อย่าถามคำถามมากมายขนาดนั้นได้ไหม? ข้าคงไม่สามารถสาธิตให้เจ้าดูได้หรอก “นี่คืออาวุธลับ ใช้สำหรับป้องกันตัว หลักการก็คล้ายกับยาสลบ เพียงแค่ข้าเปิดใช้งาน หากอีกฝ่ายเข้ามาโดน ก็จะเป็นอัมพาตทั้งตัว”
จิ้งอ๋องหวนนึกถึงวันนั้น เจ้าเด็กคนนี้ถือสิ่งนี้ คนที่เข้าใกล้นางล้มลงทันที ที่แท้ก็เป็นอาวุธลับที่มียาสลบ “สามารถทำออกมาได้อีกหรือไม่?”
ตวนมู่สวี่ชิงอยากจะยกมือขึ้นกุมขมับ “ไม่ได้ วัสดุนี้พิเศษมาก และทำยากมาก...” นางพูดไปเรื่อยๆ ก็ไม่สามารถพูดให้เข้าเรื่องได้
จิ้งอ๋องพยักหน้า ไม่ได้บังคับอะไรอีก ส่งแท่งเหล็กคืนให้นาง “ออกไปพักผ่อนเถิด!”
เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ ตวนมู่สวี่ชิงก็ถอนหายใจออกมา โชคดีที่จิ้งอ๋องไม่ใช่คนชอบซักไซ้ไล่เลียง มิเช่นนั้นนางก็ไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องอย่างไร
สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ เหตุผลที่จิ้งอ๋องไม่ได้ถามรายละเอียดเพิ่มเติม ก็เพราะเขาทรงรอบรู้และเคยเห็นผู้มีความสามารถพิเศษมามากมาย
ในเมื่อได้ยืนยันแล้วว่าตวนมู่สวี่ชิงเป็นคนที่มีความสามารถ การที่นางนำสิ่งแปลกใหม่ออกมาบ้าง ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
สวี่ชิงกลับมาถึงลานบ้านของตนเอง ไม่ได้รีบเข้านอนทันที หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็เริ่มต้มยา พี่รองและน้องสี่ต่างก็มีอาการบาดเจ็บภายใน ต้องทานยาและต้องการบำรุง
พอรุ่งเช้านางก็ให้พ่อบ้านจัดเตรียมรถม้าคันหนึ่ง นำยาต้มและอาหารเช้าไปที่กรมอาญาอีกครั้ง
เมื่อไปถึงคุก ก็เห็นเจ๋อหยางและหลินหยางต่างยกม้านั่งยาวมานอนเฝ้าอยู่หน้าห้องขังของบิดา พวกเขาดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ทั้งสองคนที่ตกใจตื่นก็ลืมตาขึ้น เจ๋อหยางลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “เจ้ามาทำไมอีก?”
สวี่ชิงยิ้มให้เขา จากนั้นก็ยกตะกร้าอาหารในมือขึ้น “นำอาหารเช้ามาให้พวกเจ้าไง”
หลินหยางยิ้มรับ “เจ้ายังมีน้ำใจ” จากนั้นทั้งสองก็ถืออาหารเช้าส่วนของตนเองออกไปทาน
ตวนมู่ซ่านเฉิงดูออกว่าน้องสาวสนิทสนมกับคนของจวนอ๋องเป็นอย่างมาก เขาอยากจะถามว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แต่ในคุกไม่ใช่ที่ที่จะพูดคุยกันได้
เมื่อวานนี้ห้องครัวใหญ่เหลือข้าวสวยไว้หม้อใหญ่มาก สวี่ชิงจึงนำมาทำข้าวผัดไข้มาส่งให้
สวีเนี่ยนฉือที่คอได้รับบาดเจ็บ เสียงพูดจึงแหบแห้ง พูดลำบากมาก “เจ้าสาม นำยามาให้แล้ว ต่อไปไม่ต้องมาอีกแล้ว”
เนื่องจากฮ่องเต้ใกล้จะมีพระชนมพรรษา จิ้งอ๋องจึงต้องเสด็จเข้าวังทุกวัน และเสด็จกลับจวนเมื่อตะวันตกดิน
ตวนมู่สวี่ชิงยังคงต้มยาให้พี่รอง แต่ไม่ได้ไปส่งด้วยตนเอง เพราะทุกครั้งที่ไป ก็จะต้องถูกบิดามารดาและพี่ใหญ่ พี่รอง สั่งสอนสลับกันไปมา โชคดีที่เสี่ยวซงจื่อคิดรอบคอบ จึงจัดให้มีทหารองครักษ์คนหนึ่งในจวน คอยวิ่งไปที่คุกทุกวัน ส่งอาหาร ส่งยา
ทุกวันได้รับข่าวคราวความปลอดภัยของคนในครอบครัว ตวนมู่สวี่ชิงก็รู้สึกสบายใจที่จะอยู่ในจวนอ๋อง สามารถทำอาหารอร่อยๆ เพื่อตอบแทนจิ้งอ๋องได้อย่างสบายใจ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่วันไหน การกลับจวนแล้วกินอาหารค่ำที่เรือนชิงเฟิง ได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของจิ้งอ๋องไปแล้ว
ตวนมู่สวี่ชิงก็คุ้นเคยกับการคำนวณเวลาทำอาหารรอให้เขากลับมากินพร้อมกัน
นางยังคงไม่ถือยศศักดิ์ ร่วมโต๊ะกินกับท่านอ๋อง ในเรื่องนี้ เสี่ยวซงจื่อก็คุ้นเคยแล้ว เมื่อนายท่านไม่ถือสา แล้วเขาจะมีอะไรให้คัดค้าน? อย่างไรก็ตาม สุดท้ายให้เขาสามารถร่วมทานอาหารมื้อใหญ่ได้ก็พอแล้ว
พริบตาเดียว ก็ถึงวันก่อนวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ ในช่วงบ่าย เสี่ยวซงจื่อมาหาตวนมู่สวี่ชิง “นายท่านไม่กลับจวนในวันนี้ ตอนเย็นเจ้าไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นแล้ว”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตา ล่าหัวใจแม่ทัพ
เรื่องอื่นซื้อตอนอ่สนได้ปกติ ทำไม error อยู่เรื่องเดียว ช่วยตรวจสอบด้วยค่ะ สงสารผู้แต่งนะ ลงคอนแต่ขายไม่ได้...
เบื่อระบบ มีเหรียญแต่กดซื้อตอนไม่ได้ ค้างคามากๆ error มานานแล้วค่ะ...
กดจ่ายเหรียญ แต่ขึ้น error ค่ะ...
ทำไมกดจ่ายเหรัยญ แล้ว error...
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...