พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 108

หรงฉานดีใจจนโดดขึ้นจากเก้าอี้ “พี่อวิ๋นหลิง ที่พูดนั้นจริงหรือเปล่า?”

อู่อันกงก็มองนางอย่างเคลือบแคลงเช่นกัน “นังหนูหลิง เจ้าอย่าคุยโม้ส่งเดชเชียวนะ!”

อวิ๋นหลิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงตอบอย่างยิ้ม ๆ ว่า “ขอเรียนตามตรง ครั้งหนึ่งข้าเคยชอบการปลูกต้นไม้ เพื่อรักษาบางต้นที่ใกล้ตาย จึงได้คิดสูตรที่เป็นสารอาหารของพืช....เป็นยาที่เห็นผลดีมาก”

คำว่ายานั้น แท้จริงก็คือสารละลายธาตุอาหารนั่นเอง เมื่อชาติก่อนอวิ๋นหลิงทำงานวิจัยอยู่ในองค์กรมักจะใช้บ่อย ๆ

แม้ยุคนี้จะไม่มีปุ๋ยเอ็นพีเค แต่จะผลิตธาตุอาหารบางชนิดให้พืชคงจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก

“แม้จะไม่รับรองผลเต็มร้อย แต่ข้าเคยใช้แล้วเห็นผลไม่เลว น่าจะลองดูได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านอู่อันกงจะยอมตัดใจมอบเมล็ดพันธุ์หายากให้แก่ข้าหรือไม่”

อวิ๋นหลิงมีพลังจิตในตัว จะทำให้เมล็ดพันธุ์ที่ตายแล้วงอกรากใหม่ แม้ว่าจะยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

พลังจิตก็คือสิ่งที่น่าอัศจรรย์และทรงพลังอย่างยิ่ง เคยมีเอกสารทางวิชาการบ่งชี้ พลังจิตของมนุษย์หากพัฒนาถึงขั้นสูงสุด จะสามารถทำได้หลายสิ่งหลายอย่างที่เหนือความคาดหมาย

คำว่าสารละลายธาตุอาหารนั้น ก็เป็นเพียงลูกเล่นชนิดหนึ่งที่นางใช้พลังจิตบันดาลให้เกิดขึ้นเท่านั้น

“ข้ายินดีมอบให้เจ้า!”

ไม่รอให้หรงฉานร้องขอ อู่อันกงก็ตบเข่าเสียงดัง นัยน์ตาจ้องเขม็งไปที่อวิ๋นหลิง

“นังหนูหลิง ถ้าเจ้าสามารถทำให้ยาหายากอย่างบัวเจ็ดทวารกำเนิดขึ้นใหม่ได้ เท่ากับสร้างกุศลอย่างมหาศาลนัก”

อวิ๋นหลิงมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะทำได้ แต่ตอนนี้เพียงยิ้มเล็กน้อยให้อู่อันกงเท่านั้น “แต่หากทำไม่สำเร็จ เมล็ดพันธุ์หนึ่งเดียวของท่านก็จะพลอยหมดสิ้นไปด้วย”

อู่อันกงโบกมือ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าจะขอเดิมพันซักครั้ง เมล็ดพันธุ์อยู่กับข้า เดิมทีก็แค่เก็บไว้ชื่นชมเฉย ๆ ไม่มีประโยชน์อื่น แต่ถ้าทำสำเร็จ จะกลายเป็นยาวิเศษสำหรับหมอทุกคนและผู้ป่วยด้วย”

อวิ๋นหลิงมองหน้าอู่อันกงแน่นิ่ง สายตาเปล่งประกาย “ก็ได้ เห็นแก่คำพูดนี้ของท่าน ข้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”

ชาติที่แล้วนางไม่ค่อยได้ช่วยใคร แต่กลับคิดค้นยาพิษออกมา ไม่รู้ว่าถูกองค์กรนำไปทำร้ายผู้คนตั้งเท่าไหร่

ชาตินี้ นางจึงอยากเป็นหมอมากกว่า

หรงจั้นรู้สึกเหมือนสั่นสะท้าน เห็นชัดว่าพลอยตื้นตันไปกับความเมตตาที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ของอู่อันกง เขามองหน้าอู่อันกงและอวิ๋นหลิงอย่างซาบซึ้ง หุบพัดแล้วโน้มตัว คารวะอย่างเป็นทางการ

แม้จะไม่พูดอะไร แต่การแสดงออกก็แจ่มชัด

หลังจากตกลงกับอวิ๋นหลิงแล้ว อู่อันกงก็รีบเร่งกลับไปยังจวนของตนเอง เพื่อจะค้นหาเมล็ดพันธุ์บัวเจ็ดทวารที่อยู่ก้นหีบออกมาให้ได้

ถ้าวิธีการผลิตยาของอวิ๋นหลิงได้ผลจริง งั้นเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ที่เขาสะสมมาหลายปีก็มีหวังเช่นเดียวกัน

เขาวิ่งอย่างเร็ว จนระหว่างทางรองเท้าหลุดไปข้างหนึ่งก็ไม่สนใจ ปล่อยให้เซียวปี้เฉิงซึ่งบังเอิญผ่านมาเหยียบถูกเข้า จนเกือบสะดุดหกล้ม

เซียวปี้เฉิงออกจากจวนไปแต่เช้า จักรพรรดิจาวเหรินรับสั่งให้เขาไปฝึกทหารที่ค่ายตะวันออกตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป วันนี้เขาจึงไปล่วงหน้า เพื่อสั่งการเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ และกลับมาเอาป่านนี้

ลู่ฉีรีบขึ้นไปประคองเขา ปากยังอดบ่นไม่ได้ “ตาของท่านอ๋องหายดีแล้วนี่นา ทำไมยังเห็นทางไม่ชัดอีกหรือ?”

แหะ ๆ หรือว่าเคยชินที่มีเขาอยู่เคียงข้าง อยู่ห่างจากลู่ฉีไม่ได้เสียแล้ว?

เซียวปี้เฉิงมองตาขวางอย่างหงุดหงิด จึงเรียกเยี่ยเจ๋อเฟิงมาซักถาม “อาจารย์ปู่รีบร้อนจะไปไหนกัน ทำราวกับข้างหลังมีสุนัขไล่ตามอยู่”

เยี่ยเจ๋อเฟิงกล่าวตอบ “เมื่อครู่รัฐทายาทหรงไปให้พระชายารักษา และไม่รู้ไปคุยอะไรกับอาจารย์ปู่เข้า จึงได้รีบร้อนออกมาเช่นนี้”

“หรงจั้นมาหาหมอหรือ?”

เซียวปี้เฉิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เกิดมีลางสังหรณ์ที่ไม่สู้ดี จึงรีบให้ลู่ฉีกับเยี่ยเจ๋อเฟิงถอยไป ตัวเองรีบก้าวเท้าไปยังห้องโถงใหญ่ทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ