พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 107

เมื่อให้หลินซินออกไปแล้ว อู่อันกงก็ค่อยเก็บเมล็ดที่เหลือไว้อย่างดี แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอวดความพิเศษของเมล็ดพันธุ์และสรรพคุณที่หายาก

อวิ๋นหลิงพิจารณาเมล็ดพันธุ์ที่อู่อันกงเหลือไว้อย่างละเอียด เทียบกับที่มอบให้หลินซินเมื่อกี้ ยังดูลีบเล็กและเหี่ยวเฉามากกว่าซะอีก

“เมล็ดพวกนี้ดูแล้วไม่น่าจะอยู่รอด ท่านยังจะนำไปปลูกอีกหรือ?”

อู่อันกงยิ้มเล็กน้อย พลางถอนใจกล่าวว่า “ข้าก็รู้ว่าเมล็ดพวกนี้น่าจะไม่รอด แต่ไหน ๆ ก็มาหาแล้ว ยังไงก็ต้องลองปลูกซักครั้งล่ะ”

“ข้าใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตตามหาพันธุ์ยาเหล่านี้ ไม่เคยคาดหวังว่าจะปลูกได้ทั้งหมด ขอเพียงเพาะได้ซักต้นสองต้นออกมา ก็เท่ากับเป็นความหวังเล็กน้อยที่จะช่วยชีวิตคนในอนาคตแล้ว”

“หรือต่อให้ปลูกไม่ได้จริง ๆ ข้าก็จะเก็บมันไว้ให้เผยแพร่ต่อไป เผื่อวันหน้าคนที่ศึกษาด้านการแพทย์ จะได้เห็นหน้าค่าตาที่แท้จริงของมัน ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย”

อวิ๋นหลิงเกิดความทึ่งในใจ มองดูชายชราร่างผอมอีกทั้งหน้าตาเหมือนคนบ้านนอก ได้ทำให้นางมีความรู้ใหม่อีก

ที่จริงเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ใช่ว่าจะปลูกไม่รอดเสมอไป ด้วยความสามารถด้านพลังจิตของนาง ก็คือสามารถสื่อสารกับพืชได้ทุกชนิด อีกทั้งยังเร่งการเจริญเติบโตได้อีก

ชาติที่แล้วอวิ๋นหลิงเป็นนักเพาะพันธุ์พืชมือดี ต้นไม้แม้จะพูดไม่ได้ แต่นางสามารถใช้พลังจิต รับรู้ได้ว่าในแต่ละช่วงวัยของพืชที่ปลูกนั้น ต้องการสภาพอากาศและความชื้นแบบไหน แดดอ่อนหรือว่าแดดแรง

หินอุกกาบาตที่ได้จากจักรพรรดิจาวเหรินก็ถูกใช้มาพักหนึ่งแล้ว บวกกับพักนี้ที่ทำการชี้นำให้เซียวปี้เฉิงฝึกพลังจิตตาม ความเก่งกล้าของอวิ๋นหลิงจึงนับวันยิ่งรุดหน้าไปอีก

แม้ว่ายังอาจไม่อาจเทียบกับระดับขั้นสูงเมื่อชาติที่แล้ว แต่จะเร่งการเจริญเติบโตของพืชก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่ต้องเปลืองพลังนิดหน่อยเท่านั้น

“ที่จริง...”

นางเพิ่งชั่งใจว่าจะเอ่ยปาก กลับถูกตงชิงที่รีบมาส่งข่าวขัดจังหวะเสียก่อน

“พระชายา รัฐทายาทหรงแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงมาขอให้รักษา พระชายารุ่ยอ๋องก็ตามมาด้วย”

อู่อันกงเลิกคิ้ว กล่าวอย่างรู้สึกสนใจว่า “ลูกชายเจิ้นกั๋วกงที่เป็นโรคหัวใจมาแต่เด็กน่ะหรือ มาหาหมอถึงบ้านของเจ้าเชียว?”

“ข้ากับรัฐทายาทหรงเคยพบหน้าหนหนึ่ง วันนั้นอยู่ข้างนอกจู่ ๆ โรคหัวใจกำเริบ ข้าบังเอิญไปเห็นเข้า จึงช่วยฝังเข็มให้เขา”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของเซียวปี้เฉิงที่เคยบอกไว้ ว่าตอนหรงจั้นเกิดนั้น อู่อันกงเป็นคนทำคลอดให้

“เห็นท่านอ๋องบอกว่า สมัยก่อนเจิ้นกั๋วกงฮูหยินถูกพิษจนให้กำเนิดรัฐทายาทหรง ทำให้เขาเกิดมาไม่สมบูรณ์ ดีที่ได้ท่านดูแลจึงรอดชีวิตมา เจิ้นกั๋วกงฮูหยินเชิญให้ข้าช่วยรักษารัฐทายาทหรง ท่านช่วยเล่าอาการของเขาให้ข้าฟังอย่างละเอียดได้ไหม?”

อู่อันกงวางตะกร้ายาที่เพิ่งจัดเก็บเสร็จ โบกมือพรางกล่าวว่า “เฮ้, ให้ข้าไปกับเจ้า ไปดูเจ้าหนุ่มนั่นแล้วกัน อยู่มาถึงวันนี้ถือว่าเขาดวงแข็งมากแล้ว”

อวิ๋นหลิงอดขำไม่ได้และกล่าวว่า “งั้นก็รบกวนท่านแล้ว”

ทั้งคู่ออกจากเรือนหลันชิง มายังห้องโถงของตัวเรือนใหญ่ ซึ่งพี่น้องตระกูลหรงได้มารออยู่นานแล้ว

หรงฉานใส่ชุดสีเหลืองสว่างแลดูสวยงาม เส้นผมที่เดิมสยายอยู่เต็มแผ่นหลังได้เกล้าเป็นมวยสูง แม้จะแต่งกายเป็นหญิงที่ออกเรือนแล้ว แต่กิริยาท่าทียังคงเป็นเด็กสาวที่สดใสน่ารัก ไม่เหมือนหญิงที่แต่งงานแล้วซักนิด

พอเห็นอวิ๋นหลิงเข้า นัยน์ตากลมโตก็ดูสว่างวาบขึ้น

“พี่อวิ๋นหลิง!”

“หรงจั้นคารวะอู่อันกงและพระชายาจิ้งอ๋อง”

เมื่ออวิ๋นหลิงปรากฏตัว สายตาของหรงจั้นก็จับจ้องอยู่ที่นางโดยอัตโนมัติ

วันนี้หรงจั้นสวมชุดยาวคล้ายกับแสงจันทร์นวล มีเส้นผมสีดำประปรายลงมาทางขมับทั้งสองข้าง ทำให้ใบหน้าที่แทบไม่มีเลือดฝาด ยิ่งดูซีดเซียวไปอีก

ดูราวกับเทพที่บังเอิญตกจากสวรรค์มา จนได้พบกับอวิ๋นหลิง ค่อยมีชีวิตชีวาแห่งความเป็นมนุษย์หน่อย

“หลายวันนี้รัฐทายาทหรงสบายดีหรือไม่?”

อวิ๋นหลิงยังคงมีปานปลอมที่ใบหน้าและปิดผ้าคลุมหน้าไว้ ส่งยิ้มให้หรงจั้นเล็กน้อย

“ขอบคุณวิชาแพทย์ของพระชายาจิ้งอ๋อง ได้ช่วยให้ข้ารอดตายหวุดหวิดถึงสองครั้งสองครา”

หรงจั้นตอบนิ่ง ๆ พยายามระงับความพลุกพล่านในใจไม่ให้เกิดขึ้น

“ไม่เจอกันยี่สิบกว่าปี เจ้าหนุ่มคนนี้ยังไม่ตายอีก ช่างดวงแข็งยิ่งนัก”

อู่อันกงแผดเสียงก้องราวกับเป็ดตัวผู้ พลางเดินอาด ๆ ขึ้นหน้า จับข้อมือดูชีพจรของหรงจั้นอย่างไม่เกรงใจ ซ้ำยังจี้สกัดจุดที่หน้าอกอย่างรวดเร็วอีกหลายจุด

น้ำมือของเขาป่าเถื่อนบุ่มบ่าม หรงจั้นขมวดคิ้วเบา ๆ สองแก้มเริ่มมีรอยเลือดฝาดจากความเจ็บปวด

แต่กลับไม่โกรธกริ้วใด ๆ ซ้ำยังขอบคุณอย่างจริงใจ “ต้องขอบคุณสูตรยาที่สมัยก่อนท่านอู่อันกงเหลือไว้ ข้าน้อยซาบซึ้งยิ่งนัก”

หลายปีมานี้ เขาต้องอาศัยสูตรยาที่อู่อันกงเหลือไว้ ทำให้อยู่รอดปลอดภัยมาถึงวันนี้

หรงฉานเป็นห่วงพี่ชาย อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความกังวลว่า “ท่านอู่อันกง พี่อวิ๋นหลิง โรคของพี่ข้าพอจะรักษาให้หายขาดได้ไหม?”

อู่อันกงขมวดคิ้วแน่น ครู่หนึ่งจึงได้ถอนหายใจยาว “ยาก...ยากนัก!”

สีหน้าหรนฉานแสดงความผิดหวังเล็กน้อย และมองอวิ๋นหลิงอย่างคาดหวังอีก

อวิ๋นหลิงได้แต่พูดตามตรง “ขอเรียนตามตรง ข้าก็ไม่มั่นใจเต็มร้อยเหมือนกัน รัฐทายาทหรงไม่ได้เป็นโรคหัวใจมาแต่กำเนิด หากแต่เป็นพิษที่ตกค้างในร่างกายมายี่สิบกว่าปี จนกระทบชีพจรหัวใจและปอด คิดจะขับออกไม่ใช่เรื่องง่ายนัก”

พลังจิตสามารถรักษาได้หลายโรค โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสมองและเส้นประสาทมักจะเห็นผลดี

แต่พลังจิตก็ไม่ได้ครอบคลุมทุกโรค โดยเฉพาะกับโรคหัวใจก็ยิ่งจนปัญญา โรคประเภทนี้ แต่ไหนแต่ไรก็เป็นที่ลำบากใจแก่แพทย์ผู้รักษามาตลอด

คนที่สัมผัสกับพลังจิตครั้งแรก ร่างกายจะเกิดการต่อต้านโดยธรรมชาติ ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก

ฉะนั้นตอนอวิ๋นหลิงช่วยหรงจั้นครั้งแรก นางก็เพียงฝังเข็มให้เขา โดยไม่ได้ใช้พลังจิต หาไม่ด้วยความที่หัวใจทำงานอ่อนกำลัง อาจทำให้เสียชีวิตเดี๋ยวนั้นก็เป็นได้

“แต่พวกท่านก็ไม่ต้องห่วงมากนัก ขอเพียงรัฐทายาทหรงมาฝังเข็มกับข้าตามที่นัดหมาย ต่อเนื่องซักสามปีห้าปี เชื่อว่าจะลดอัตราการกำเริบของโรคหัวใจได้เป็นอย่างมาก”

ผ่านไปหลายปี หรงจั้นปลงตกต่อความตายนานแล้ว แม้ได้ยินคำตอบจากอวิ๋นหลิงก็ไม่รู้สึกเศร้าใจใด ๆ

เขายิ้มเล็กน้อย หุบพัดแล้วกำมือคารวะ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปคงต้องรบกวนพระชายาจิ้งอ๋องแล้ว”

แต่หรงฉานยังไม่ตายใจ “โรคของพี่ใหญ่จะไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้เลยหรือ?”

เขาเป็นพี่ชายคนโตร่วมสายเลือด นางจึงต้องการให้เป็นปกติ สามารถใช้ชีวิตเหมือนชายหนุ่มทั่วไป แต่งงานมีครอบครัวโดยไม่ต้องมีห่วงใด ๆ

อู่อันกงลูบหนวดที่พันกันยุ่งเหยิงราวกับหญ้าฟาง “ก็ใช่ว่าจะหมดหนทางซะทีเดียว”

ทันทีที่พูดจบ ทุกคนต่างก็หันไปมองที่เขา

“พิษที่พี่ชายเจ้าได้รับ มีสมุนไพรชนิดหนึ่งเรียกว่าบัวเจ็ดทวารพอจะช่วยได้ เพียงแต่บงกชเจ็ดทวารนี้ได้สูญพันธุ์เมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งข้าพอมีเมล็ดพันธุ์เหลืออยู่หนึ่งเม็ด แต่มันก็เหี่ยวตายนานแล้วเหมือนกัน”

พอได้ยินเข้า ความรู้สึกของทุกคนก็เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา ขึ้นสูงเสียดฟ้าแล้วดิ่งลงสู่หุบเหว

แม้แต่หรงจั้นเอง แววตาก็มีรอยสลดอย่างไม่อาจปิดบัง

เห็นหรงฉานน้ำตาคลอจวนจะหยดมิหยดแหล่ อวิ๋นหลิงตั้งสติ ขยับปากเบา ๆ

“มอบให้ข้า เผื่อมีวิธีทำให้บัวเจ็ดทวารคืนชีพได้อีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ