บทที่731 สตรีมากด้วยแผนสูง
ณ ตำหนักหลานรั่ว
หวั่นจิ้งตั้งใจว่าจะเจรจากับหลีโม่ว่าจะย้ายออกจากตำหนักหลานรั่ว บัดนี้นางเป็นนางกำนัลรับใช้ในตำหนัก ก็ควรจะเหมือนกับนางกำนัลคนอื่น ๆ โดยไม่ได้พำนักอยู่ในตำหนักหลานรั่วที่ดูโอ่อ่าเยี่ยงนี้เหมือนกับเจ้านาย
เมื่อหวั่นหุ้ยได้ยินว่านางจะย้ายออกไป ดวงตาก็ฉายแววด้วยความโมโห “เจ้านี่ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับเจ้าดี เคยเห็นแต่พยายามให้มันถึงที่สุด ไม่เคยเจอมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่รีบไปเป็นทาสรับใช้ ตำหนักหลานรั่วนี้มันไม่ดีหรือยังไง? เจ้าอยู่ที่นี่ อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีคนดูแล อีกทั้งเสี้ยหลีโม่เองก็ไม่ได้เรียกให้เจ้าย้ายออกไป ทำไมเจ้าต้องเอาอกเอาใจเช่นนี้ด้วย?”
หวั่นจิ้งพูดขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉย “ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนรีบจะไปเป็นทาสรับใช้หรอกนะ ข้าก็อยู่ในสถานะทาสอยู่แล้ว อย่าบอกว่างานที่ข้าทำมันไม่ใช่การดูแลคนอื่น หรือต่อให้ใช่ มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
หวั่นหุ้ยเลิกคิ้วยาวเรียวขึ้น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็นว่า “ไม่ใช่งานดูแลคนก็นับว่าเป็นทาสรับใช้อยู่ดี เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นนักการบัญชีที่เขาเชิญมาจากข้างนอกหรือยังไง?อย่างมากที่สุดเลยก็ให้เงินเดือนเจ้าห้าชั่ง เงินน้อยนิดเช่นนี้จะเอาไปซื้อเครื่องแต่งหน้าที่กล่องดูดีขึ้นมาหน่อยยังทำไม่ได้เลย สู้คิดวิธีขึ้นมาจะดีกว่า ทำให้ท่านอ๋องเอาพวกเราสองคนได้ออกจากสถานะเด็กสาว กลายเป็นพระสนม อย่างน้อย ๆ เลยเวลาจะกินจะใช้ก็ไม่ต้องกังวลอะไร ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง อาจเป็นไปได้ว่าเสี้ยหลีโม่จะยังกล้ามาคอยจับผิดพวกเราได้? ”
หวั่นจิ้งถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทอดสายตามองไปที่นางแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หวั่นหุ้ย ข้าเคยรู้จักเจ้ามาก่อน พวกเราได้รับความผิดเข้าวังมาพร้อมกัน ข้าหวังว่าเจ้าจะรับรู้ตามความเป็นจริง ว่าเจ้าไม่ได้เป็นข้าในราชสำนักเช่นเมื่อก่อน ถึงแม้ว่าฮองไทเฮาจะทรงประทานพวกเราให้กับท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องจะรับพวกเราหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะตัดสินใจ อีกทั้ง ข้าไม่คิดว่าการที่ได้เป็นพระสนมจะดีไปกว่าการได้เป็นนักการบัญชี สำหรับคนที่ใช้ประโยชน์จากเรื่องตัณหา จะต้องมีสักวันที่เมื่อสังขารโรยราก็จะไม่เป็นที่โปรดปราน เจ้ายังเห็นไม่ชัดอีกหรือ?ว่าท่านอ๋องไม่เคยเลยที่จะเอาพวกเรามาเป็นนางต้นห้อง หรือต่อให้ท่านอ๋องต้องการต้นห้อง อย่างไรก็ไม่มีวันรับพวกเราเอาไว้หรอก”
“ทำไมถึงไม่รับพวกเราเป็นนางต้นห้อง?ถ้าพูดเรื่องหน้าตาและความสามารถ พวกเราก็นับว่าเป็นผู้โดดเด่น อีกทั้งพวกเรายังได้รับพระราชเสาวนีย์ให้ออกมาจากวังหลวง หรือว่าท่านอ๋องคิดจะเป็นปรปักษ์ต่อฮองไทเฮากัน?”หวั่นหุ้ยกล่าวขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
หวั่นจิ้งพูดขึ้นด้วยความอดทน “ในเมืองหลวงมีสตรีสาวงามมากด้วยความสามารถมากน้อยแค่ไหน?แล้วได้เข้าพระเนตรของท่านอ๋องหรือไม่?อีกทั้งพวกเรายังได้พระราชเสาวนีย์จากฮองไทเฮาให้ออกมาจากวังหลวง ฮองไทเฮาหาข้อตำหนิพระชายา พระชายาจะเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาขนาดนั้นได้อย่างไร ถึงได้เอาพวกเราสองคนมาอยู่ข้างพระวรกายของท่านอ๋อง?”
“ฮองไทเฮาหาข้อตำหนิติเตียนนาง ก็เพราะว่านางทำตัวไม่ดี อีกทั้งเรื่องที่ฮองไทเฮาหาข้อบกพร่องของนางนั้นก็หาได้เกี่ยวข้องกับท่านอ๋องไม่ และท่านอ๋องเองก็คงจะไม่ทำผิดต่อฮองไทเฮาช่วยเหลือให้นางหลุดพ้นจากความยากลำบากนั้นไปได้ ซึ่งนั่นมันก็เพราะว่านางเป็นพระชายาที่ไม่ได้มีคุณสมบัติงดงามเพียบพร้อม แต่ทุกคนก็มีความทะเยอทะยายในใจ ฮองไทเฮาทรงอบรมสั่งสอนนาง นางก็ควรจะน้อมรับเอาไว้ ไม่ใช่ว่าวิ่งโร่กลับมาฟ้อง ไม่ว่าอย่างไรฮองไทเฮาก็เป็นพระมารดาของท่านอ๋อง พวกเราแคว้นต้าโจวใช้ความกตัญญูในการบริหารแผ่นดิน ถ้าหากว่านางกล้าร้องขอให้ท่านอ๋องทำเรื่องอกตัญญู ข้า……”
หวั่นจิ้งขมวดคิ้วเป็นปมแล้วกล่าวขึ้น “เจ้าจะทำไม?เจ้าทำอะไรได้หรือ?หวั่นหุ้ย เห็นว่าพวกเรารู้จักกันมาก่อน ข้าจะเตือนเจ้าให้นะ ว่าให้เก็บความคิดของเจ้าไปเสีย เรื่องวันนี้ต่อไปอย่าได้ไปพูดถึงมันอีก ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นการหาเหาใส่หัว พระชายาจะร้องขอให้ท่านอ๋องทำเรื่องอกตัญญูต่อฮองไทเฮาหรือไม่ พวกเราไม่อาจรู้ได้ แต่ ข้ากลับเห็นว่าท่านอ๋องทรงถนอมและรักใคร่พระชายา ถ้าหากว่ามีคนสร้างเรื่องลำบากให้กับพระชายาหรือว่าคิดใส่ร้ายพระชายาลับหลัง ท่านอ๋องเป็นด่านแรกที่จะต้องผ่านไปให้ได้เสียก่อน”
หวั่นหุ้ยเมื่อได้สดับฟังคำพูดพวกนั้นของนาง ก็รู้สึกร้อนอกร้อนใจขึ้น “ข้าไม่เชื่อที่เจ้าพูดหรอก คนอย่างเจ้ามันจะเห็นอะไรกัน?เจ้าเป็นนักการบัญชีทำงานมาไม่ได้นาน เสี้ยหลีโม่เคยเรียกเจ้าเพียงแค่ครั้งเดียว เจ้าแสร้งทำเป็นว่าเข้าอกเข้าใจพวกเขาเสียอย่างนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ ข้ารู้สึกว่า ถ้าหากว่านางมีความประพฤติเฉกเช่นพระชายาจริง ๆ ตัวเองไม่ตั้งครรภ์ ก็ควรจะเป็นธุระหาพระสนมหรือนางบำเรอให้กับท่านอ๋อง แต่แม้กระทั่งจัดแจงนางบำเรอให้นางก็ไม่ทำ ข้าได้ยินมาว่า เย็นเอ๋อร์นางในห้องของนางที่ตกแต่งออกมาด้วย โดยปกติแล้วเด็กสาวที่แต่งออกมาเป็นเพื่อน มักจะถูกเรียกให้เอามาเป็นหญิงรับใช้ท่านอ๋อง นางก็เป็นคนที่ตกแต่งออกมาด้วย ยังจะกดขี่นางเอาไว้ไม่ให้โอกาส นี่มันเห็นแก่ตัว ขี้อิจฉาชัด ๆ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างท่านอ๋องจะรักใคร่โปรดปรานผู้หญิงเช่นนี้”
หวั่นจิ้งโคลงศีรษะไปมา “ถ้าหากว่าเจ้าหน้ามืดตามัวหลงวนเวียนอยู่กับความคิดของตัวเอง เจ้าคิดว่ามีเพียงแค่เจ้าที่เต็มใจ นั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง ความสัมพันธ์ของท่านอ๋องและพระชายาไม่ใช่เรื่องที่ทั้งเจ้าและข้าจะคาดเดาได้ พูดโดยสรุป ถ้าหากว่าอยากจะใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างราบรื่น ก็ให้ไปหาพระชายาทำงานที่ยังไม่เข้าขั้นอะไร ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเริ่มจากการเป็นนางกำนัลรับใช้ระดับสาม ถ้าเจ้าทำได้ดี พระชายาก็จะต้องเลื่อนขั้นให้กับเจ้า”
“ถ้าทำไม่ดีล่ะ?จะไสหัวให้ออกไปเลยไหม?”หวั่นหุ้ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ถ้าหากว่าเจ้าทำด้วยความตั้งใจ มันจะออกมาไม่ดีได้อย่างไร?ปล่อยวางเรื่องรูปร่างหน้าตาของเจ้าก่อนเถอะ เจ้ามีเหตุมีผลสักหน่อย เป็นคน จะต้องรับรู้ความเป็นจริงให้ได้อย่างถูกต้อง ความจริงก็คือครอบครัวของพวกเราได้รับโทษ จะต้องมีชีวิตต่อไป แล้วก็ต้องทุ่มเทด้วย”
หวั่นหุ้ยถลึงตากลมโตที่เรียวรีนั้น “ไม่ใช่พวกเราเป็นฝ่ายทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมพวกเราถึงจะต้องได้รับผลกรรมนั้น?”
“พวกเราใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปแล้ว?ท่านพ่อของพวกเรามีใจคดโกงจึงได้รับโทษ เมื่อก่อนเจ้าได้กินดีอยู่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ได้มาจากการคดโกง ในเมื่อเจ้าใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ทำไมถึงพูดมาได้ล่ะว่าไม่มีความผิด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...