เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1009

เซียวปี้เฉิงได้ยินมาถึงจุดนี้ก็แปลกใจมาก “แม่นางผู้นี้เป็นใคร ปลอมตัวเป็นชายอยู่ในค่ายทหารตั้งนาน แต่ก็ยังไม่มีใครรู้? ตอนนี้ราชสำนักไม่บังคับประชาชนเป็นทหารแล้ว นางคงไม่เป็นทหารแทนบิดากระมัง”

ถ้าในยุคของพระเจ้าหลวง จะมีสตรีไปเป็นทหารแทนบิดากันไม่น้อย แต่สิบปีก่อน ต้าโจวก็บังคับชายหนุ่มเป็นทหารแล้ว

ค่ายทหารมีการตรวจสอบอย่างรัดกุม ผ่านมานานเพียงนั้นก็ยังไม่รู้อีก ถ้าไม่ใช่พวกทหารสะเพร่า แสดงว่าแม่นางผู้นี้มีความสามารถสูงจริง ๆ

อวิ๋นหลิงยื่นจดหมายที่มีตัวหนังสือเต็มไปให้เขา กล่าวด้วยความตลกว่า “ท่านพูดถูก ประวัตินางไม่ธรรมดา จึงแฝงตัวเข้าค่ายทหารได้ แต่ถึงนางจะไม่เป็นทหารแทนบิดา แต่ก็ใกล้เคียง”

เซียวปี้เฉิงรับจดหมายมาอ่านก็เข้าใจทันที

“ที่แท้ก็เป็นลูกสาวสกุลเว่ยนี่เอง มิน่าล่ะ”

แม่นางมู่หลานท่านนี้นามว่า เว่ยยิง เฟิงหยางเล่ารายละเอียดชาติกำเนิดและสาเหตุที่ปลอมตัวเป็นชายเข้ามาในค่ายทหาร

เซียวปี้เฉิงเองก็รู้จักตระกูลเว่ยเช่นกัน ปกติยังไปมาหาสู่กับพวกเขาด้วย เพราะบิดาของเว่ยยิงเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ระดับสี่ เป็นทหารในกองทัพจิงอู๋

กองทัพจิงอู๋เป็นหนึ่งในสิบสองกองทัพของเมืองหลวงต้าโจว เป็นทหารส่วนพระองค์ ปกติจะคอยอารักขาตอนฮ่องเต้ออกงานนอกวัง และยังลาดตระเวน ป้องกันภัยในเมืองหลวงอีกด้วย

คืนที่จัดการตระกูลยิน ผู้บัญชาการที่ร่วมมือกับพวกหลงเย่ก็คือบิดาของเว่ยยิง

สาเหตุของแม่นางผู้นี้ที่แต่งกายเป็นชายเข้าค่ายทหารนั้นง่ายมาก

แม้ยามนี้จะไม่บังคับให้ชายหนุ่มเป็นทหารแล้วจริง แต่พระเจ้าหลวงก็เคยออกกฎหมายข้อหนึ่งด้วยตัวเองว่า ขุนนางที่อยู่ในยศเจ็ดขึ้นไป ต้องส่งบุตรชายไปเป็นทหารอย่างน้อยหนึ่งคน ยกเว้นว่ามีลูกชายคนเดียวหรือพิการ

พระเจ้าหลวงเป็นทหารมาทั้งชีวิต เห็นด้วยกับคำว่ายิ่งเก่งก็ยิ่งมีภาระหนักขึ้น ยิ่งไม่ชอบผู้บัญชาการที่เอาแต่สั่งการข้างหลัง แล้วให้ทหารที่เป็นลูกหลานประชาชนออกรบแนวหน้า

อีกอย่าง เขาคิดว่าตระกูลทหารต้องมีเลือดนักสู้ตลอดเวลา ฉะนั้นจึงตั้งกฎข้อนี้ขึ้น บัดนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง

แต่กฎหมายข้อนี้ของพระเจ้าหลวงยืดหยุ่นได้ โดยจะยึดตำแหน่งขุนนางแล้วพิจารณาอายุการเป็นทหาร จะมีทั้งห้าปีถึงสิบห้าปี บุตรชายขุนนางอายุสิบห้าปีก็เป็นทหารได้แล้ว ช้าสุดต้องไม่เกินยี่สิบปี

ครอบครัวของเว่ยยิงจะพิเศษหน่อย มารดานางเข้มงวดต่อบิดานางยิ่ง ไม่มีภรรยาอื่น ดังนั้นจึงมีเพียงลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนเท่านั้น

ตามกฎหมายแล้วบุตรชายตระกูลเว่ยต้องเป็นทหารหนึ่งคน

น้องชายของเว่ยยิงดึ่งแปดปี หน้าที่การเป็นทหารย่อมตกเป็นของพี่ชายนางโดยปริยาย แล้วอีกฝ่ายก็อายุครบยี่สิบปีแล้ว ยืดเวลาต่อไม่ได้แล้ว

แต่พี่ชายเว่ยเป็นนักวิชาการที่เกิดในตระกูลทหาร ร่างกายอ่อนแอ คลอดก่อนกำหนด สุขภาพไม่ดีแต่เด็ก อย่าว่าแต่ห้าปีเลยสามปีก็คงไม่ไหว

คาดไม่ว่าไม่ทันออกรบ เขาก็คงตายในสนามฝึกซ้อมแล้ว

แต่พี่ชายเว่ยก็ไม่ได้พิกลพิการ ปฏิเสธการเข้าเป็นทหารไม่ได้ ชวนให้ตระกูลเว่ยปวดหัวยิ่ง

เมื่อถึงนาทีสำคัญ เว่ยยิงก็ยืนออกมา เสนอตัวจะเป็นทหารแทนพี่ชาย อนาคตพี่ชายจะได้เป็นขุนนางง่ายขึ้น

เซียวปี้เฉิงอ่านมาถึงจุดนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ตอนนั้นข้าก็สงสัยเหมือนกัน ทหารที่รักเมียยิ่งชีพ ไยถึงมีลูกอนุอายุสิบเจ็ดปีโผล่ออกมา ที่แท้ก็เป็นเรื่องเท็จนี่เอง”

เข้าข่ายหลอกลวง แต่โชคดีที่แม่นางผู้นี้มีความสามารถจริง ผลงานสามารถทำให้พ้นโทษได้

ระหว่างที่นางใช้ความคิดก็เห็นเซียวปี้เฉิงเข้ามาใกล้อย่างลี้ลับ กระซิบว่า “แต่ข้าเดาว่านอกจากเว่ยยิงจะเป็นทหารแทนพี่ชายแล้ว ยังมีเป้าหมายอื่นอีก”

“ท่านรู้อะไรมารึ?” อวิ๋นหลิงรู้ว่ามีเรื่องให้เผือกก็ตื่นเต้น จิ้มเอวเขาแล้วเอ่ย “รีบบอกมา อย่าลีลา”

เซียวปี้เฉิงยิ้มกุมมือนาง กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เว่ยยิงกับเสิ่นชิ่นเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก ถ้าเสิ่นทัวไม่เกิดเรื่องที่ชายแดน คาดว่าบัดนี้นางคงเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเสิ่นชิ่นแล้ว”

เมื่อนานมาแล้ว ตอนเว่ยจงเจี้ยงคุยเล่นกับเขา เคยพูดเชิงเสียดายเสิ่นทัวหลายครั้ง ต่อมาเขาจึงสันนิษฐานว่าทั้งสองตระกูลอาจอยากเป็นทองแผ่นเดียวกัน

เสิ่นทัวอายุเยอะกว่าเว่ยยิงหลายปี ตอนเขาเกิดเรื่อง เว่ยยิงเพิ่งจะสิบสี่ปี แต่แม่นางผู้นี้น่าจะชอบเขาตั้งแต่เด็กแล้ว

ตอนที่เซียวปี้เฉิงกลับจากค่ายทหารเมืองสุย เมื่อมาถึงเมืองหลวงก็บอกข่าวการตายของเสิ่นทัวให้ญาติในเมืองหลวงรับรู้ แม่นางผู้นี้ยังพยายามมาหาเขา เพื่อสอบถามรายละเอียดการตายของเสิ่นทัว

เขาจำได้เลือนรางว่าแม่นางผู้นี้เสียใจยิ่ง ยังขอร้องให้เขาช่วยค้นหากระดูกของเสิ่นทัว

สามปีต่อมา ตระกูลเว่ยก็มีบุตรชายอนุเป็นทหาร ตอนนั้นเว่ยยิงอายุสิบเจ็ดปี นางอยู่ชายแดนห้าปี บัดนี้ยี่สิบสองปีแล้ว แต่ยังไม่แต่งงาน

อวิ๋นหลิงได้ยินก็ถึงกับใบ้กิน ยิ้มเชิงล้อเล้นไม่ได้อีก “ถ้าเป็นแบบนี้จริง แม่นางผู้นี้ก็เป็นคนที่หนักแน่นในความรักมาก”

นางยืนกรานจะไปเมืองสุย คงอยากไปค้นหากระดูกของเสิ่นทัวด้วยตัวเองกระมัง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ