ แต่รู้สึกว่าองค์หญิงอานกำลังใช้แผน นางอยากจะให้เขาถาม เขาเลยไม่ถาม แต่สั่งให้คนพาองค์หญิงอานไปพักก่อน ส่วนเขาก็ไปที่ห้องหนังสือ

เมื่อกลับมาที่ห้องหนังสือ พระชายารองหยาง ก็ยกน้ำแกงมา “ท่านอ๋อง ทรงยุ่งอยู่อีกเหรอ? ข้าสั่งให้คนตุ๋นน้ำแกงพิราบมาให้ ท่านดื่มก่อนนะ แล้วค่อยไปกินข้าวกัน”

เขานวดไปที่ขมับ เขามองไปที่พระชายารองหยาง อย่างเหนื่อยล้า ในหัวของเขาอดนึกถึงเรื่องที่องค์หญิงอานพูดไม่ได้ เขายื่นมือสั่งให้นางเดินมา “เจ้านั่งลงก่อน”

พระชายารองหยาง สั่งให้คนเอาน้ำแกงวางลง แล้วสั่งให้สาวใช้ออกไป นางก็ไม่ได้นั่งลง เพียงแต่เปิดฝาชามน้ำแกงออก แล้วใช้ช้อนคน แล้วพูดว่า “ท่านอ๋องรับสั่งมาได้เลย”

เห็นท่าทาง พระชายารองหยาง อ่อนโยน เขาก็ผ่อนคลายลง ตั้งแต่พวกนางมาที่ หนานจุ้น ก็ดูแลเขาอย่างดี อาหารสามมื้อไม่มีขาด ดูแลสั่งการให้บ่าวไพร่ทำของที่เขาชอบกินตลอด รับใช้ดูแลอย่างดีมาก

“หลายปีที่ผ่านมา ลำบากเจ้าแล้วนะ” อ๋องลั่วชิน พูดอย่างปลง ๆ

พระชายารองหยาง พูดว่า “ท่านอ๋องทรงตรัสแบบนี้ทำไม? ได้ดูแลท่านอ๋องเป็นบุญของข้า จะลำบากได้ยังไง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม