พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 741

บทที่ 741 หนอนเลือด

หลี่ซ่วยหยุ่นมองดูฮ่องเต้ มือกำแขนเสื้อของเขาไว้แน่น พร้อมพูดว่า “ฮ่องเต้ หลีโม่ตกลงยอมรับเรื่องของเราแล้ว”

สายตาของฮ่องเต้มองออกไปไกล หลีโม่รู้สึกว่าแววตานั้นเต็มไปด้วยความหมาย แต่เมื่อดูดีๆ กลับดูอ่อนโยนและดูเป็นกันเองมาก

“หลีโม่ยอมตกลงนั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุด”ฮ่องเต้อมยิ้ม

หลีโม่ชาไปทั้งตัว ทำได้เพียงอมยิ้ม

หลี่ซ่วยหยุ่นพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลอีกว่า “แต่ เจ้ากับท่านอ๋องเป็นพี่น้องกัน หม่อมฉันจะอภิเษกกับฮ่องเต้ได้อย่างไร?”

หลีโม่มองดูฮ่องเต้แน่นิ่ง รอเขาตอบคำถาม

เห็นฮ่องเต้ตบหลังหลี่ซ่วยหยุ่นเบาๆ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ดังนั้น พวกเราจะไม่จัดพิธีการนี้ เจ้าอยู่ในวังในฐานะเจ้าเมือง แต่เจ้าวางใจได้ ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าอย่าคิดน้อยใจก็พอ”

“หม่อมฉันไม่น้อยใจ สามารถได้ติดตามฮ่องเต้ ให้หม่อมฉันเป็นอะไรก็ได้”หลี่ซ่วยหยุ่นพูดอย่างอ่อนโยน

หลีโม่ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว โค้งคำนับพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ หลีโม่ขอตัว”

ฮ่องเต้พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “อืม ไปเถอะ”

หลีโม่หันตัวไป แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า จึงถามขึ้นว่า “หม่อมฉันอยากเจอกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ไม่รู้ว่านางกลับมาหรือยัง?”

“กลับมาแล้ว เจ้าไปหานางเถอะ” สีหน้าฮ่องเต้ยังคงเรียบเฉย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจว่าหลีโม่จะไปหาซุนฟางเอ้อร์หรือไม่แล้ว

หลีโม่มองดูหางตาของเขา ก็รู้แล้วว่าเขาคงเตรียมการทุกอย่างไว้แต่แรกแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วว่าซุนฟางเอ้อร์จะเปิดเผยเล่าอะไรให้นางฟัง

ซุนฟางเอ้อร์สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายมาก เพียงแค่บนผมปักปิ่นดอกสีเหลืองไว้หนึ่งดอกแค่นั้น

เห็นหลีโม่มา นางก็ไม่แปลกใจ มองดูแว๊บหนึ่ง แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ

หลีโม่รู้ว่าปกตินางไม่ชอบแต่งตัวแบบนี้ ดังนั้นจึงมองดูดอกสีเหลืองนั่นของนางอยู่พักหนึ่ง

ซุนฟางเอ้อร์เหมือนดูออก ยื่นมือลูบอยู่ประเดี๋ยว หัวเราะอย่างเยาะเย้ย “เมื่อกี้กลับมาจากห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้ พระองค์อารมณ์ดี จึงเด็ดดอกสีเหลืองมาดอกหนึ่ง ปักให้ข้า สวยไหม?”

หลีโม่ไม่ได้ตอบ เพียงแค่มองดูนาง

ซุนฟางเอ้อร์เหมือนรู้ว่านางโกรธด้วยเรื่องอะไร ส่ายหัว “เมื่อกี้อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ยังเก็บอารมณ์ไว้ได้ แต่เมื่อมาถึงที่ข้า ทำไมถึงอดทนไม่ไหวแล้ว?”

“ทำไม?”หลีโม่กัดฟันถาม

“ทำไม?” ซุนฟางเอ้อร์หัวเราะเสียงดังขึ้นมา หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะจนน้ำตาไหล “เจ้าไม่รู้หรือ? พวกเจ้าให้ข้าช่วยเสี้ยฮ่าวหราน ฮ่องเต้ฉลาดขนาดนี้ จะคิดไม่ได้หรือ? ทุกอย่างควบคุมไม่ได้แล้ว เจ้าคิดว่าเขาจะยอมง่ายๆหรือ? เขาต้องการควบคุมพวกเจ้า ก็จะต้องรู้จุดอ่อนของพวกเจ้า และแม่ของเจ้ารู้เรื่องของเจ้าดีทุกอย่าง อีกอย่าง เจ้าไม่รู้หรือ? เขาหลงรักแม่ของเจ้ามาตั้งแต่เป็นหนุ่ม ตอนนี้ เขาได้สมหวังดั่งปรารถนาแล้ว”

หลีโม่รู้ว่าสุดท้ายยังไงฮ่องเต้ก็ต้องรู้ แต่นางคิดว่าต่อให้รู้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเสี้ยฮ่าวหรานก็ถูกส่งออกจากวังไปแล้ว

คิดไม่ถึงว่า ช่วยเสี้ยฮ่าวหรานจะกลายเป็นการเล่ห์กลให้เขาได้ลงมือกับแม่

“ข้าไม่เชื่อฟังเขาไม่ได้ ข้าหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาไม่ได้แล้ว ข้านี้ออกไปจากคุกนี้ไม่ได้ ข้าต้องการมีชีวิตอยู่ ก็จะต้องเชื่อฟัง”

นางหยิบดอกสีเหลืองบนหัวโยนทิ้งในทันใด พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ทำไมพวกเจ้าไม่ช่วยข้าออกไปด้วยตั้งแต่แรก? ใครๆก็มีคนช่วย ทำไมข้าต้องอยู่ที่อย่างเงียบเหงา? ข้าก็เป็นคนนะ”

หลีโม่มองดูใบหน้าขาวผ่องของนาง น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ในใจก็อดที่จะโศกเศร้าไม่ได้

ตลอดมา นางล้วนคิดว่าซุนฟางเอ้อร์เป็นอิสระ ยังไง นางก็ทำร้ายคนมาตั้งเยอะขนาดนั้น เพื่อความเห็นความตัวของตัวเอง

แต่จริงๆแล้วเรื่องมากมายล้วนไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่นางต้องการ เดินผิดไปหนึ่งก้าว ก็จะต้องผิดไปทุกก้าว

ไม่มีใครช่วยนางกลับใจ

ซุนฟางเอ้อร์คุกเข่าลง ค่อยๆเก็บดอกสีเหลืองนั่นขึ้นมา กลีบดอกหล่นหมดแล้ว เหลือเพียงเกสรดอกไม้ นางค่อยๆปักขึ้นไปบนหัวเหมือนเดิม สีหน้ายิ่งขาวซีดกว่าเดิม “เมื่อก่อนข้าคิดมาตลอดว่า ข้าจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าทุกคน แต่ตอนนี้ข้าเพียงอยากมีชีวิตที่สงบสุข ข้ากลัวมาก ตลอดชีวิตของข้านี้ ยังไม่มีใครเคยรักเป็นห่วงและให้ความสำคัญ ข้าไม่อยากตาย”

นางปักดอกคืนเหมือนเดิม แล้วมองดูหลีโม่ คุกเข่าอย่างลง “เสี้ยหลีโม่ ข้าเกลียดเจ้ามาตลอด แต่ข้ารู้ เจ้ามีวิธีช่วยข้าได้ ข้อขอร้อง ช่วยข้าออกไป ข้าไม่อยากตาย”

หลีโม่ยื่นมือไปประคองนาง ในใจบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง “ลุกขึ้นมาเถอะ”

“ขอร้องเถอะ” ซุนฟางเอ้อร์มองดูนาง ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยไฟแห่งความขอร้องกับความหวัง แต่ถึงจะแสดงให้เห็นความหวัง กลับก็มองเห็นความหมดหวังในดวงตา

นางขอร้อง เป็นความหวังสุดท้าย แต่ที่จริงนางไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว

ใครจะยอมช่วยนาง? นางชั่วร้ายขนาดนั้น ทุกคนต่างก็พูดว่านางเป็นคนร้าย

ขาของนางอ่อนลง ฟุบนั่งบนพื้น หัวเราะอย่างเยาะเย้ยว่า “ตอนนี้หวนกลับไปคิด คนที่ดีกับข้า มีเพียงคนโง่คนนั้นคนเดียว ก็ดี ข้าได้ช่วยเขาออกไปแล้ว ถือว่าตอบแทนบุญคุณของเขาแล้ว”

หลีโม่ดึงนางอีกครั้ง ใช้รูปปากพูดว่า “ข้าจะพยายาม”

คำพูดนี้ นางไม่ได้พูดออกเสียง เพราะนางรู้ว่าถึงแม้ภายในจะไม่มีคน แต่รอบๆต้องมีหู

ซุนฟางเอ้อร์มองดูนาง น้ำตาไหลลงอาบแก้มทันที

หลีโม่พูดว่า “ขอโทษ ข้าไม่สามารถทำได้ เจ้าเป็นกุ้ยเฟยของฮ่องเต้ ควรอยู่รับใช้ฮ่องเต้เป็นอย่างดี ข้ามาในครั้งนี้ ก็เพราะอยากถามเจ้าว่า ก่อนหน้านี้ที่เจ้าเอาโสมให้ข้า ทำไมถึงมีหนอน?”

ซุนฟางเอ้อร์ได้ยินเช่นนี้ แล้วสีหน้าก็ขาวซีดขึ้นมาทันที “อะไรนะ?”

“ใช่ น่าแปลกมาก หนอนเส้นสีแดง โผล่อยู่บนโสมที่เจ้าให้ข้า และโสมนั่นก็ไม่เห็นแล้ว” หลีโม่พูด

ซุนฟางเอ้อร์ส่ายหัว “ไม่ เป็นไปไม่ได้”

หลีโม่รู้ว่านางเข้าใจสิ่งที่นางพูด แต่เลือดพวกนั้นทำไมถึงกลายเป็นหนอนเส้น นางเองก็ยังไม่รู้

“เจ้าเห็นกับตาตัวเองหรือ? นี่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้” ซุนฟางเอ้อร์เอามือปิดหน้า ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ร้องไปด้วย พูดไปด้วยว่า “งั้นข้าต้องตายแน่ ข้าต้องตายแล้วแน่ๆ”

หลีโม่อึ้ง “นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ในใจหวาดระแวงขึ้นมาทันที เลือดพวกนั้นกลายเป็นหนอนเส้น เท่ากับว่าเลือดของซุนฟางเอ้อร์มีปัญหา?

งั้นเลือดของนาง ไม่สามารถช่วยไอ้เจ็ดได้อีกแล้ว?

หลีโม่พูดเช่นนี้ แล้วก็เห็นซุนฟางเอ้อร์หัวเราะขึ้นมาในทันใด และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง คนทั้งคนเหมือนดั่งคนบ้า

และแล้ว หลีโม่ก็เห็นนางใช้รูปปากพูดว่า “ฮ่องเต้จะต้องตาย”

หลีโม่อึ้ง มองดูซุนฟางเอ้อร์ที่หัวเราะอยู่อย่างไม่หยุด แล้วนางก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะ

ก่อนหน้านี้ที่นางร้องไห้ เพราะรู้ว่าตัวเองจะต้องตาย ต่อมาที่หัวเราะ เพราะรู้ว่าฮ่องเต้ก็จะต้องตาย ผู้ชายที่ควบคุมนางมาตลอดคนนั้น ในที่สุดก็จะตายแล้ว เพียงแต่นางก็ต้องตายเหมือนกัน

หลีโม่รู้ว่าคุยก็ซุนฟางเอ้อร์ต่อไปก็ไม่ได้อะไรแล้ว นางลุกขึ้น โค้งคำนับ “กุ้ยเฟยรักษาพระวรกายด้วย”

พูดเสร็จ แล้วก็ก้าวเท้าเดินออกไปเร็วๆ

นางไม่ได้กลับจวน แต่ไปติ่งเฟิงโหลว

หูฮวนซีเห็นนางมากะทันหัน ก็ค่อนข้างแปลกใจ “ทำไมเจ้าถึงมาในเวลาแบบนี้?”

หลีโม่มองดูรอบๆ หูฮวนซีจึงไล่ทุกคนออกไป แล้วมองถามนางอย่างจริงจังว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“เรื่องที่ข้าข้ามภพมา ฮ่องเต้รู้เรื่องแล้ว และยังใช้เรื่องนี้มาป่าวประกาศ ว่าข้าเป็นนังจิ้งจอก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม