บนกระดาษไขอันประณีตที่มีความสูงเกือบครึ่งตัวคน มีจักรพรรดิจาวเหรินอีกคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็น
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มสงบสุข ดวงตาเปล่งประกายแวววาว ราวกับกำลังจ้องมองทุกคนอยู่
“นี่ นี่เป็นภาพวาดอะไร”
จักรพรรดิจาวเหรินเผลอขยี้ตาตนเอง เป็นถึงฮ่องเต้ เขาก็ไม่อยากจะแสดงออกให้เห็นถึงท่าทีเหมือนไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่เขาก็อดไม่ได้จริงๆ
“เร็วเข้า รีบเอาขึ้นมาให้ข้าดูใกล้ๆอย่างละเอียด”
พระโอรสที่นั่งอยู่ด้านข้างหลังจากที่มองเพียงแวบเดียวแล้วก็รู้สึกตกตะลึง ก็รีบเก็บรอยยิ้มได้ใจของตนเองกลับไป ดวงตามองไปยังภาพวาดอย่างรู้สึกประหลาดใจ
ขุนนางพิธีการรีบนำภาพวาดขึ้นไปถวาย จักรพรรดิจาวเหรินรับไปด้วยท่าทีที่แทบจะอดใจรอไม่ไหว พินิจพิจารณาอย่างละเอียด
ดวงตาสวยงามของหวงกุ้ยเฟยเบิกกว้างเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงตกตะลึงว่า “นี่มันภาพวาดจริงๆหรือเพคะ”
เมื่อครู่ตอนที่มองเห็นแวบแรก จู่ๆก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินบนภาพวาด ทำเอานางสะดุ้งตกใจไปชั่วครู่
“ให้ข้าดูซิ ข้าก็อยากดู”
พระเจ้าหลวงร้อนใจจนทนไม่ไหวที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ว คว้ามุมหนึ่งของภาพวาดเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นนิ้วมือออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ กระทุ้งไปที่ใบหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินที่อยู่ในภาพวาด
เขามองจักรพรรดิจาวเหริน แล้วมองไปที่ภาพวาด แม้แต่ตำแหน่งริ้วรอยบนใบหน้าทั้งน้อยใหญ่ก็เหมือนกันแทบจะทุกเส้น
“เป็นเจ้าจริงๆด้วยเจ้าเก้า เหมือนกันอย่างกับแกะ”
พวกจักรพรรดิจาวเหรินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงและตื่นเต้น พูดจนเหล่าขุนนางทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างก็มีสีหน้า
อยากจะรู้ใจจะขาดแล้ว ต่างก็อยากจะดูว่าอวิ๋นหลิงถวายภาพวาดอะไร จึงได้ทำให้พวกเขาเผยสีหน้าเช่นนี้ออกมา
พระพันปีที่ดูสุขุมรักษาภาพพจน์ตลอดมาก็เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว นางมองไปทางอวิ๋นหลิงด้วยใบหน้าประหลาดใจ “พระชายาจิ้งอ๋อง เจ้าเป็นคนวาดจริงๆหรือ ทำได้อย่างไรกัน ทำไมจึงวาดได้เหมือนกับคนจริงๆเช่นนี้”
อวิ๋นหลิงได้คิดคำอธิบายได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงหันไปคำนับให้นางและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรียนพระพันปี ภาพนี้เรียกว่าภาพวาดดินสอ ใช้วิธีในการรวมเอาทักษะการวาดเส้นและสีน้ำเข้ามาไว้ร่วมกัน จึงทำให้เกิดผลเช่นเมื่อครู่นี้เพคะ”
“ทักษะการวาดอะไรนั่น ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
อวิ๋นหลิงอธิบายอย่างไม่รีบร้อนว่า “นี่เป็นทักษะการวาดที่อาจารย์ข้าสอนข้ามา เขาเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทุกสารทิศ บอกว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไปเรียนรู้มาจากทางตะวันตกเพคะ”
ในสายตาของคนที่ไม่รู้เรื่องอะไร พระชายาจิ้งอ๋องมีอาจารย์ที่หลีกเร้นจากทางโลกอยู่คนหนึ่ง ได้ยินมาว่าฝีมือทางการแพทย์ก็ได้รับการสั่งสอนจากอีกฝ่าย ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ บรรดาแขกที่อยู่ในงานเลี้ยงก็ไม่มีข้อสงสัยเลยแม้แต่น้อย
แต่จักรพรรดิจาวเหรินกลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ทักษะเซียน......นี่คือทักษะเซียน”
เมื่อเอ่ยถึงอาจารย์ของอวิ๋นหลิง คนแรกที่จักรพรรดิจาวเหรินคิดถึงก็คือเซียนคนนั้นที่เซียวปี้เฉิงเคยพูดถึง
กับคำพูดนี้ เมื่อก่อนเขาก็มีท่าทีว่าเชื่อแม้จะไม่เคยเห็นก็ตาม แต่ในส่วนลึกของจิตใจก็รู้สึกสงสัยในคำพูดนี้อยู่บ้าง
แต่หลังจากที่ได้เห็นภาพวาดนี้แล้ว จักรพรรดิจาวเหรินก็เชื่อสนิทใจ
พระเจ้าหลวงเองก็นึกถึงจุดนี้ขึ้นมาได้เป็นอันดับแรก แต่ไม่เหมือนกับจักรพรรดิจาวเหริน ทันใดนั้นเขาก็ทำหน้าบึ้งตึง มองอวิ๋นหลิงด้วยความโมโห
สายตานั้นกำลังบ่งบอกว่า มีของดีเช่นนี้ทำไมจึงไม่ทำให้เขาก่อนเป็นคนแรก
ในใจของพระเจ้าหลวงเกิดความอิจฉาขึ้นมา เห็นท่าทีตื่นเต้นของจักรพรรดิจาวเหรินก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายตา ทำหน้าขรึมลงพลางกระแอมไอ
“อะแฮ่ม”
จักรพรรดิจาวเหรินได้สติขึ้นมาทันที เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองเสียมารยาทไปบ้าง
เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆพระเจ้าหลวงจึงทำให้บึ้งตึงไม่พอใจ คิดแค่ว่าอีกฝ่ายกำลังเตือนเขาว่าต้องระวังเรื่องกิริยาบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...