พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 184

พระเจ้าหลวงมองต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าในอ้อมกอดแล้วยิ้มหน้าบาน เมื่อเห็นเด็กทั้งสองมีดวงตาต่างจากผู้อื่นก็ยิ่งรู้สึกไม่ธรรมดา

เขาอดดูอย่างมีลับลมคมในไม่ได้ “นังหนูหลิง เทวดาเข้าฝันเจ้าเป็นประจำหรือไม่? แล้วเทวดาบอกอะไรเจ้าในความฝันบ้าง ได้บอกชะตากรรมของแคว้นต้าโจวบ้างไหม?”

อวิ๋นหลิงอยากหัวเราะ ใบหน้ายังคงตอบอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ท่านอาจารย์จะเข้าฝันข้าตอนที่ข้าตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น ส่วนเรื่องชะตากรรมของแคว้นต้าโจว...อาจารย์บอกว่าเป็นความลับสวรรค์เปิดเผยไม่ได้”

พระเจ้าหลวงผิดหวังเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้ระแคะระคายใจ เพราะเขาก็เคยได้ยินหวู๋ซินไต้ซือพูดติดปากว่าหากเปิดเผยความลับสวรรค์แล้วจะถูกลงโทษ

ตาเฒ่าน้อยเป็นคนหัวไว เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาอย่างรวดเร็ว “ไยเทวดาต้องชี้แนะให้เจ้าช่วยต้าโจวด้วย?”

เขาเคยเห็นภาพวาดปืนคาบศิลาที่อวิ๋นหลิงถวายแล้ว ต่อให้ไม่รู้วิธีผลิตยุทโธปกรณ์ เขาก็ดูออกว่าอาวุธนี้ไม่ธรรมดา

อวิ๋นหลิงแย้มยิ้มแล้วอธิบายอย่างอดทน “ท่านอาจารย์บอกว่าชาติที่แล้วยามที่ข้ากำลังเผชิญด่านเคราะห์ฟ้าผ่าแล้วขาดสติ โชคดีที่เจอหมูป่าวิเศษ หมูป่าตัวนั้นบำเพ็ญเพียรจนใกล้จะได้กลายร่างเป็นคนแล้ว แต่เพราะช่วยข้าบังฟ้าผ่า จึงแปรไม่ร่างสำเร็จ”

“นี่คือสิ่งที่ข้าติดค้างหมูป่าตัวนั้น ท่านอาจารย์บอกว่าข้าต้องชดใช้ให้เขาแล้วถึงจะบำเพ็ญเพียรสำเร็จ ดังนั้นจึงให้ข้าลงมาเกิดเพื่อตอบแทนบุญคุณเขา”

พระเจ้าหลวงได้ยิน หางตากระตุกด้วยความสงสัย “หมูป่า?เจ้าสามคือหมู่ป่าเช่นนั้นหรือ?”

อวิ๋นหลิงพยักหน้าจริงจัง สีหน้าไม่มีมูลเท็จสักนิด

สีหน้าพระเจ้าหลวงยากจะพรรณนา หลานชายที่เขาตั้งความหวังมากที่สุดชายที่แล้วเป็นหมูป่า?

“เจ้าแน่ใจน่ะว่าไม่ได้จำผิด? ไม่ใช่สัตว์จำพวกพยัคฆ์หรือมังกรหรอกหรือ?”

อวิ๋นหลิงตอบเสียงจริงจังขึงขัง “ไม่จำผิดแน่เพคะ หมูป่าจริงๆ มีผิวสีดำ”

พระเจ้าหลวง “...”

เป็นสัตว์ที่ธรรมดาเกินไปหรือเปล่า?

เขาพึมพำในใจ สงสัยว่าอวิ๋นหลิงกำลังล้อเขาเล่น จึงได้ตั้งคำถามพิสดารเรื่องเทวดากับอวิ๋นหลิงอีกหลายข้อ

แต่เป็นเพราะอวิ๋นหลิงมีความสามารถด้านการแต่งเรื่องหลอกคน พระเจ้าหลวงเห็นนางตอบรวดเร็วด้วยสีหน้าไปทั่ว และถ้อยคำก็มีหลักการ จึงยอมรับว่าเซียวปี้เฉิงเป็นหมูป่ากลับชาติมาเกิดอย่างช่วยไม่ได้

ช่างเถิด...หมู่ป่าก็หมู่ป่า อย่างน้อยก็เป็นหมูป่าบำเพ็ญเพียร ไม่ใช่หมูป่าทั่วไป

แต่จะว่าไปตอนเป็นหมูยังสามารถเข้าใจถ่องแท้ถึงกฎสวรรค์ได้ แล้วไยได้เป็นถึงมนุษย์แล้วสองจึงเชื่องช้าเยี่ยงนี้เล่า?

พระเจ้าหลวงทอดถอนใจแล้วเล่นกันต้าเป่าเอ้อร์เป่าต่อ

อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มแล้วมองลูกน้อยทั้งสอง สายตาหยุดที่ดวงตาที่โดดเด่นเหนือคนแล้วเม้มปากไม่พูด

ยามนี้นางรู้สึกปลื้มใจในไหวพริบของเซียวปี้เฉิง ที่สามารถทำหน้าพระเจ้าหลวงเชื่อว่านางมาจากไหน เพราะลูกสองคนนี้มีพลังจิตอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีความสามารถพิเศษด้านไหนเท่านั้น

หากพวกลูกเผลอแสดงความสามารถออกมา เพราะยังเด็กไม่รู้จักควบคุมตัวเอง เช่นนั้นผู้อื่นก็ไม่เห็นลูกๆเป็นปีศาจแล้ว

ยามพลบค่ำ พระเจ้าหลวงเสวยพระกายหารค่ำถึงยอมปล่อยลูกน้องทั้งสองลง แล้วเตรียมตัวกลับวัง

“นังหนูหลิง ใกล้จะถึงงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวังหลวงแล้ว และเป็นวันคล้ายวันประสูติของฮ่องเต้พอดี พอถึงวันงานเจ้าพาเด็กๆทั้งสองคนเข้าวังด้วย ให้เสด็จย่าดูพวกเขาหน่อย”

อวิ๋นหลิงยิ้มตอบ “เพคะ หม่อมฉันส่งพระองค์หน้าประตูจวนนะเพคะ”

“ไม่ต้องหรอก เจ้าดูแลลูกๆไปเถิด” พระเจ้าหลวงส่ายหน้า เอามือไพล่หลังแล้วเดินออกจากเรือนหลันชิงคนเดียว

เพราะคำเตือนของพระเจ้าหลวง อวิ๋นหลิงจึงนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงวันเกิดของจักรพรรดิจ้าวเหรินแล้ว

เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ต่างไปจากเดิม และตรงกับต้นเดือนสิบ ซึ่งถึงว่าปีนี้ค่อนข้างช้าพอสมควร ปกติวันไหว้พระจันทร์จะอยู่ในช่วงเดือนเก้า จะตรงกับเดือนสิบไม่กี่ครั้งในรอบหนึ่งร้อยปี พอดีที่ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของจักรพรรดิจ้าวเหรินพอดี งานเลี้ยงในวังจึงต้องอลังการยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

อวิ๋นหลิงคลอดลูกแฝดพระราชนัดดาแล้วก็ได้รับของรางวัลไม่ร้อย คลังเก็บเงินทองเต็มไปหมด ทว่านางยังคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าจะใช้ภาพวาดครอบครัวเป็นของขวัญวันเกิด ไม่คิดจะใช้เงินทองซื้อของขวัญให้จักรพรรดิจ้าวเหริน

นางเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เมื่อนึกได้ว่าจักรพรรดิจ้าวเหรินรักฮองเฮาเฟิงจนออกนอกหน้า สุดท้ายภาพวาดครอบครัวก็กลายเป็นภาพวาดเดี่ยว

เมื่อแสงโคมไฟดับในยามราตรี เซียวปี้เฉิงก็กลับจวนในที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ