เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1028

“ก็ไม่มีปัญหา” เสวียนจียิ้มจนดวงตาเปล่งประกายวาววับ “นกโง่ ท่านช่างเป็นคนดีที่หนึ่งในใต้หล้าเลย”

เฟิ่งเหมียนไม่พูดจา แต่ความรู้สึกโมโหในใจค่อยๆสลายไปมากแล้ว แต่หลังจากที่คิดว่าต้องเป็นผู้ทดลองของเล่น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหูก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา

“เจ้า......เจ้าคงไม่ทำเกินไปกระมัง ของเล่นพวกนั้น......”

จู่ๆเขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาในภายหลัง เมื่อครู่เป็นเพราะร้อนใจและจนใจ จึงได้ตอบตกลงคำร้องขอของนางหนูอย่างง่ายดายเช่นนี้

คิดย้อนกลับไปในตอนนี้ ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลที่พูดไม่ออกจริงๆ

เสวียนจีรีบพูดขึ้นมาว่า “เป็นของใช้ปกติทั่วไป ไม่มีทางเป็นอันตรายต่อร่างกาย และไม่กระทบต่อการแต่งภรรยาในภายหน้าของท่านอย่างแน่นอน วางใจได้”

“ตอนนี้สิ่งที่อยากจะให้ท่านทดลองและให้ข้อเสนอแนะก็ไม่มีอะไร เพราะท่านยังไม่ได้แต่งงาน รอให้ท่านมีภรรยาแล้ว พวกท่านสองสามีภรรยาจะเป็นผู้ทดลองของข้า หากมีของดีจะส่งให้พวกท่านทันที ให้ใช้โดยไม่คิดเงินตลอดชีวิต”

“ถุงยางอนามัย”รุ่นใหม่ล่าสุดนี้เฟิ่งเหมียนยังไม่จำเป็นต้องใช้ เมื่อทดลองแล้วก็คงให้ความรู้สึกธรรมดาเท่านั้น ต้องรีบประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆเพื่อเป็นสินค้าเปิดร้านให้ดังไปเลย

เฟิ่งเหมียนจ้องมองดวงจันทร์ที่ปลายฟ้า แต่กลับรู้สึกทอดถอนใจอยู่ลึกๆ

โดยที่ไม่รู้ตัว คิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่แคว้นต้าโจวเกือบสี่เดือนแล้ว

ขอเพียงนางหนูเสวียนจีอยู่ตรงหน้า เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องวุ่นวายและกังวลเรื่องต่างๆของนาง จนแทบจะลืมไปแล้วว่าเป้าหมายที่มาที่นี่คืออะไร

โดยที่ไม่รู้ตัว เขาได้มุ่งความสนใจไปที่อีกฝ่ายจนหมดแล้ว กระทั่งเมื่อเอ่ยถึงการแต่งงานเพื่อฝึกฝนประสบการณ์ทางโลก ความมุ่งมั่นในตอนแรกล้วนจืดจางลงไปมากแล้ว

ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องยึดมั่นในการอาศัยการแต่งงานเพื่อฝึกฝนประสบการณ์ทางโลก ส่วนเคราะห์รักอันเลือนรางยากจะเข้าใจนั้น......คิดแล้วก็ปวดหัว ปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรมเถอะ

ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมอง เฟิ่งเหมียนนิ่งอึ้งไป ในใจมีเสียงหัวเราะเยาะตัวเองดังขึ้น

ความเหนื่อยล้าเกียจคร้านเช่นนี้ ก็นับว่าจิตแห่งธรรมไม่มั่นคงแล้วกระมัง

ช่างเถอะช่างเถอะ ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น มีแต่จะเพิ่มความกังวลให้มากขึ้นก็เท่านั้น

……

ดึกดื่นค่อนคืน ทั่วทั้งเมืองหลวงตกอยู่ในความเงียบสงัด

แต่ในจวนเสนาบดีเฟิงกลับจุดไฟสว่างไสว ที่นี่เป็นจวนขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยจวนขนาดกลางสามหลังเชื่อมต่อกัน ดูจากภายนอกแล้วไม่ได้หรูหราอะไร แต่มีความหนาแน่นเรียบง่ายมาก

จวนที่อยู่ในตำแหน่งตรงกลาง เป็นที่อยู่ของครอบครัวรองเสนาบดีเฟิงซึ่งเป็นลูกชายคนโตของภรรยาเอกเสนาบดีซ้ายเฟิง

ในเรือนหลังอื่นๆ สายเลือดที่เกิดจากภรรยาเอกล้วนอาศัยอยู่ทางด้านซ้ายของจวน ส่วนทางด้านขวาของจวนเป็นที่อยู่อาศัยของสายเลือดที่เกิดจากอนุภรรยา

หลังสิ้นสุดงานเลี้ยง เหล่าบ่าวรับใช้ต่างก็ยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดทำความสะอาดอาหารและเหล้าที่กินเหลือในแต่ละเรือน

ลานด้านหลังของจวนหลักยังมีไฟสว่างอยู่ ปู่และลูกชายหลานชายของตระกูลเฟิงทั้งสามยังไม่พักผ่อน

เสนาบดีซ้ายเฟิงคุยกับเฟิงอย่างอึดอัดใจด้วยบทสนทนาที่ไม่เชื่อมโยงกัน รองเสนาบดีเฟิงนั่งอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไร ยังคงมีท่าทีเศร้าหมอง

นางเสี่ยวหยางคอยรินน้ำชาอยู่ข้างๆอย่างอ่อนโยนเชื่อฟัง แม้ว่านางจะอายุน้อยและมีจิตใจแข็งแกร่งกว่าวัย เมื่อเข้าใกล้รองเสนาบดีเฟิงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตระหนกในใจ

สามีอายุสี่สิบกว่าปีของนางคนนี้ จะว่าไปแล้วก็เคยเป็นคุณชายที่โดดเด่นมีชื่อเสียงในเมืองหลวง เมื่อพิจารณาองคาพยพทั้งห้าบนใบหน้า ไม่มีจุดไหนที่ไม่ประณีตหล่อเหลา

สีหน้าของรองเสนาบดีเฟิงเปลี่ยนไปทันที “เจ้า......”

เห็นสถานการณ์ไม่ดี เสนาบดีซ้ายเฟิงรีบพูดแทรกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ เขาเอ่ยเสียงสูงว่า “หยางเอ๋อร์เอ๋ย คำพูดนี้รุนแรงเกินไป หลายปีที่เจ้าไม่อยู่ในเมืองหลวง เมื่อถึงเทศกาลต่างๆคนในจวนไม่เคยลืมแม่เจ้าเลย ปู่รับรองได้เลยว่าป้ายหลุมศพและแท่นตะเกียงมีคนคอยดูแลทำความสะอาดอย่างดีทุกวัน เจ้าวางใจได้เลย”

เขาไม่อยากให้พ่อลูกทะเลาะกัน จึงตอบตกลงในสิ่งที่เฟิงหยางขอร้อง

“แต่ว่า ปู่ก็รู้ว่าเจ้ากตัญญู ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่เจ้าที่เขาหานซาน เช่นนั้นก็รีบไปพักผ่อนเถอะ ดูซิเมื่อวานเจ้าเพิ่งจะกลับเมืองหลวง วิ่งวุ่นไปมาทั้งในวังและจวน ยังไม่ได้พักผ่อนดีๆสักคืนเลย”

เสนาบดีซ้ายเฟิงบ่นด้วยรอยยิ้มอย่างใจดี พลางส่งสายตาให้กับนางเสี่ยวหยาง

“อ๋อใช่แล้ว เรือนของเจ้าไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้ว เมื่อวานบ่าวบอกว่าขาดข้าวของเครื่องใช้จำเป็นอยู่บ้างมิใช่หรือ รีบให้ท่านพ่อท่านแม่เจ้าไปดูเถอะว่าจัดการเรียบร้อยหรือยัง”

นางเสี่ยวยางคำนับอย่างรู้สถานการณ์ “เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”

ว่าแล้ว นางก็ประคองรองเสนาบดีเฟิงจากไป

รอให้เงาร่างของทั้งสองคนหายลับไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเสนาบดีซ้ายเฟิงก็ค่อยๆจางลง เปลี่ยนเป็นความเหนื่อยล้าและคลุมเครืออยู่หลายส่วน

เขามองไปทางเฟิงหยางด้วยความสับสน เอ่ยปากพูดขึ้นว่า

“หยางเอ๋อร์ ปู่รู้ว่าเจ้ายังคงค้างคาใจ แต่เรื่องราวในอดีต อย่าได้โทษพ่อเจ้านักเลย เขาก็ถูกบีบให้ทำเช่นนั้น......ตอนนั้นอนาคตของทั้งตระกูลเฟิงล้วนถูกเรื่องนี้กดดัน กระทั่งตำแหน่งฮองเฮาของอาเล็กของเจ้ายังเสี่ยงอันตรายมาก ในตระกูลมีคนตั้งมากมายจับตาดูเขาอยู่ แรงกดดันที่เขาต้องแบกรับไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะจินตนาการได้เลย”

“ท่านพ่อเจ้ารักแม่เจ้าจากใจจริง ถูกบีบให้ขุดศพของนางขึ้นมา ความเจ็บปวดในใจของเขาไม่น้อยกว่าใครเลย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ