พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 672

บทที่ 672 ความจริงในตอนนั้น

ซุนหยาง ไม่อยากที่จะถามต่อ เทียนจีจื่อกลับพูดว่า “เจ้ารีบไปบอกองค์หญิง บอกว่าท่านอ๋องมีคำสั่ง องค์หญิงรีบออกไปจากหนานจุ้น เจ้าพูดจาให้ดูหนักหน่อย ทำให้นางโกรธอย่างที่สุด แต่ว่า เจ้าพูดว่าไล่นางไป ก็ทำให้นางโกรธแล้ว”

ซุนหยาง ได้รับคำแนะนำ รีบยกมือขอบคุณ “งั้นกระหม่อมจะรีบไปทำ”

องค์หญิงอานถูกจัดให้มาพักอยู่ที่ตำหนักหลานเซียง องครักษ์ลับสามคนพักอยู่กับนาง ส่วนคนอื่นๆ จัดให้พักอยู่ด้านข้างตำหนักหลานเซียง

องครักษ์ลับทั้งสามคนนี้เป็นคนที่นางไว้ใจที่สุด จึงจัดไว้ให้อยู่ข้างกาย

“องค์หญิง ท่านอ๋องจะเชื่อทันไหม?” ปกติองครักษ์ลับจะไม่ถามอะไรมาก แต่ครั้งนี้เห็นท่านอ๋องดื้อรั้นขนาดนี้ ในใจพวกเขาจึงไม่ค่อยมั่นใจ อดไม่ได้จึงถามขึ้น

ท่าทีองค์หญิงอานกลับสงบเงียบ “เขาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นี่คือความจริง”

ตั้งแต่มีความสำคัญในความคิดของเขามาก จะให้ยอมรับเขาทั้งหมด สำหรับท่านที่สามแล้ว เป็นเรื่องที่ยากมาก

โดยเฉพาะ เป็นคนที่ชักนำเขาออกมาจากความมืด

นางนั่งลงบนโต๊ะชาอย่างเงียบๆ แล้วก็เห็นซุนหยางพาคนเข้ามา เขาเข้ามาถึงประตูก็พูดว่า “นางกำนัล ช่วยองค์หญิงเก็บเข้าของ ท่านอ๋องมีรับสั่ง องค์หญิงต้องกลับวังตั้งแต่ตอนนี้”

พูดเสร็จ แล้วเขาค่อยเข้ามาในห้อง ทำความเคารพองค์หญิงอาน “องค์หญิง ท่านอ๋องมีรับสั่งให้กระหม่อมมา ช่วยองค์หญิงเก็บเข้าของ แล้วส่งองค์หญิงออกจากเมือง”

“ถ้ายังนั่งก้นไม่ทันอุ่น ก็จะไล่แล้วหรอ?” องค์หญิงหัวเราะเยาะ

สีหน้าซุนหยางค่อนข้างลำบากใจ “คือ ท่านอ๋องมีรับสั่งเช่นนี้ กระหม่อมก็ไม่รู้”

“ข้าไม่ไป” องค์หญิงอานยังคงพูดอย่างไม่ขยับเขยื้อน

“องค์หญิง ท่านอย่าทำให้กระหม่อมต้องลำบากใจเลย ท่านอ๋องมีรับสั่งหากกระหม่อมไม่ทำตาม จะต้องได้รับโทษ” ซุนหยางพูดอย่างน่าสงสาร

“เขาบอกว่าให้ข้าไปจากหนานจุ้น หรือว่าให้ข้าไปจากจวนอ๋อง?” องค์หญิงอานถาม

ซุนหยางลังเล “คำพูดของท่านอ๋อง บอกว่าให้องค์หญิงรีบไสหัวออกไปจากเขตแผ่นดินหนานจุ้น”

องค์หญิงอานหัวเราะเยาะ “ไปจากเขตแผ่นดินหนานจุ้น? ดีมาก”

นางปลอดปิ่นปักผมออกในทันใด ปล่อยผมที่ยาวสลวย หลังจากนั้น มือของนางก็รวบม้วนผมมัดไว้อย่างชำนาญ แล้วก็เอาผ้าตาข่ายที่เคยพันแผลขึ้นไปบนหัว พันไว้อย่างเรียบร้อย ไม่มีความยุ่งเหยิงแม้เพียงนิด

หลังจากนั้นนางก็ลุกขึ้น มือคว้าแย่งดาบในมือซุนหยางมา แล้วก็ก้าวเท้ายาวๆเดินออกไป

ซุนหยางตกตะลึง แย่งดาบ? จะต้องเกิดเรื่องแน่ ท่าน ท่านคิดผิดไปหรือเปล่า?

เขาอยากจะไล่ตามออกไป องครักษ์ลักทั้งสามก็ใช้ตัวกั้นทางเขาไว้ทันที “องค์หญิงมีเรื่องสำคัญต้องทำ เจ้าอย่าไปทำลาย”

องครักษ์พูดด้วยสีหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆ

ซุนหยางกัดฟัน ตัวเองถูกกักตัวไว้ก็ยังดีหน่อย ไม่อย่างนั้นหากสุดท้ายเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ท่านอ๋องจะไม่สับเขาเป็นชิ้นๆหรือ?

คิดได้เช่นนี้แล้ว เขายื่นมือออกมา เดิมคิดว่าอย่างน้อยตัวเองก็คงจะต้องรับมือกับองครักษ์สักสิบถึงยี่สิบกระบวนท่า ยังไง ในจวนนี้เขาถือว่าเป็นคนที่มีวรยุทธมากที่สุด

และแล้ว เขายังลงมือยังไม่ทันหมดกระบวนท่า ร่างกายก็ลอยขึ้น เขาถูกคนคนหนึ่งหิ้วคอเสื้อยกขึ้นจากพื้น รอเมื่อเขารู้สึกตัว ก็ตอนเมื่อตัวเองถูกโยนออกมาแล้ว

หลังจากนั้น เชือกเส้นหนึ่งก็หล่นอยู่บนตัวของเขา ตรงหน้ามืด เงาร่างสีดำนั่งทับอยู่บนร่างกาย เขาถูกหิ้วขึ้นมาแล้วหมุนไปหลายรอบ เมื่อหยุดหมุนเขาก็ถูกมัดอย่างหนาแน่นแล้ว

ถึงแม้จะค่อนข้างเสียหน้า แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขาปลอบใจตัวเองเช่นนี้

แต่ในฐานะที่เป็นองครักษ์ที่จงรักภักดีที่สุดในจวนอ๋อง แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาต่อต้านการกระทำที่ไม่ดี และแสดงถึงความจงรักภักดีที่มีต่อจวนอ๋อง เขาอ้าปาก ตะโกนด่าว่า “พวกเจ้าช่างกล้า...”

“ปั้ง” เสียงดังขึ้นหนึ่งครั้ง หมัดหนึ่งลอยมา เขาเหมือนมองเห็นสิ่งของสีแดงอะไรบางอย่างผ่านสายตาไป ตั้งนานแล้วเขาค่อยคิดขึ้นมาได้ว่า นั่นน่าจะเป็นเลือดจมูกของเขา

ซุนหยางสลบไป

องค์หญิงอานถือดาบไว้ มุ่งหน้าตรงไปยังห้องหนังสือ

องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นนางมาอย่างโกรธเคือง ก็รีบเข้าไปห้าม กลับมองเห็นด้านข้างระเบียงมีเทียนจีจื่อยืนอยู่ เทียนจีจื่อโบกมือให้กับพวกเขา พวกเขาถอยไป

พวกเขาลังเลอยู่สักพัก แล้วก็ยังคงถอยออกไป

องค์หญิงอานหันไปพยักหน้าให้กับเทียนจีจื่อ แล้วก็ยกเท้าถีบประตูเปิดออก มองดูคนที่นั่งอยู่ข้างในห้องนั้น แล้วดาบก็ลอยไป

อ๋องลั่วชินตกใจอย่างมาก รีบหันหลบ ดาบลอยผ่านข้างหูเขาไป ปักอยู่ตรงม่านด้านหลังเขา

“อานหราน เจ้าทำอะไร?” อ๋องลั่วชินโกรธจัด

องค์หญิงอานโกรธยิ่งกว่าเขา ถีบประตูขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ยกเก้าอี้ขึ้นมาตัวหนึ่งทุบตีไปเรื่อย และรีบก้าวเท้าไปดึงเอาดาบมาจากม่าน แล้วเอามาจ่อบนตัว

“เจ้ายังอยากจะฆ่าข้าหรือ? ได้ เจ้าฆ่าเลย มาสิ” อ๋องลั่วชินโกรธจัด นิ้วที่ชี้องค์หญิงอานก็สั่นเทา

องค์หญิงอานก็แทงเข้าไปจริงๆ ปากก็ตะโกนพูดว่า “วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าตื่นขึ้นมาจากความโง่ ไม่แก้แค้นให้กับภารยาและลูกตัวเอง กลับยังจะช่วยเหลือเข้าข้างศัตรูตัวเอง หากเจ้ายอมที่จะไปสืบจริงๆ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพี่สะใภ้สามตายังไง? เจ้าอยากรู้ว่าก่อนที่นางตายนางผ่านอะไรมาบ้างไหม?”

ดาบของนาง แทงเข้าที่อกซ้ายของเขาอย่างแม่นยำ ไม่ได้ใช้แรงมาก เพียงแค่แทงจนหนังถลอกเท่านั้น มีเลือดอุ่นไหลออกมา

“หุบปาก” อ๋องลั่วชินตะคอก เอามือกำดาบไว้ องค์หญิงอานปล่อยมือ เขายิ่งกำดาบไว้แน่น แววตาน่าหวาดกลัวมาก

หญิงอาการหายใจแรง ผ้าสีแดงที่ผูกอยู่บนหัวดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ตะคอกพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่กล้าฟัง? เจ้ารักพี่สะใภ้สามมากไม่ใช่หรือ? นางตายไปแล้ว แต่ก็นอนตายตาไม่หลับ ผู้หญิงที่กล้าหาญขนาดนั้น เพื่อปกป้องชีวิตของเจ้า นางยอมตาย เพื่อไม่ยอมให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย เจ้ามันขี้ขลาด ขี้ขลาด”

องค์หญิงอานค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ จ้องมองดูสายตาของเขาที่เริ่มหวาดกลัว “อยากรู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นไหม? ข้าจะบอกเจ้า วันนั้น ข้าอยู่ในตำหนักกงเฟยเหนียงเหนียง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ข้าเห็นแล้วทั้งหมด”

อ๋องลั่วชินเอามือทาบอก เพ่งมองดูองค์หญิงอาน

“วันนั้น กงเฟยกับพี่สะใภ้สามเดิมกำลังคุยกันอยู่ ต่อมาก็มีคนมาหากงเฟย นางออกไปแล้ว บอกให้พี่สะใภ้สามรออยู่ในตำหนักแปบหนึ่ง ต่อมา ฮ่องเต้ก็มา...”

สีหน้าอ๋องลั่วชินเปลี่ยนกลายเป็นขาวซีด แววตาน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

“เจ้ารู้ไหมว่าเขาทำอะไร? เขาข่มขืนพี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้สามขอร้อง บอกว่านางกำลังตั้งครรภ์ ขอเสด็จพี่ปล่อยนางไป แต่เสด็จพี่เหมือนดั่งสัตว์ร้าย ฉีกเสื้อผ้านางออก พี่สะใภ้สามไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืน เอามือจับตรงท้องน้อยไว้ นางกลัวจะมีผลกระทบต่อลูกของนาง ปีนั้น ข้าอายุสิบขวบ หลบอยู่ข้างหลังม่าน เอามือปิดปากไว้แน่น ไม่กล้าส่งเสียง ข้าอยากที่จะออกไปฆ่าเสด็จพี่ แต่ข้าไม่กล้า ข้ารู้ว่าถ้าข้าออกไป ก็มีแต่ตายเท่านั้น ข้าก็ไม่สามารถที่จะช่วยพี่สะใภ้สามไว้ได้...”

“เจ้าพูดเหลวไหล” อ๋องลั่วชิน ตะคอกเสียงดังเหมือนดั่งสัตว์ร้าย “เจ้าพูดเหลวไหล”

“ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ ทุกคนถูกขังไว้ด้านนอก ทุกคนล้วนได้ยินเสียงกรี๊ดร้องอย่างทรมานของพี่สะใภ้สาม ไม่มีใครกล้าเข้ามา กงเฟยก็ไม่กล้าเข้ามา ก่อนที่ฮ่องเต้จะกลับไป ได้ข่มขู่พี่สะใภ้สาม หากเจ้ารู้เรื่องนี้แม้เพียงนิด จวนอ๋องลั่วชิน ไม่เหลือสักชีวิต นางทนไม่ได้กับการถูกขมเหง แก้แค้นไม่ได้ นางตายได้อย่างเดียว ตายไปแล้วถึงจะเป็นความลับตลอดไป ถึงจะสามารถให้จวนอ๋องลั่วชินรอดปลอดภัย”

องค์หญิงอานพูดไปด้วย หัวเราะเยาะไปด้วย หัวเราะทั้งน้ำตา คุกเข่าหัวเราะกับพื้น ร้องไห้เจ็บปวดทรมานเหมือนดั่งคนบ้า

ในทันใดนั้น นางกระโดดลุกขึ้น หยิบดาบขึ้นมาจากพื้น มองดูที่อ๋องลั่วชินที่สั่นเทาไปทั้งตัว “ตอนนั้น ข้าไม่สามารถช่วยนางไว้ได้ หลายปีมานี้ เรื่องนี้ทำให้ข้าต้องทุกข์ทรมานมาตลอด ข้าไม่แต่งงาน ไม่รับพระเดชพระคุณ เพราะข้าละอายใจ ข้ารู้สึกผิด ตอนนี้ เจ้าจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ช่าง นี่คือความจริง ข้าช่วยพี่สะใภ้สามไว้ไม่ได้ พรุ่งนี้ถือว่าค่าไถ่บาป”

พูดเสร็จ ยกดาบขึ้น ดาบคมบาดผ่านตรงหน้าท้องของนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม