เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1054

หัวหน้าศาลต้าหลี่ส่งเสียงฮึดฮัด “นางหยาง เจ้าเจตนาทำลายชื่อเสียงพระชายา ยังคิดจะฆ่ามือสังหารทำลายหลักฐานอีก ต่อให้ใต้เท้าเสนาบดีซ้ายให้โอกาสเจ้าแก้ไข แต่กฎหมายของแคว้นต้าโจวไม่อนุญาต”

“กฎหมายแคว้นข้าระบุว่าผู้ที่วางแผนสังหารผู้อื่นต้องโทษสามปี หากบาดเจ็บ จะถูกแขวนคอ หากเสียชีวิตก็จะประหาร เจ้าหนีภัยในคุกสามปีไม่พ้นหรอก”

ความหมายของกฎหมายข้อนี้คือ ถ้าสายลับบาดเจ็บ นางก็จะถูกแขวนคอ ถ้าสายลับตาย นางก็จะถูกประหารชีวิต ร่างกายไม่ครบสามสิบประการ

นอกจากนั้นหากบ่าวไพร่วางแผนฆ่าเจ้านาย หรือประชาชนวางแผนฆ่าผู้สูงศักดิ์ แม้จะไม่บรรลุเป้าหมาย แต่ก็ถือว่าลบหลู่เบื้องบน ต้องถูกตัดสินเป็นโทษตาย

อันนี้ถือว่าเป็นกฏพิเศษให้กับผู้ดำรงตำแหน่งยศสูงในสังคมศักดินา

นางเสี่ยวหยางถือว่าโชคดี แม้นางจะมีชาติกำเนิดไม่สูงมากนัก แต่ก็เหนือกว่าสายลับผู้นั้น อีกอย่างอีกฝ่ายไม่ได้บาดเจ็บและไม่ตาย นางจึงแค่ไปนั่งในคุกสามปีก็พอ

แต่เวลาเดียวกันก็ถือว่านางซวยยิ่ง

หัวหน้าศาลต้าหลี่ประกาศอย่างไร้ความปรานีต่อว่า “อีกอย่างโทษที่เจ้าสร้างข่าวลือเท็จปรักปรำผู้อื่นก็มีโทษสามปีเช่นกัน แต่เจ้าทำผิดต่อคนในราชวงศ์ ต้องเพิ่มโทษหนึ่งกระทง ยังไม่รีบตามข้าไปรับโทษที่ศาลต้าหลี่อีก”

นางเสี่ยวหยางเห็นภาพตรงหน้ามืดมน แทบจะทรุดตัวไปกองกับพื้น

ใส่ร้ายป้ายสีคนในราชวงศ์ คำที่ว่าเพิ่งโทษหนึ่งกระทง หากใช้ต้องจำคุกเพิ่มหนึ่งเท่าไม่ แต่เป็นการถูกตัดลิ้นทิ้ง

นางเพิ่งอายุยี่สิบปี กำลังสาวกำลังสวย จะเป็นใบ้อยู่ในคุกนานหกปีได้อย่างไร?

นางเสี่ยวหยางรู้สึกกลัวและเสียใจกับการกระทำแล้ว นางร้องไห้จนหายใจติดขัด คุกเข่าจับเสื้อของเสนาบดีซ้ายเฟิง

“ท่านพ่อ...ท่านพ่อ ข้าสำนึกผิดแล้วจริง โปรดเห็นแก่หน้าฉีเอ๋อร์ ไปขอความเมตตากับพระชายารัชทายาทให้ข้าด้วยเถิด ฮือๆๆ...ฉีเอ๋อร์ยังเด็ก เขาเพิ่งจะหนึ่งขวบ จะขาดมารดาได้อย่างไร”

ฉีเอ๋อร์คือลูกชายที่นางเสี่ยวหยางมีกับรองเสนาบดีเฟิง อายุเพิ่งครบหนึ่งขวบ

หัวหน้าศาลต้าหลี่ไม่อยากเห็นใบหน้าเช่นนี้ของนาง ทุกครั้งที่ผู้ร้ายโดนจับก็มักจะทำหน้าเสียใจกับสิ่งที่ทำ

ตอนทำความผิด ไยไม่คิดถึงผลลัพธ์หลังโดนจับกุมบ้าง ไยไม่คิดถึงลูกบ้าง?

มาพูดตอนนี้ก็สายเกินแก้แล้ว

หัวหน้าศาลต้าหลี่มองเสนาบดีซ้ายเฟิงด้วยสีหน้าเข้มขรึม “ใต้เท้าเสนาบดีซ้าย นางทำชั่วมหันต์เพียงนี้ ลูกชายท่านควรรีบเขียนหนังสือหย่าโดยเร็ว จะได้ไม่ทำลายชื่อเสียงของจวนเสนาบดี”

เสนาบดีซ้ายเฟิงกลับมองนางเสี่ยวหยางด้วยใบหน้าถมึงทึง พูดเสียงเย็นยะเยือก “ไม่ ในเมื่อแต่งเข้าประตูใหญ๋จวนเฟิงแล้ว นางก็คือคนของตระกูลเฟิงตลอดชีวิต”

นางเสี่ยวหยางได้ยินคิดว่าอีกฝ่ายยินดีช่วยเหลือนาง ใบหน้าเผยความดีใจ

แต่วินาทีต่อมาเสนาบดีซ้ายเฟิงกลับพูดว่า “คิก ถ้ารับโทษครบหกปี เจ้าก็ต้องมาเป็นบ่าวปากใบ้ในจวนต่อ ดูแลอวี้เอ๋อร์ไปตลอดชีวิต”

หากปลดนางเสี่ยวหยางออกจากการเป็นภรรยาลูกชาย หกปีหลังนางก็จะได้อิสระ เช่นนั้นก็จะดีต่อนางเกินไป แล้วเขาจะแก้เผ็ดสตรีชั่วผู้นี้ได้อย่างไร?

รอยยิ้มนางเสี่ยวหยางแข็งค้าง แทนทีด้วยความหวาดกลัว

บ่าวใบ้...ยังคงได้ปรนนิบัติดูแลรองเสนาบดีเฟิง แต่สถานะบ่าวอันต่ำต้อยจะเทียบกับฮูหยินใหญ่ผู้สูงศักดิ์ได้หรือ?

เขาจะขังนางในจวนเฟิง ทรมานนางทั้งชีวิต

ชีวิตมืดมนไร้แสงเช่นนี้ นางยินดีโดนหย่าแล้วเป็นแม่หม้ายจะดีกว่า

“ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ ข้าเป็นแม่แท้ๆของฉีเอ๋อร์ ถ้าเขามีแม่เป็นบ่าว จะทำให้เขาอับอายขายหน้าได้ ต่อให้ท่านโกรธเกลียดข้าเพียงใด ก็ควรคำนึงถึงฉีเอ๋อร์บ้าง?”

เช่นนี้ลูกหลานของบุตรชายคนโตก็จะไม่ตกอับ และยังรักษาเกียรติยศด้านชาติกำเนิดได้อีกด้วย

เขาในฐานะบิดาในสังคมศักดินา เสนาบดีซ้ายเฟิงย่อมเข้าข้างและรักลูกชายคนโตมากกว่า

ตอนนั้นหากไม่จนปัญญา เขาก็จะไม่สนับสนุนพ่อลูกเฟิงอู๋จี

อวิ๋นหลิงหาได้รู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่คู่ควรแบ่งอำนาจหรือแบ่งผลประโยชน์กับเฟิงอู๋จีไม่

เพราะเรื่องพวกนี้วัดกันที่ความสามารถล้วน ๆ ถ้าอีกฝ่ายโตมาแล้วมีความสามารถแย่งชิง ก็สมควรแบ่งให้เขา

สิ่งที่นางเอือมระอาคือความคิดเจ้าเล่ห์ของเสนาบดีซ้ายเฟิง ทั้ง ๆ ที่อยากให้ท่านพ่อเฟิงออกเงินเลี้ยงดูเด็กคนนี้ แต่กลับอ้างว่าหวังดีต่อพวกเขา

เซียวปี้เฉิงหัวเราะพร้อมกับถอนหายใจ “อยู่ดีๆญาติพี่น้องก็กลายเป็นน้องชายแท้ ๆ เดิมทีควรเด็กควรเรียกว่าท่านพี่เฟิงหยาง แต่ตอนนี้ต้องกลายเป็นญาติพี่น้องซะแล้ว...แต่ข้ารู้สึกเป็นห่วงรองขุนนางเฟิง เขาเลี้ยงเด็กคนนี้ได้จริงรึ?”

ท่านพ่อเฟิงเป็นคนซื่อตรงจริง แต่เรื่องดูแลเด็กนั้นยากจะเชื่อถือได้

เพราะขนาดลูกชายแท้ ๆ ที่เขารักนักรักหนาโดนรังแกหลายปี เขายังไม่รู้เลย

บัดนี้เรือนหลังก็ไม่มีสตรี แล้วจะเลี้ยงเด็กได้อย่างไร

อวิ๋นหลิงพูดเนิบ ๆ “ถ้าเทียบกับรองขุนนางเฟิงแล้ว ข้าสงสารเมิ่งชูมากกว่า เพิ่งแต่งเข้าไปไม่กี่วันก็ต้องเลี้ยงลูกอายุหนึ่งขวบแล้ว...”

นับแต่ครั้นโบราณกาล พี่ชายดุจบิดา พี่สะใภ้ใหญ่ดุจมารดา ยุคนี้เห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่สะใภ้ใหญ่มีหน้าที่เลี้ยงดูเด็กเล็ก เห็นได้ว่าอนาคตหลี่เมิ่งชูต้องมีเรื่องปวดหัวไม่น้อย

เสนาบดีซ้ายเฟิงตาเฒ่าผู้นี้ช่างรู้จักทรมานคนยิ่งนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ