สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่เซียงถวนสวมกุญแจอายุยืนเอาไว้บนลำคอทั้งคืน ก็แตกกิ่งใหม่เล็กๆออกมาจริงๆ
เซียวปี้เฉิงเกรงว่ากุญแจอายุยืนของลูกสาวชิ้นนี้จะเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ รีบอุ้มลูกไปขอคำชี้แนะจากเต้าหวู๋ซิน
หลังจากที่เต้าหวู๋ซินมองดูแวบหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เทียบกับพวกเจ้าสองสามีภรรยาแล้ว พลังของเด็กคนนี้ก้าวหน้ากว่าพวกเจ้ามากจริงๆ”
เซียวปี้เฉิงได้ยินเช่นนี้ ในขณะที่รู้สึกภูมิใจและดีใจก็แฝงไปด้วยความกังวล “ใช่แล้ว ตอนนี้เซียงถวนยังควบคุมพลังไม่ได้ มักจะทำให้ดอกไม้ในสวนหลวงเบ่งบานนอกฤดู โชคดีที่คนในวังต่างก็ไม่รู้สึกแปลกประหลาด ยังคิดว่าเป็นลางมงคลอีกด้วย”
ตัวอย่างเช่นดอกเหมยในหน้าหนาวเบ่งบานในฤดูร้อน ดอกบัวในทะเลสาบหลังจากผ่านพ้นเดือนเจ็ดแล้วยังเบ่งบานขึ้นเป็นครั้งที่สอง คนในวังต่างก็เห็นจนชินไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรแล้ว
เพราะว่า แม้แต่ต้นหอมของฝูกงกงที่สามารถเติบโตจนสูงกว่าคนพวกเขาก็ยอมรับได้
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้สองสามีภรรยารู้สึกปวดหัวก็คือ ลูกคนนี้ไม่เพียงแต่ชอบทำให้ดอกไม้เบ่งบาน ยังมักจะใช้พลังจิตรักษาสัตว์เล็กๆ
ไม่ว่าจะเป็นแมวที่ถูกน้ำร้อนในห้องเครื่องลวกจนได้รับบาดเจ็บ หรือนกน้อยที่ถูกฝนกระหน่ำจนหายใจรวยรินเป็นต้น
ทุกครั้งที่เซียวปี้เฉิงเห็นก็ต้องชื่นชมว่าลูกสาวมีจิตใจเมตตา แต่พวกเราจะช่วยแม้แต่แมลงสาบไม่ได้......
แมลงสาบที่ถูกยาเบื่อตายอยู่ที่มุมห้องก่อนหน้านี้ พอเช้าวันที่สองก็มีชีวิตกระโดดโลดเต้นได้อีกครั้ง กระทั่งยังมีสมาชิกครอบครัวแมลงสาบอีกหลายตัวโผล่ออกมา แทบจะทำให้แม่เซียงถวนเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว
“อา”
ราวกับเข้าใจในสิ่งที่เซียวปี้เฉิงพูด เซียงถวนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ในอ้อมอกของเขา
สาวน้อยจะอายุครบหนึ่งขวบแล้ว ผิวขาวเนียนอ่อนนุ่ม เป็นปล้องราวกับรากบัวในสระ
กลิ่นหอมประหลาดแต่กำเนิดก็ทวีความหอมเข้มข้นมากขึ้น หอมและอ่อนนุ่มไปทั้งตัว ไม่ว่าใครอุ้มก็ไม่อยากจะปล่อยมือ
เซียวปี้เฉิงบีบจมูกเล็กๆของลูกสาว แล้วก็ถามเต้าหวู๋ซิน “อาจารย์หวู๋ซิน กุญแจอายุยืนแตกกิ่งใหม่ออกมา คงไม่กระทบต่อมิติแห่งกาลเวลากระมัง”
เต้าหวู๋ซินพินิจกุญแจอายุยืนอย่างละเอียด ผ่านไปครู่หนึ่ง นิ้วเรียวยาวก็เด็ดหน่อสีเขียวอ่อนนั้นลงมาอย่างเบามือ จากนั้นก็คืนกุญแจอายุยืนให้
“มีผลกระทบแน่ แต่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป”
“หมายความว่าอย่างไร”
เซียวปี้เฉิงรับกุญแจอายุยืนกลับไป รับรู้ได้ด้วยสัมผัสที่ละเอียดอ่อนว่าบนนั้นมีพลังที่ถูกจองจำเอาไว้ เห็นทีคงจะเป็นฝีมือของเต้าหวู๋ซิน เพื่อให้มั่นใจว่ากุญแจอายุยืนนี้จะไม่มีกิ่งอ่อนแตกออกมาอีก สุดท้ายก็จะทำให้กุญแจแตกออกเป็นเสี่ยง
เต้าหวู๋ซินเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส “ก่อนหน้านี้เจ้าถามข้ามาตลอดมิใช่หรือ ว่าห้องเก็บของแห่งกาลเวลาจะสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตเอาไว้ได้อย่างไร ดูจากสถานการณ์ของเซียงถวนแล้ว หลังจากที่นางเติบโต ฝึกฝนจนพลังแกร่งกล้าเพียงพอ บางทีอาจทำถึงจุดนี้ได้”
เซียวปี้เฉิงเอ่ยอย่างตกตะลึง “จริงหรือ”
เต้าหวู๋ซินพยักหน้า มองเซียงถวนที่ไร้เดียงสาด้วยสีหน้าอ่อนโยน น้ำเสียงใจเย็นแฝงไปด้วยความหนักแน่น
“นางมีพลังที่สามารถให้เวลาแก่สิ่งนี้ได้ ถ้าความวุ่นวายว่างเปล่ามีเวลา แม้ว่าโลกจะเล็กแค่ไหนก็สามารถมีชีวิตได้”
เซียวปี้เฉิงมีสีหน้าครุ่นคิด แม่จะไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่เต้าหวู๋ซินพูดได้ทั้งหมด แต่เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความอัศจรรย์ในนั้น
“เอาล่ะ รีบกลับไปเตรียมตัวเถอะ อีกครึ่งเดือน ค่ายกลใต้บ่อน้ำก็จะถูกกระตุ้นให้เปิดแล้ว” เต้าหวู๋ซินราวกับพ่อที่มีจิตใจเมตตา จ้องมองเขาด้วยสายตาอบอุ่น “พวกเจ้าอยากจะไปดูโลกใบนั้นมิใช่หรือ ควรจะเตรียมการตั้งแต่เนิ่นได้แล้ว”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า ก่อนจะอุ้มลูกสาวกล่าวลาอีกฝ่าย
หลังจากที่ประตูถูกปิดลงเบาๆ เต้าหวู๋ซินก็มองหน่ออ่อนสีเขียวเล็กๆในมือ ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มจางๆแฝงอยู่
แสงแดดเดือนเก้าสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง เงาร่างอ่อนโยนของเขาราวกับจะหลอมรวมไปกับแสงแดด
ทำให้ห้วงแห่งกาลเวลามีชีวิต กระทั่งทำให้เป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามเต็มไปด้วยเสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้ราวกับที่บรรยายเอาไว้ในนิยายทางโลก สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องยาก
เซียวปี้เฉิงสั่งให้ลู่ฉีหยุดรถ จากนั้นก็พยักหน้าและกำชับว่า “ได้ อย่าลืมส่งข่าวมาบอกกล่าวตลอดการเดินทาง ชายแดนเซียวโจวมีความเคลื่อนไหวอะไร ต้องส่งข่าวให้พวกเรารับทราบในทันที”
อวิ๋นหลิงก็พูดยิ้มๆว่า “หวังว่าสิ้นปีปีหน้าตอนที่พวกเจ้ากลับเมืองหลวง ข้างกายจะมีเด็กน้อยเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน เป็นเพื่อนกับลูกๆของพวกเรา”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิงหยางกับเว่ยยิงต่างก็สบตากัน รู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง
“ปี้เฉิง อวิ๋นหลิง ข้ากับเว่ยยิงต้องไปแล้ว......หนทางยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรค รักษาตัวด้วย”
สุดท้ายก็มองไปยังเมืองหลวงเก่าแก่แวบหนึ่ง รวมไปถึงเพื่อนที่ดีที่สุดที่เปลี่ยนแปลงอีกครึ่งชีวิตของตนเอง
เฟิงหยางโบกมือ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มยากจะสงบลงได้ ค่อยๆหายลับไปจากสายตาของพวกอวิ๋นหลิง
อวิ๋นหลิงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เฟิงหยางถือว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนที่มีน้อยมากในโลกใบนี้
เมื่อก่อน การเดินทางไม่สะดวก จดหมายล่าช้า ในชีวิตที่ยาวนานมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อคนที่รักเพียงคนเดียว
ตอนที่ได้อ่านประโยคนี้ตอนเป็นวัยรุ่น รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ตอนนี้กลับรับรู้ได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่เบื้องหลัง
อวิ๋นหลิงถอนหายใจอย่างเศร้าๆ “เฮ้อ......การจากกันครั้งนี้ ภายหน้าจะพบกันคงไม่ง่าย ถ้ามีวิดีโอคอลก็คงดี”
มีอุโมงค์แห่งกาลเวลา นางก็อยากจะเอาอุปกรณ์สื่อสารในยุคปัจจุบันเหล่านั้นมาใช้ที่นี่มาก
เสียดายที่นี่ไม่มีสัญญาณ เอามาก็ใช้การไม่ได้
เซียวปี้เฉิงลูบผมของนาง “เอาล่ะเอาล่ะ ยิ้มแย้มหน่อย รอให้เส้นทางทั่วทั้งแคว้นต้าโจวถูกซ่อมแซมจนเหมือนรอบนอกของเมืองหลวง ถึงตอนนั้นการเดินทางก็เร็วขึ้นมากแล้ว”
“ห้าวันหลังจากนี้ก็เป็นวันขึ้นหนึ่งค่ำแล้ว ตอนนั้นจะเป็นครั้งแรกที่อุโมงค์แห่งกาลเวลาจะเปิดออก ท่านวางแผนจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...