พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 70

บทที่ 70 องค์หญิงใหญ่

ขณะที่หญิงสาวโบยแส้ม้า นางจงใจเงื้อขึ้นราวกับจะฟาดลงบนเรือนร่างของหลีโม่ บนใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

แต่เห็นว่าหลีโม่แน่นิ่งไม่ขยับอย่างใจเย็น จึงอดเอ่ยอย่างหมดสนุกไม่ได้ “ไม่สนุกเลยสักนิด”

อ๋องอานชินเห็นว่าเป็นหลีโม่ จึงพลิกกายลงจากหลังม้า “เจ้ามาแล้ว?”

หลีโม่ยอบกาย “เข้าเฝ้าท่านอ๋อง”

“มีธุระ?” ผู้เฝ้าทวารก้าวออกมาจูงม้าด้านหน้า อ๋องอานชินลูบหลังม้า ให้เขาจูงออกไป และเอ่ยกับหญิงสาว “ท่านเข้าไปก่อน อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”

หญิงสาวเอ่ยอย่างออดอ้อน “รีบหน่อยเถอะ ชักช้าไปข้าจะฆ่าตายเสีย”

อ๋องอานชินมองนางอย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง “เอาเถิด อีกเดี๋ยวจะไป จะกล้าทอดทิ้งนายหญิงของพวกเราอย่างเย็นชาได้อย่างไรกัน”

หญิงสาวแค่นเสียง ก่อนเบือนกายเข้าไปข้างใน

อ๋องอานชินเอื้อมมือลูบกระหม่อมเล็กน้อย ก่อนกล่าวกับหลีโม่ “จูงม้าไปไว้ให้ดีก่อน และเข้ามาเถิด”

หลีโม่มักจะสงวนท่าทีต่อบุคคลที่ออกศึกสงครามขนาดนี้เสมอ จากนั้นจึงผูกม้าไว้ที่หน้าประตู และตามอ๋องอานชินเข้าไป

ผู้ติดตามของอ๋องอานชินกรูเข้ามาต้อนรับ “ท่านอ๋องกลับมาแล้ว?”

“ต้าจีน สั่งคนไปต้มชาหลงจิ่งให้คุณหนูใหญ่สักแก้ว” อ๋องอานชินสาวเท้าฉับๆ เข้าไป เรียวปากก็กล่าวบัญชาไปพลาง

“ขอรับ” ผู้ติดตามขานรับ เพียงแต่เรียวหน้ากลับงงงวยเล็กน้อย

หลีโม่เสมองใบหน้าของผู้ติดตามคนนั้น ในใจก็แอบสงสัย เขางงงวยอะไรกัน

หลีโม่ย่อมไม่รู้เป็นธรรมดา หลายปีมานี้จวนอ๋องอานชินไม่ต้อนรับแขก ก็ต่อให้มีคนมาก็ไม่เตรียมชา อ้างตามคำกล่าวของอ๋องอานชิน เมื่อครั้นยกชามาให้ นั่นก็แฝงความหมายว่าคนผู้นี้จะคิดว่าตนเองได้รับการต้อนรับอย่างดี มักจะมารบกวนอยู่เสมอๆ นั่นเอง

เข้ามาในโถงหลัก อ๋องอานชินนั่งอยู่บนเก้าอี้ถ้ายซือ ถอดแหวนในนิ้วมือออกมาเช็ดช้าๆ และไม่มองหลีโม่ ก่อนกล่าว “มีธุระอันใด”

หลีโม่ลังเลเล็กน้อย ยังไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่ อ๋องอานชินก็เอ่ยคำอีกครั้ง “อย่าพูดส่วนที่ไร้สาระ เลือกแต่ประเด็นหลัก”

หลีโม่ฟังถ้อยวาจานี้ ก็เงยหน้าขึ้นสบมองอ๋องอานชินตรงๆ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเข้ามามีเรื่องอยากจะขอวอนหนึ่งอย่าง”

“ประโยคนี้คือส่วนไร้สาระ เอาตรงๆ ประเด็น” อ๋องอานชินกล่าวเบาๆ

“……”

หลีโม่มองทางเขา และทำได้เพียงต้องพูด “เสี้ยฮ่าวหรานน้องชายข้าถูกสังหารในวังหลวง ปัจจุบันร่างอยู่ในวัง เป็นพระตำหนักฝั่งตรงข้ามกับตำหนักซีเวย ไม่ทราบว่าท่านอ๋องสามารถเข้าวังเพื่อนำร่างของน้องชายข้ากลับออกมาได้หรือไม่”

“ข้าช่วยเจ้า มีข้อดีอะไรบ้าง” อ๋องอานชินเงยหน้าขึ้นขวับ สายตาเหมือนดาบคมกรีดแทงเข้ามาก็ไม่ปาน เขาไม่มีความสนใจต่อการตายของเสี้ยฮ่าวหรานเลยสักนิด

หลีโม่นิ่งงันเล็กน้อย ผายมือ “หม่อมฉันไม่มีอะไรเลย”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่มีอะไรสามารถให้เขาได้เลย

อ๋องอานชินตอบรับหนึ่งคำ “ทำไมจึงตาย”

ผู้ติดตามยกชามาจากนั้นก็ยืนตรงอยู่ด้านข้าง

หลีโม่พูดสั้นๆ “ถูกองครักษ์ในวังฆ่าผิดตัว”

อ๋องอานชินหัวเราะเย็นชา “ปัจจุบันนี้ในวังล้วนฆ่าคนได้ตามอำเภอใจแล้ว? พอฮ่องเต้ประชวร วังหลังก็เละเทะแล้วสินะ”

หลีโม่ไม่เอ่ยคำ ทำเพียงมองอ๋องอานชินด้วยสายตาแฝงความวิงวอนแรงกล้า

อ๋องอานชินดื่มชาหนึ่งอึก ก่อนกล่าว “ดี ครั้งนี้ข้าจะช่วยเจ้า เจ้ากลับไปเถิด”

เขายกมือ เรียกผู้ติดตามมา “ต้าจีน เตรียมรถม้า”

ผู้ติดตามลังเลอยู่ครู่ ก่อนเอ่ย “ท่านอ๋อง นี่เป็นเรื่องของจวนเฉิงเสี้ยง ท่านแทรกมือค่อนข้างจะไม่ดี”

อ๋องอานชินลุกขึ้นยืน นิ่งงันเล็กน้อย ก่อนมองผู้ติดตาม “เรื่องในครอบครัวอันที่จริงข้าไม่ควรยุ่ง ใช่กระมัง?”

ผู้ติดตามกล่าว “ใช่แล้ว อีกอย่างเสี้ยเฉิงเสี้ยงเพิ่งจะมาวิวาทกับท่านรอบหนึ่ง แม้นท่านแทรกมือในคราวนี้ คงไม่ดีกระมัง? ว่ากันในแง่ของตรรกะ เรื่องพรรค์นี้ ไม่ควรถูกควบคุมในเวลาไม่กี่วินาที”

อ๋องอานชินพยักหน้า “นี่ก็คือตรรกะประการฉะนี้ อันที่จริงข้าไม่ควรยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ ทั้งลูกชายของพูดอื่นได้ตายลง แม้นข้ายื่นมือเข้าแทรก จะต้องก่อเกิดความสงสัยอีกครั้งเป็นแน่”

“ใช่ขอรับ” ผู้ติดตามปรนลมหายใจหนึ่งเฮือก ถึงแม้จะบอกว่าก็ไม่ได้กลัวเสี้ยเฉิงเสี้ยง แต่ว่า ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้เลยนี่นา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม