เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1011

อวิ๋นหลิงหยุดการทุบตีลง เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”

เซียวปี้เฉิงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ถอนหายใจยาวๆและพูดว่า “ก็ใช่น่ะสิ เรื่องคาดคิดไม่ถึงเช่นนี้ จนตอนนี้สองตระกูลยังอธิบายได้ไม่ชัดเจน”

“สรุปแล้ว ตระกูลเฟิงคิดว่าปัญหาต้องเกิดจากนางจวงแน่ๆ สงสัยว่าแม้นางจะไม่ได้จงใจขโมยคนไป ก็ต้องถูกบีบบังคับให้สูญเสียความบริสุทธิ์ จากนั้นก็ปกปิดเรื่องนี้ต่อบ้านสามี จึงได้ให้กำเนิดเฟิงหยางอย่างไม่ตั้งใจ”

“แต่ตระกูลจวงกลับคิดว่า นางจวงเป็นถึงกุลสตรีจากตระกูลผู้ดี มีความประพฤติสูงส่งบริสุทธิ์ แต่ทั้งชีวิตของนางยังไม่เคยเห็นชาวทูเจวียตัวเป็นๆ จะไปเกี่ยวพันกับพวกป่าเถื่อนเหล่านั้นได้อย่างไร”

แต่ละประโยคของเซียวปี้เฉิงล้วนมีเหตุผล “ดังนั้นราชบัณฑิตใหญ่จวงจึงสงสัยว่า นี่เป็นแผนการร้ายภายในของครอบครัวตระกูลเฟิง หลานแท้ๆของเขาต้องถูกสลับตัวไปแน่ๆ ถ้าไม่เช่นนั้นก็เป็นเพราะผู้หญิงในเรือนด้านหลังที่แก่งแย่งชิงดีด้วยความหึงหวง อยากจะเข้าแทนที่ จึงได้แอบเปลี่ยนลูกและใส่ร้ายนางจวง หรือไม่ก็เป็นการต่อสู้ระหว่างครอบครัวพี่น้องภายในตระกูลเฟิง มีคนอยากจะโจมตีครอบครัวลูกชายคนโต จงใจสลับตัวกับลูกของชาวทูเจวียให้ครอบครัวลูกคนโตขายหน้า”

หางตาของอวิ๋นหลิงกระตุกเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าราชบัณฑิตใหญ่จวงจะมีจินตนาการสุดบรรเจิดเช่นนี้ ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ศึกษาเล่าเรียน

“แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ ทั้งสองตระกูลได้ทำการนับญาติด้วยการหลั่งเลือดอยู่หลายครั้ง เลือดของเฟิงหยางเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับเลือดของพ่อเขา”

“พวกเขาทำถึงกระทั่งขุดร่างของนางจวงที่ถูกฝังไปแล้วขึ้นมา ใช้การหยดเลือดลงบนกระดูกของนาง ก็ยืนยันได้ว่าเฟิงหยางเป็นลูกของนางจวงจริงๆ จนตอนนี้เรื่องราวยังคงจบอย่างค้างคา......แต่นางจวงนั้นได้ตายไปแล้วจริงๆ ทั้งสองตระกูลจากที่ดองญาติกันก็กลายเป็นสร้างปมแค้นขึ้นมา”

การหยดเลือดบนกระดูก ก็คือการใช้เลือดของคนเป็นหยดลงบนกระดูกของคนตาย สังเกตว่ามีการซึมเข้าไปในกระดูกหรือไม่

ถ้าหากสามารถซึมซาบเข้าไปได้ นั่นก็แสดงว่าทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกหรือเป็นพี่น้องกัน

ไม่ว่าจะเป็นการนับญาติด้วยการหลั่งเลือดหรือหยดเลือดบนกระดูก ล้วนยืนยันแล้วว่าเฟิงหยางเป็นลูกที่เกิดจากสองสามีภรรยาจริงๆ แม้จะไม่มีใครสามารถอธิบายสาเหตุได้ ทั้งสองฝ่ายก็ได้แต่ยอมรับ

อวิ๋นหลิงฟังอย่างตั้งใจ จู่ๆก็ถามเขาขึ้นมาว่า “บรรพบุรุษของตระกูลเฟิงหรือตระกูลจวง เคยมีสายเลือดทูเจวียหรือต่างเชื้อชาติหรือไม่”

เซียวปี้เฉิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ แต่ว่าชาวฮั่นกับชาวทูเจวียอยู่คู่กันมานับร้อยปี การแต่งงานระหว่างกันก็ใช่ว่าจะไม่มี แม้แต่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่นที่ผ่านมาก็ยังเคยรับองค์หญิงแห่งทูเจวียเป็นพระสนม”

เหมือนเขตชายแดน ในช่วงสงคราม ชาวทูเจวียก็มักจะลักพาตัวหญิงสาวชาวฮั่น ให้กำเนิดลูกที่มีเลือดผสมจำนวนมาก

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ เจ้ารู้แล้วหรือว่าปัญหาชาติกำเนิดของเฟิงหยางคืออะไร”

อวิ๋นหลิงครุ่นคิด ก่อนจะค่อยๆเอ่ยเสียงขรึมว่า “เรื่องนับญาติด้วยการหลั่งเลือดที่พวกท่านพูดถึงนั้นไม่มีหลักฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด จึงไม่สามารถตัดสินได้อย่างแม่นยำว่าทั้งสองฝ่ายเป็นพ่อแม่ลูกกันจริงหรือไม่”

“เมื่อพูดในมุมทางการแพทย์ เลือดที่มีหมู่โลหิตต่างกันเนื่องจากภายนอกของเม็ดเลือดแดงมีแอนติเจนไม่เหมือนกัน ในระหว่างการผสมรวมกันอาจเกิดการตกตะกอน นี่จึงกลายเป็นที่มาของคำพูดที่ว่าไม่ใช่ญาติกันเลือดย่อมไม่สามารถรวมกันได้ตามความเข้าใจพื้นบ้าน แต่แท้ที่จริงแล้วขอเพียงหมู่โลหิตของทั้งสองคนเหมือนกัน เลือดระหว่างทั้งสองคนก็สามารถรวมกันได้ เฟิงหยางกับพ่อของเขา แค่บังเอิญมีหมู่โลหิตเหมือนกันเท่านั้นเอง”

“ส่วนวิธีการหยดเลือดบนกระดูก......ที่จริงแล้วไม่ว่าจะมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดหรือไม่ เลือดที่หยดลงบนกระดูกล้วนสามารถซึมเข้าไปได้อยู่แล้ว”

เซียวปี้เฉิงเบิกตากว้างเล็กน้อย เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “เช่นนั้นตามความหมายที่เจ้าพูดมา เฟิงหยางใช่ลูกชายแท้ๆของพวกเขาสองสามีภรรยาหรือไม่”

“หลังจากนั้นตอนที่เขาไปขโมยโลงศพ ทั้งๆที่เสนาบดีซ้ายเฟิงรู้ว่าลูกชายกำลังทำอะไร กลับทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ราชบัณฑิตใหญ่จวงจึงได้เกลียดเขาหนักหนา”

ตอนที่เซียวปี้เฉิงพูดประโยคนี้ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงยากจะสะกดกลั้นความรู้สึกโกรธเอาไว้ได้ เห็นได้ชัดว่าการกระทำของตระกูลเฟิงน่าเกลียดแค่ไหน

ถ้าเป็นอย่างที่อวิ๋นหลิงพูดจริงๆ ตระกูลเฟิงก็เป็นเหยื่อที่ถูกใส่ร้าย แต่การแอบขุดโลงศพของผู้วายชนม์ก็เป็นเรื่องที่เลวทรามมาก

นั่นเป็นภรรยาหลวงของเขา เพิ่งจะฝังศพไปได้ไม่กี่วัน ขุดร่างขึ้นมาไม่ว่า ยังจงใจนำศพไปถึงศาลต้าหลี่เพื่อหยดเลือดบนกระดูกต่อหน้าธารกำนัล เปิดเผยใบหน้าหลังการตายของนางให้ชาวบ้านที่มุงดูได้พบเห็น เพียงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง

ตระกูลเฟิงก็ถือว่าเป็นตระกูลที่มีปณิธานยิ่งใหญ่ ท่านพ่อเฟิงในตอนนั้นก็เป็นคุณชายที่มีชื่อเสียง ใครก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องที่เลวทรามเช่นนี้ได้

ชวนให้นึกถึงเขากับนางจวงในอดีตที่ต่างก็รักกันมาก เพื่อขอนางแต่งงานได้แต่งบทกลอนหวานซึ้งตั้งมากมาย หลังจากให้กำเนิดเฟิงหยางกลับไม่มีความเชื่อใจในภรรยาหลวงของตนเองเลยสักนิด บีบให้นางต้องสิ้นหวังจนตาย

อุบาสิกาหลูซีก็รู้สึกตกใจในการกระทำของพี่เขย จึงสูญเสียความมั่นใจต่อการแต่งงาน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมแต่งงานออกเรือน

อวิ๋นหลิงฟังเรื่องในอดีตที่ถูกลืมไปนานแล้ว ก็ขมวดคิ้วแน่น “ถึงว่าทุกครั้งที่ราชบัณฑิตใหญ่จวงประชดประชันเสนาบดีซ้ายเฟิง เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ ที่แท้ก็รู้ว่าตัวเองเถียงไม่ได้”

ตอนนี้นางเพิ่งจะรับรู้ว่าราชบัณฑิตใหญ่จวงมีความรู้ความสามารถและสุภาพมากแค่ไหน แค่เขียนบทความประชดประชันเท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่น อย่าว่าแต่ด่าทอเลย ตบตีสั่งสอนเดี๋ยวนั้นเลยยังถือว่าน้อยไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ