อวิ๋นหลิงเปิดประตูห้อง มองเขาด้วยสีหน้ามึนงง “ข้าโกรธอะไรท่าน”
“เรื่องเมื่อตอนเย็น เจ้าไม่โกรธหรือ”
อวิ๋นหลิงกะพริบตาปริบๆ “ตอนนั้นข้าร้อนใจไปหน่อย แต่ไม่ได้โกรธท่านนะ”
เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง น้ำเสียงแข็งกระด้าง “แล้วทำไมเจ้าจึงไม่สนใจข้าทั้งวัน”
“ตอนบ่ายข้ามัวแต่ยุ่งอยู่กับการฝังเข็มให้กับหรงจั้น ไหนเลยจะมีเวลาว่าง หลังจากกินอาหารค่ำข้าก็ให้ตงชิงไปหาท่านที่เรือนซู่สือ แต่ลู่ฉีบอกว่าท่านกำลังทบทวนตำราพิชัยสงครามอย่างจริงจัง จึงไม่ได้ไปรบกวนท่าน”
กระทั่งตอนนี้นางก็ให้ตงชิงไปถามอีกครั้ง แน่ใจแล้วว่าคืนนี้เซียวปี้เฉิงไม่คิดจะฝึกฝนพลังจิต ก็เลยคิดว่าจะเข้านอน
เซียวปี้เฉิงได้ยินดังนั้น ก็มีสีหน้าเขียวสลับม่วง เหมือนจานสีอย่างไรอย่างนั้น
ที่สุดแล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็แค่ความเข้าใจผิด
น่าตายยิ่งนัก ไม่ช้าเขาต้องได้ปิดปากไม่มีหูรูดของลู่ฉีสักวัน
“อย่ายืนบื้อตากลมอยู่ข้างนอกนั่นเลย เข้ามาเถอะ”
แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ก็มีน้ำค้าง อุณหภูมิในตอนนี้มีความเย็นอยู่บ้าง เซียวปี้เฉิงเดินตามนางเข้าไปในห้อง ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำจิตใจที่ถูกลู่ฉีทำให้เกือบจะระเบิดออกมาให้สงบลงได้
“วันนี้เจ้าคุยอะไรกับอู๋อันกงบ้าง ข้าดูเขาตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตนเองไม่ได้”
“ก็ไม่มีอะไร ก็พวกเรื่องที่เกี่ยวกับการเพาะปลูกสมุนไพร”
อวิ๋นหลิงเล่าเรื่องที่ตนเองใช้พลังจิตในการเร่งการเติบโตของพืชให้เซียวปี้เฉิงฟัง พร้อมทั้งเอ่ยถึงเรื่องที่จะเพาะปลูกบัวเจ็ดทวารเพื่อช่วยรักษาโรคหัวใจของหรงจั้นที่ต้นเหตุ
เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น “ไหนเจ้าเคยบอกว่า ด้วยระดับการฟื้นคืนพลังจิตของเจ้าใสตอนนี้ การเร่งให้พืชเจริญเติบโตเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองแรงมากมิใช่หรือ”
“เปลืองน่ะเปลืองอยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้าหากสามารถเร่งเมล็ดพันธุ์ของสมุนไพรเหล่านั้นได้จริง อู๋อันกงต้องดีใจมากแน่ๆ เช่นนี้การเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆตลอดชีวิตที่ผ่านมา ก็ไม่นับว่าสูญเปล่า”
เซียวปี้เฉิงรู้ว่าการเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้คนในใต้หล้ามาก แต่เขาก็ไม่อยากให้อวิ๋นหลิงต้องเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป
“ข้าสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”
อวิ๋นหลิงส่ายหน้า “พลังจิตระหว่างคนเรามีข้อแตกต่างกัน พลังที่พัฒนาออกมาก็ไม่เหมือนกัน”
เมื่อรู้ว่าช่วยอวิ๋นหลิงไม่ได้ ดวงตาของเซียวปี้เฉิงก็มีแววสลด แต่ในใจก็ยังมีขอสงสัยและความหวัง
เขาได้ฝึกฝนพลังจิตกับอวิ๋นหลิงมาเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าแล้ว และไม่รู้ว่าในอนาคตจะพัฒนาพลังออกมาได้แปลกประหลาดเพียงใด
เมื่อพูดคุยกันเสร็จ อวิ๋นหลิงก็ดึงเขาไปนั่งขัดสมาธิทำสมาธิบนเตียง
“ข้าได้ยินใต้เท้าเฉียวบอกว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปท่านต้องไปฝึกทหารที่ค่ายทหารทิศตะวันออกแล้ว วันหลังต้องมานั่งทำสมาธิที่ห้องของข้าทุกคืนคืนละสองชั่วโมง ทำเช่นนี้พอวันรุ่งขึ้นท่านจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย”
เดิมทีจะมีการนั่งทำสมาธิสี่ชั่วโมง โดยพื้นฐานแล้วต้องใช้เวลาจนเกือบจะสว่างอดนอนทั้งคืน แม้ว่าการทำสมาธิจะช่วยเรื่องพลังจิตไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า แต่การอดหลับอดนอนย่อมไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ
ดีที่นางทำเลียนแบบกลิ่นสลายวิญญาณขึ้นมา ให้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ในเรื่องการผ่อนคลายทำให้นอนหลับ การทำสมาธิในตอนนี้จึงสามารถได้ผลเป็นเท่าตัว
ยากมากที่ริมฝีปากของเซียวปี้เฉิงจะโค้งขึ้น “ถ้าหากคนของเผ่าทูเจวียรู้ว่าธูปพิษนี้กลายเป็นตัวช่วยสำคัญของเจ้า ก็ไม่รู้ว่าจะโกรธจนกระอักเลือดหรือไม่”
มีกลิ่นสลายวิญญาณ การฟื้นฟูพลังจิตของอวิ๋นหลิงก็เพิ่มความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของนางได้
นางอดไม่ได้ที่จะมองออกไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่มืดมิดในยามนี้ เหลือแค่ดาวดวงใหญ่สีแดงเพียงดวงเดียวที่ยังคงลอยค้างอยู่บนฟ้าอย่างมั่นคง
อวิ๋นหลิงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ถ้าหากสามารถได้หินอุกกาบาตมาอีกก้อนก็คงดี เช่นนั้นพลังจิตของข้าก็จะสามารถฟื้นฟูกลับมาจนอยู่ในจุดสูงสุดอย่างแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...