บทที่ 72 การเย็บบาดแผล
หลีโม่ทั้งช่วยชีวิต ทั้งหันไปสั่งหมอ “ รีบเตรียมยาไป่เย้า กรอกลงไปก่อน จากนั้นค่อยเตรียมซุปกุยลู่ ใช้เลือดสดผสมตี้หวง ยกมาพร้อมกัน ”
หมอลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ คาดว่าคงใช้ไม่ได้ผล ”
“ เร็วเข้าสิ ” หลีโม่ตะคอกใส่เขา จนน้ำเสียงผิดเพี้ยนไป นางไม่อาจปล่อยให้ซือถูเย้นตายได้ ซือถูเย้นเป็นคนเดียวที่นางพึ่งอาศัยได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นแบบนี้
อ๋องอานชินกระชักคอเสื้อหมอคนนั้นทันที “ ไปทำตามที่นางบอก ”
“ ขอรับ ขอรับ ” หมอรีบไปทำทันที
ซือถูจิ้งเห็นหลีโม่ไม่กลัวเลือดสดและบาดแผล จัดการเป็นขั้นเป็นตอน อีกทั้งยังสามารถสั่งให้หมอทำอันนั้นอันี้เป็นส่วนๆไป เมื่อเห็นสีหน้าของนางสุขุมนิ่ง ไม่รู้ว่าทำไม นางถึงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
ซูชิงเอาดินปืนมา ไม่มาก ทั้งหมดเอามาจากปืนใหญ่
หลีโม่นำดินปืนวางบนปากแผลที่มีพิษ แล้วจุดไฟเผา หลังจากเปลวไฟดับลง เลือดบนบาดแผลก็ไม่มีตกค้างแล้ว ซูชิงก็เข้าใจทันที ปิดปากแผลแล้ว พิษที่อยู่บริเวณปากแผลก็จะไม่สามารถซึมเข้าไปได้
แม่นางคนนี้ฉลาดมาก
ที่สนามรบ ถ้าได้รับบาดเจ็บก็จะใช้ไฟลนเล็กน้อย ประโยชน์ของมันคือเพื่อห้ามเลือด แต่คิดไม่ถึงว่าดินปืนมีประสิทธิภาพในการถอนพิษได้ด้วย
เมื่อจัดการกับบาดแผลบนเรือนร่างเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยมาตรวจสอบบาดแผลบนใบหน้าและแขน
โชคดีที่บาดแผลที่แขนไม่มีกระดูกหักหรือทำลายเส้นเอ็น แค่แผลถลอกเล็กน้อย จัดการได้ง่าย
ยาไป่เย้าใช้น้ำอุ่นกรอกลงไป ปากของเขาปิดแน่นมาก แทบจะกรอกไม่เข้า
หลีโม่ต้องประคองศรีษะเขาขึ้นมา แล้วให้ซูชิงง้างปากเขาออกจึงสามารถกรอกลงไปได้
ด้านนอกมีเสียงเอะอะวุ่นวายดังมาก ต่างเป็นเสียงของเหล่าบรรดาหมอสั่งพวกผู้ช่วยให้ทำงาน
หลังจากยาไป่เย้าลงไปแล้ว ต้องรออีกสักพักถึงจะให้ยาซุปกุยลู่ได้
หลีโม่นั่งอยู่ข้างเตียง เริ่มใส่ผงยาห้ามเลือด ฝังเข็มไม่สามารถฝังไว้นานได้ ดังนั้นต้องใช้ผงยาห้ามเลือดบนบาดแผลไปก่อน
แต่ก็ไม่สามารถถอนเข็มทั้งหมดออกได้ในคราวเดียว ต้องค่อยๆถอนออกทีละเข็มๆอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อเลี่ยงเมื่อถอนเข็มออกแล้ว ไม่ให้เลือดในร่างกายที่มีอยู่แค่นั้นไหลออกมาทางบาดแผลอีก ถึงตอนนั้นจะไม่มีวิธีห้ามอีก เลือดในร่างกายก็จะไหลจนหมดสิ้น
เมื่อหมอเห็นหลีโม่เข้าใจการฝังเข็ม สายตาที่มองนางก็เปลี่ยนเป็นนับถือมากขึ้น
หลังจากถอนเข็มออกหมดแล้ว ดูปริมาณเลือดที่ออกมา โชคดีที่ไม่เลือดไหลซึมออกมา เมื่อเห็นว่าผงยาห้ามเลือดออกฤทธิ์แล้ว นางจึงเริ่มทำแผลถลอกบริเวณผิวหนัง
อากาศร้อน ขณะที่ทำแผลต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ เปลี่ยนยาก็ต้องรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นจะติดเชื้อเอาได้ง่ายๆ
นางไม่พันแผลที่บริเวณบาดแผลใหญ่ อีกสักพักนางยังจะต้องเย็บแผล บาดแผลทั้งใหญ่และทั้งยาว ถ้าไม่เย็บจะต้องมีผลที่ตามมาร้ายแรงไปกว่านี้แน่นอนหรือไม่ก็บาดแผลอาจจะติดเชื้อเอาได้
ทักษะในการทำแผลของนางชำนาญมาก แม้แต่หมอของร้านยาฮุ่ยหมินได้เห็นแล้วยังต้องแอบประหลาดใจ อย่างน้อยก็ต้องเป็นหมอที่เคยทำแผลมานานหลายสิบปีถึงจะทำได้เช่นนี้
แต่ว่าแม่สาวน้อยคนนี้ดูแล้วก็น่าจะอายุเพียงแค่สิบห้าปี โดยเฉพาะกระบวนการฝังเข็มห้ามเลือดฆ่าเชื้อ ทำเสร็จได้ในเฮือกเดียว เผชิญหน้ากับคนบาดเจ็บหนักขนาดนั้น นางไม่มีสีหน้าที่หวาดกลัวหรือกังวลเผยออกมาเลย อีกทั้งเพราะว่าคนคนนั้นเป็นอ๋องซื่อเจิ้ง ยิ่งต้องระมัดระวังตั้งแต่ต้นจนจบ
ซูชิงเห็นแล้วก็อดที่จะแอบตกใจไม่ได้ ได้เห็นดังนี้แล้วนางก็เหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าหมอ หมอที่แท้จริงก็ควรต้องเป็นแบบนี้
อ๋องอานชินยืนอยู่ตรงนั้นตลอด เขาไม่ได้ดูวิธีการจัดการบาดแผลของหลีโม่ เขาเอาแต่จ้องมองซือถูเย้น ราวกับว่านับลมหายใจของเขาว่าจะสามารถหายใจออกมาได้ไหม บางครั้งหายใจออกมานาน จนไม่สูดหายใจเข้าไปอีก สีหน้าของอ๋องอานชินก็ยิ่งเคร่งเครียดเข้าไปอีก เมื่อมีลมหายใจสูดเข้า เขาก็จะโล่งอกลงไปบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...