พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 111

สรุปบท ตอนที่ 111 เรื่องแบกขี้ข้าถนัดมาก: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน ตอนที่ 111 เรื่องแบกขี้ข้าถนัดมาก – จากเรื่อง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

ตอน ตอนที่ 111 เรื่องแบกขี้ข้าถนัดมาก ของนิยายโรแมนติกโบราณเรื่องดัง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน Anchali เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

อวิ๋นหลิงเปิดประตูห้อง มองเขาด้วยสีหน้ามึนงง “ข้าโกรธอะไรท่าน”

“เรื่องเมื่อตอนเย็น เจ้าไม่โกรธหรือ”

อวิ๋นหลิงกะพริบตาปริบๆ “ตอนนั้นข้าร้อนใจไปหน่อย แต่ไม่ได้โกรธท่านนะ”

เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง น้ำเสียงแข็งกระด้าง “แล้วทำไมเจ้าจึงไม่สนใจข้าทั้งวัน”

“ตอนบ่ายข้ามัวแต่ยุ่งอยู่กับการฝังเข็มให้กับหรงจั้น ไหนเลยจะมีเวลาว่าง หลังจากกินอาหารค่ำข้าก็ให้ตงชิงไปหาท่านที่เรือนซู่สือ แต่ลู่ฉีบอกว่าท่านกำลังทบทวนตำราพิชัยสงครามอย่างจริงจัง จึงไม่ได้ไปรบกวนท่าน”

กระทั่งตอนนี้นางก็ให้ตงชิงไปถามอีกครั้ง แน่ใจแล้วว่าคืนนี้เซียวปี้เฉิงไม่คิดจะฝึกฝนพลังจิต ก็เลยคิดว่าจะเข้านอน

เซียวปี้เฉิงได้ยินดังนั้น ก็มีสีหน้าเขียวสลับม่วง เหมือนจานสีอย่างไรอย่างนั้น

ที่สุดแล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็แค่ความเข้าใจผิด

น่าตายยิ่งนัก ไม่ช้าเขาต้องได้ปิดปากไม่มีหูรูดของลู่ฉีสักวัน

“อย่ายืนบื้อตากลมอยู่ข้างนอกนั่นเลย เข้ามาเถอะ”

แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ก็มีน้ำค้าง อุณหภูมิในตอนนี้มีความเย็นอยู่บ้าง เซียวปี้เฉิงเดินตามนางเข้าไปในห้อง ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำจิตใจที่ถูกลู่ฉีทำให้เกือบจะระเบิดออกมาให้สงบลงได้

“วันนี้เจ้าคุยอะไรกับอู๋อันกงบ้าง ข้าดูเขาตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตนเองไม่ได้”

“ก็ไม่มีอะไร ก็พวกเรื่องที่เกี่ยวกับการเพาะปลูกสมุนไพร”

อวิ๋นหลิงเล่าเรื่องที่ตนเองใช้พลังจิตในการเร่งการเติบโตของพืชให้เซียวปี้เฉิงฟัง พร้อมทั้งเอ่ยถึงเรื่องที่จะเพาะปลูกบัวเจ็ดทวารเพื่อช่วยรักษาโรคหัวใจของหรงจั้นที่ต้นเหตุ

เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น “ไหนเจ้าเคยบอกว่า ด้วยระดับการฟื้นคืนพลังจิตของเจ้าใสตอนนี้ การเร่งให้พืชเจริญเติบโตเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองแรงมากมิใช่หรือ”

“เปลืองน่ะเปลืองอยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้าหากสามารถเร่งเมล็ดพันธุ์ของสมุนไพรเหล่านั้นได้จริง อู๋อันกงต้องดีใจมากแน่ๆ เช่นนี้การเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆตลอดชีวิตที่ผ่านมา ก็ไม่นับว่าสูญเปล่า”

เซียวปี้เฉิงรู้ว่าการเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้คนในใต้หล้ามาก แต่เขาก็ไม่อยากให้อวิ๋นหลิงต้องเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป

“ข้าสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”

อวิ๋นหลิงส่ายหน้า “พลังจิตระหว่างคนเรามีข้อแตกต่างกัน พลังที่พัฒนาออกมาก็ไม่เหมือนกัน”

เมื่อรู้ว่าช่วยอวิ๋นหลิงไม่ได้ ดวงตาของเซียวปี้เฉิงก็มีแววสลด แต่ในใจก็ยังมีขอสงสัยและความหวัง

เขาได้ฝึกฝนพลังจิตกับอวิ๋นหลิงมาเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าแล้ว และไม่รู้ว่าในอนาคตจะพัฒนาพลังออกมาได้แปลกประหลาดเพียงใด

เมื่อพูดคุยกันเสร็จ อวิ๋นหลิงก็ดึงเขาไปนั่งขัดสมาธิทำสมาธิบนเตียง

“ข้าได้ยินใต้เท้าเฉียวบอกว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปท่านต้องไปฝึกทหารที่ค่ายทหารทิศตะวันออกแล้ว วันหลังต้องมานั่งทำสมาธิที่ห้องของข้าทุกคืนคืนละสองชั่วโมง ทำเช่นนี้พอวันรุ่งขึ้นท่านจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย”

เดิมทีจะมีการนั่งทำสมาธิสี่ชั่วโมง โดยพื้นฐานแล้วต้องใช้เวลาจนเกือบจะสว่างอดนอนทั้งคืน แม้ว่าการทำสมาธิจะช่วยเรื่องพลังจิตไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า แต่การอดหลับอดนอนย่อมไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ

ดีที่นางทำเลียนแบบกลิ่นสลายวิญญาณขึ้นมา ให้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ในเรื่องการผ่อนคลายทำให้นอนหลับ การทำสมาธิในตอนนี้จึงสามารถได้ผลเป็นเท่าตัว

ยากมากที่ริมฝีปากของเซียวปี้เฉิงจะโค้งขึ้น “ถ้าหากคนของเผ่าทูเจวียรู้ว่าธูปพิษนี้กลายเป็นตัวช่วยสำคัญของเจ้า ก็ไม่รู้ว่าจะโกรธจนกระอักเลือดหรือไม่”

มีกลิ่นสลายวิญญาณ การฟื้นฟูพลังจิตของอวิ๋นหลิงก็เพิ่มความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของนางได้

นางอดไม่ได้ที่จะมองออกไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่มืดมิดในยามนี้ เหลือแค่ดาวดวงใหญ่สีแดงเพียงดวงเดียวที่ยังคงลอยค้างอยู่บนฟ้าอย่างมั่นคง

อวิ๋นหลิงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ถ้าหากสามารถได้หินอุกกาบาตมาอีกก้อนก็คงดี เช่นนั้นพลังจิตของข้าก็จะสามารถฟื้นฟูกลับมาจนอยู่ในจุดสูงสุดอย่างแน่นอน”

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่นางก็จำเรื่องหนึ่งเอาไว้ในใจแล้ว

ถ้าหากวันหน้ามีโอกาส นางต้องไปยังแคว้นหนานถังกับแคว้นเป่ยฉินให้ได้ ดูสิว่าจะสามารถหาหินอุกกาบาตรอีกสองชิ้นได้หรือไม่

......

วันรุ่งขึ้น เซียวปี้เฉิงไปฝึกทหารที่ค่ายทหารตั้งแต่เช้าตรู่

อวิ๋นหลิงลุกขึ้นจากเตียงด้วยความเหนื่อยล้า พักบ้างทำงานบ้างไม่ช้าก็ถึงเวลาอาหารเที่ยง อู๋อันกงเหมือนเร็วเหมือนสายลม มาถึงจวนจิ้งอ๋องอย่างรีบร้อน

เมื่อวานเขากลับไปด้วยความรีบร้อนจึงทำรองเท้าฟางหายไปหนึ่งข้าง วันนี้จึงมาที่จวนด้วยเท้าเปล่า

บ่าวรับใช้ที่มีหน้าที่พรมน้ำกวาดพื้นที่ลานด้านหน้าเพิ่งจะกวาดพื้นเสร็จ อู๋อันกงใช้เท้าเปล่าเหยียบไปบนโคลนและพื้นหินสีเขียว ทิ้งรอยเท้าสีเหลืองแกมดำเอาไว้มากมาย

“นี่ไง นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ของบัวเจ็ดทวารอันล้ำค่าของข้าเอง ทั่วทั้งแคว้นต้าโจวเกรงว่าคงจะหาเม็ดที่สองไม่ได้แล้ว”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า รับเมล็ดพันธุ์อันล้ำค่านั้นมาด้วยท่าทีระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็นำเอายาที่อยู่ในถังไม้ใบใหญ่หลายใบที่ตนเองทำไว้เมื่อเช้าออกมาให้อู๋อันกงดู

อู๋อันกงทำท่าสูดจมูก ถามอย่างสงสัยว่า “นี่คือยาที่เจ้าพูดถึงหรือ ทำไมข้าถึงได้กลิ่นแปลกๆ ไม่มีกลิ่นยาเลยสักนิด”

อวิ๋นหลิงอธิบายพร้อมรอยยิ้มว่า “ที่จริงจะเรียกว่ายาก็ไม่ถูก เรียกว่าเป็นสารอาหารจะเหมาะสมกว่า”

“สารอาหาร” อู๋อันกงเหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็น เริ่มสนใจคำศัพท์ที่ตนเองไม่เคยได้ยินมาก่อน

“สารอาหารที่ว่า ก็คือปุ๋ยที่ช่วยในการเจริญเติบโตของต้นไม้ดอกไม้ เพราะมีดินบางส่วนที่ไม่อุดมสมบูรณ์ ดังนั้นยาสมุนไพรที่ปลูกจึงเจริญเติบโตได้ไม่ดี จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย”

“ใส่ปุ๋ย นั่นมันต้องแบกขี้ไปรดไม่ใช่หรือ เรื่องนี้ข้าทำได้ เรื่องแบกขี้ข้าถนัดมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ