เสวียนจีตกอยู่ในความเพ้อฝันที่สวยงาม ก็ไม่ลืม”เพื่อนสนิท”ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา
นางตบไหล่ของเฟิ่งเหมียน เอ่ยอย่างมีคุณธรรมว่า “นกโง่ ท่านดูตัวเองสิ หลังจากทีถูกจักรพรรดิฉู่ไล่ออกจากงาน จนตอนนี้ก็ยังเป็นคนจรจัดคนหนึ่ง เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้”
ที่จริงสถานที่ปฏิบัติธรรมของตระกูลเฟิ่งเหมียนเป็นที่นิยมมาก พ่อแม่ของเขาเป็นคนที่เหล่าพ่อค้าผู้ร่ำรวยและขุนนางต่างก็อยากประจบสอพลอ ตระกูลเฟิ่งได้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทองกับชาวบ้านผู้ยากไร้ตลอดทั้งปี
แต่เฟิ่งเหมียนปกติแล้วกลับเป็นคนมือสะอาด ไม่ได้มีความรู้สึกไวต่อเงินทอง ราวกับไม่มีแนวคิดอะไรในเรื่องนี้
แค่อาศัยการดูดวงให้ผู้อื่น ก็ร่ำรวยตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขามีนิสัยแปลกประหลาด คนอื่นถือทองคำมาขอร้องไม่แน่ว่าจะได้รับการทำนายดวง ถ้าหากทำนายทายทักแล้ว ก็ไม่ยอมรับเงิน
“ท่านยังต้องการจะหาคู่แต่งงานไม่ใช่หรือ ไม่มีเงินไม่มีรถไม่ได้ อาศัยแค่รูปลักษณ์ภายนอกละก็ คงได้แค่คอยขัดเท้าให้กับเศรษฐินี รอให้อายุมากแล้วเอวก็เสื่อมลง ก็จะต้องอยู่ในสภาพที่ถูกเศรษฐินีทอดทิ้ง”
“เพราะฉะนั้น......ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ก็ต้องมีกิจการเป็นของตัวเองจึงจะดี”
เสวียนจีพูดอย่างฉะฉานมีเหตุผล พลางทำท่าเชื้อเชิญไปยังเฟิ่งเหมียน “ตอนนี้มีโอกาสยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ท่านร่ำรวยมารออยู่ตรงหน้าแล้ว ต้องจับไว้ให้มั่นล่ะ”
เฟิ่งเหมียนรู้สึกว่าตัวเองน่าจะถูกกระตุ้นจนเกินไป ถึงกลับสามารถปรึกษาหารือกับนางด้วยจิตใจที่สงบเยือกเย็นมาก “เจ้าอยากจะให้ข้าเปิดร้านกับเจ้า ไปขายของพวกนั้น......ที่เรียกว่าของเล่นน่ะหรือ”
“ไม่ๆๆ รายละเอียดไว้พวกเราค่อยคุยกัน ระหว่างทางกลับบ้านเถอะ”
เสวียนจีก็ยังคงรู้กาลเทศะอยู่บ้าง ไม่ลืมว่าตัวเองอยู่บนถนนใหญ่ ปรึกษาหารือเรื่องนี้หน้าบ้านคนอื่นคงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
นางขึ้นไปนั่งบนรถไม้ ส่งสัญญาณให้เฟิ่งเหมียนรีบตามขึ้นมา
เฟิ่งเหมียนไม่อยากคุยเรื่องเช่นนี้ในสถานที่แบบนี้เลยสักนิด รีบโอบเอวของนางเอาไหว้ ทั้งสองเดินทางไปยังวังหลวงใต้แสงจันทร์อย่างไม่เร่งรีบหรือช้าเกินไป
เสวียนจีเริ่มพูดร่ายยาวขึ้นมา
“เปิดร้านหาเงิน การขายและการผลิตอะไรก็ตามล้วนพูดง่าย การเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสินค้า มีเพียงสิ่งที่ขายคุณภาพดีพอ เป็นที่ยอมรับของทุกคน จึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง”
“โดยเฉพาะของเล่นที่พวกเราเตรียมจะขาย เช่นนั้นประสบการณ์ของผู้ซื้อจึงสำคัญที่สุด ดังนั้นข้าตัดสินใจว่าจะเชิญท่ามาเป็นผู้ทดสอบของเล่นของข้า”
เฟิ่งเหมียนอดไม่ได้ที่จะทวนอีกครั้งว่า “ผู้ทดสอบของเล่น”
เป็นอย่างที่เขาจินตนาการใช่หรือไม่
หวนนึกถึง”ถุงยางอนามัย”บางๆที่อยู่ในกล่องไม้ เขาก็มีสีหน้าเขียวสลับแดงขึ้นมา
“ใช่แล้ว ลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของเข้าล้วนเป็นผู้ที่มีสมรรถนะทางกายภาพสมบูรณ์ ในนี้ย่อมต้องแบ่งออกเป็นสามีภรรยาที่แต่งงานกันแล้ว รวมไปถึงผู้ชายที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์”
เสวียนจีน้ำเสียงจริงจัง เอ่ยอย่างมีเหตุผลว่า “ของเล่นเหล่านี้ วันหลังข้าสามารถนำไปให้พวกพี่สาวพี่เขยเขาช่วยทดลองใช้ ก็จะได้รับผลตอบรับหลังจากใช้ที่ไม่เหมือนกัน ช่วยให้ข้าวางแผนปรับปรุงได้สะดวกขึ้น”
“ส่วนผู้ชายที่เป็นโสดไม่มีประสบการณ์ ประสบการณ์ใช้ของผู้ซื้อเหล่านี้ก็ต้องให้ความสำคัญ คิดไปคิดมาข้างกายข้าก็มีแต่ท่านที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ดังนั้นข้าหวังว่าท่านจะสามารถร่วมมือกับข้า ให้การช่วยเหลือข้า”
“ถ้าหากท่านยินดีจะช่วยข้าที่เป็นนักออกแบบอัจฉริยะละก็ เชื่อว่าพวกเราต้องมีชื่อเสียงขจรไปไกล ร่ำรวยอย่างมหาศาลแน่”
สายลมนำเสียงลิงโลดของเสวียนจีเข้ามาในหูของเฟิ่งเหมียน เสี้ยววินาทีนั้นในสมองของเขามีอารมณ์ที่ซับซ้อนนับไม่ถ้วนวาบผ่านไป
หากเป็นเวลาปกติ เขาต้องปฏิเสธนางอย่างไม่ลังเลแน่นอน แต่เนื่องจากเข้าใจนิสัยของเสวียนจี เขาไม่ได้ทำเช่นนั้นทันที
“ร้านนี้เจ้าต้องเปิดให้ได้ใช่หรือไม่”
“แน่นอน ทองที่พวกเราได้มาจากตระกูลยินครั้งที่แล้วจะเป็นทุนเริ่มต้นของพวกเรา”
แต่เฟิ่งเหมียนไม่ทำเช่นนั้น ที่เขาเป็นกังวลมากกว่าคือกิจการเช่นนี้จะกระทบชื่อเสียงของนาง แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ดูถูกและตำหนิ ได้แต่ออกความเห็นเพื่อเกลี้ยกล่อมนางเท่านั้น
เสวียนจีรู้สึกว่า ถ้าหากเฟิ่งเหมียนยอมตอบตกลง กิจการนี้มีแนวโน้มทำได้อย่างแน่นอน
ภายใต้ลมเย็นยามค่ำคืน เฟิ่งเหมียนนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
เขาเริ่มสงสัยในชีวิต ชาติที่แล้วตนเองไปก่อกรรมอะไรไว้ ทำไมจึงต้องมาเจอคนอย่างเสวียนจี
ถ้าหากตกลงช่วย เขาคงอดไม่ได้ที่จะต้องกล้ำกลืนไฟโทสะเอาไว้ในใจ แต่ถ้าหากไม่ช่วยละก็ เขาก็วางใจนางหนูที่หาเรื่องไปทั่วคนนี้ไม่ลง
เฟิ่งเหมียนคิดภาพหลังจากที่เสวียนจีเปิดร้าน ถูกคนชี้หน้าด่า กระทั่งภาพที่ถูกคนมายืนขวางนห้าร้านเพื่อโยนไข่และเศษผักใส่นาง รู้สึกว่ารับไม่ได้
ปกติเขาสั่งสอนนางหนูคนนี้ก็แล้วไปเถอะ ไม่มีเหตุผลให้คนอื่นมาเหยียดหยามตามอำเภอใจ
หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก เขาเอ่ยเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้ข้ารับปากเจ้า แต่มีขอเรียกร้องสองข้อ”
เสวียนจีดวงตาเป็นประกาย ดีในจนแทบจะกระโดดโลดเต้นขึ้นมา “ท่านว่ามา”
“ข้อแรก เจ้าเปิดร้านก็ได้ อยากจะทำให้มีชื่อเสียงก็ไม่มีปัญหา แต่ไม่สามารถเปิดเผยสถานะของเจ้าที่ใช้อยู่ในตอนนี้ได้ นอกจากออกแบบของเล่นเหล่านั้นแล้ว เรื่องใดก็ตามที่ต้องติดต่อกับบุคคลที่สาม ล้วนต้องให้ข้าออกหน้า”
“ในนามแล้ว ข้าเป็นเจ้าของกิจการร้านแห่งนี้ ส่วนเจ้า......ถ้าหากจำเป็นต้องออกหน้า สามารถใช้ได้แค่สถานะใหม่ที่ต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเท่านั้น”
ดวงตากลมโตของเสวียนจีมีประกายวาบผ่าน รู้ว่านี่เป็นการกระทำเพื่อปกป้องชื่อเสียงของนาง จึงรับปากอย่างเต็มใจว่า “ไม่มีปัญหา”
สีหน้าของเฟิ่งเหมียนอ่อนลงมาบ้าง จากนั้นก็เอยว่า “ข้อสอง นอกจากข้าแล้ว เจ้าไม่สามารถหาผู้ทดลองของเล่นคืนอื่นๆได้อีก”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...