บทที่732 ความผิดปกติของถุงเครื่องหอม
หมิงตงโค้งกายคำนับ “คุณหนูหวั่นหุ้ย โปรดรับสั่งมาได้ มีเรื่องอันใด?”
“ดูข้าทีซิ สวยหรือยัง?”หวั่นหุ้ยหมุนตัวด้วยความหยิ่งผยอง แล้วถามขึ้น
หมิงตงจ้องมองที่นาง แล้วพูดขึ้นอย่างเยินยอออกไปว่า “สวยแล้วเจ้าค่ะ ฮองไทเฮาก็เคยรับสั่งเอาไว้ ว่าคุณหนูหวั่นหุ้ยมีรูปโฉมงามสะคราญ ถึงแม้จะไม่ได้งามขนาดนางล่มเมือง แต่ก็นับว่าเป็นคนที่มีรูปโฉมสวยงามโดดเด่น ถ้าไม่เช่นนั้นคงไม่เลือกให้ท่านมายังตำหนักนี้หรอกเจ้าค่ะ”
หวั่นหุ้ยรู้สึกพึงพอใจ “ถ้าเทียบกับเสี้ยหลีโม่ล่ะ เป็นยังไง?”
สีหน้าของหมิงตกชะงักงันไปเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องนี้มัน……
“ว่ายังไงกัน?ข้าสวยสู้นางไม่ได้หรอ?”ใบหน้าของหวั่นหุ้ยงอง้ำลง น้ำเสียงเริ่มไม่เป็นมิตร
เมื่อหมิงตงเห็นว่านางโมโหขึ้น ก็ตระหนักรู้ได้ถึงนิสัยของนางเป็นอย่างดี “ได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ?อย่างมากที่สุดเลย พระชายาก็นับว่าเป็นคนสวยแบบเรียบ ๆ จะไปเทียบกับความเฉิดฉายของคุณหนูได้ที่ไหนกัน?”
หวั่นหุ้ยถึงได้ยิ้มออกมา “อื้ม ถ้ากลับไปแล้วท่านอ๋องโปรดปรานข้า จะมีรางวัลให้”
หมิงตงชะงักไปสักพัก “ท่านอ๋องทรงโปรดปรานคุณหนูแล้วหรอเจ้าคะ?”
“นั่นมันเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี!” หวั่นหุ้ยยิ้มออกมาอย่างกระมิดกระเมี้ยน พู่ของปิ่นปักผมที่อยู่บนศีรษะโยกคลอน ทำเสียงออกมาเบา ๆ
เครื่องประดับพวกนี้เป็นของที่ฮองไทเฮาประทานมาให้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ของชั้นเลิศ แต่ก็นับว่าเป็นเครื่องประดับที่นางเอามาออกหน้าออกตาได้ในตอนนี้
ท้องฟ้าปรุโปร่ง สายลมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงโชยโบก เย็นเอ๋อร์จัดเก็บห้อง แล้วหยิบเอาผ้าห่มของหลีโม่ออกมาให้คนเอาไปซักและตาก
มีนางกำนัลเข้ามาทำความสะอาดห้องไปสักรอบ เย็นเอ๋อร์รอให้ถึงราว ๆ สิบวันถึงจะทำความสะอาดครั้งใหญ่สักครั้ง
เสื้อผ้าที่หลีโม่ไม่ได้ใส่นานแล้วถูกเอามาตากแดด ของที่ติดตัวนาง ล้วนแต่ถูกเปลี่ยนใหม่
หลีโม่เห็นว่านางกำลังยุ่งกับงาน ซือถูเย้นก็ไปตำหนักอ๋องอานชิน นางจึงไปยังตำหนักขององค์หญิงเพื่อพูดจาปราศรัย
“ตอนนี้คนก็กลับมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วล่ะสิ?” หลีโม่จ้องมองใบหน้าที่เปล่งปลั่งของนาง แล้วก็สัพยอกเข้า
“ก็ไม่ได้เป็นห่วงตั้งแต่แรก นับตั้งแต่วันนั้นที่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ใจสงบแล้ว ”ซือถูจิ้งค่อย ๆ จิบชา สีหน้าท่าทางดูเรียบสงบ
“เช่นนั้นหรอ?”หลีโม่หัวเราะออกมาเบา ๆ “เมื่อก่อนเห็นเจ้าทำท่าขวัญหนีดีฝ่อ เอาล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดยังไง ตอนนี้ก็แค่หวังว่า จะจัดการเรื่องงานแต่งเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เจ้าเองก็ไม่ใช่จะอายุน้อย ๆ แล้ว แต่งงานมีลูก ล้วนแต่เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตที่ต้องทำได้แล้ว”
“ไม่รีบร้อน ความสุขย่อมต้องเต็มไปด้วยขวากหนาม ถ้าจะให้ลำบาก จนตอนนี้สวรรค์ต้องการอยากจะทดสอบอีกสักครั้ง ก็ให้ทดสอบมาเสียเถอะ”
ใจของเขามีนางอยู่ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว
ซือถูจิ้งช้อนตาขึ้น จ้องมองไปที่นาง “สองวันมานี้ยังฝันร้ายอยู่ไหม?”
“จะพูดไปก็แปลกอยู่นะ นับตั้งแต่กินยาชุบชีวิตเม็ดนั้นของซางชิวไปแล้ว ก็ไม่เคยได้ฝันร้ายอีกเลย อยากจะรู้จริง ๆ ว่าจริง ๆ แล้วมันคือยาอะไรกัน ถึงได้ประหลาดเช่นนี้”
“ซางชิวผู้นี้ เป็นคนมากด้วยความสามารถ น่าเสียดายก็ตรงที่ว่า อยู่ผิดคนแล้ว”
หลีโม่ใจเต้นแรงขึ้นในทันที “ซางชิวผู้นี้เป็นคนมีความสามารถโดยแท้ แต่ก็เหมือนกับที่เจ้าบอก คนฉลาดเฉลียวเยี่ยงนี้ ทำไมถึงได้รับใช้อ๋องหนานหวยกันนะ?”
ซือถูจิ้งแน่นิ่งไปสักพัก “เจ้าหมายถึงว่า?”
หลีโม่พยักหน้า “ไม่ผิด เขาไม่มีทางที่จะไปรับใช้อ๋องหนานหวยโดยไม่มีสาเหตุ”
“ยังมีความสามารถอะไรที่เจ้าแปดยังไม่แสดงออกมา?”ซือถูจิ้งเข้าใจในความหมายของหลีโม่ ซางชิวผู้นี้ดูท่าก็รู้แล้วว่ามาด้วยชื่อเสียงและสถานะ อีกทั้งตัวเขายังมีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการรับใช้ราชวงศ์และแคว้นใหม่
เขาอาศัยความรู้สึกอันใดกัน อ๋องหนานหวยจะเป็นผู้ชนะอย่างนั้นหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...