พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 22

แม่นมเฉินสูดลมหายใจเข้า “โดนเฆี่ยนหนักขนาดนี้ น่าจะรักษาตัวอยู่ในจวนถึงจะถูก”

เซียวปี้เฉิงชะงักงัน “แผลนางยังไม่หายหรือ?”

“แผ่นหลังลายไปหมด ไม่ถึงเดือน แผลคงไม่หายดีแน่”

แม่นมเฉินเห็นแล้วก็ตื่นตระหนก รอยเฆี่ยนบนหลังอวิ๋นหลิงน่ากลัวมาก แผ่นหลังอันขาวนวลมีแต่รอยเลือดคั่ง แม้นจะกลายเป็นสะเก็ดแผลแล้วก็ยังคงดีออกว่าไม่เหลือส่วนที่ดีไว้เลย

แม่นมเฉินกล่าวเสียงเคร่งขรึม “ท่านอ๋ฮง แผลของพระชายาเกี่ยวข้องกับท่านใช่หรือไม่? รอเฆี่ยนปกติไม่น่าจะเป็นแผลร้ายแรงปานนี้ มีเพียงแส้ที่ทำขึ้นในจวนท่านที่ต่างจากที่อื่น”

เซียวปี้เฉิงตกตะลึง จึงฉุกคิดได้แล้วแส้ในจวนเป็นแส้ชนิดเดียวกับแส้ที่ใช้ลงทัณฑ์ทหารในค่าย

มีการประดับหนามบนแส้ด้วย ไม่จำเป็นต้องออกแรง แส้ฟาดเบาๆ ผู้ที่โดนเฆี่ยนก็เนื้อฉีกขาดได้แล้ว ใช้สำหรับบีบให้เชลยสารภาพกับลงโทษทหารแหกกฎ

แม้ในจวนจิ้งอ๋องจะมีแส้เช่นนี้ แต่ก็ไม่เคยใช้ลงโทษข้ารับใช้มาก่อน กอปรกับหลังเซียวปี้เฉิงตาบอด ก็ไม่ไปฝึกซ้อมทหารอีก จึงลืมเรื่องนี้ไปโดยปริยาย

ฉู่อวิ๋นหลิงคือคนแรกที่จวนจิ้งอ๋องลงโทษด้วยแส้อันนี้

เซียวปี้เฉิงหน้าซีดขาดเล็กน้อย “ช่วงนี้นางไม่เคยพูดถึงแผลบนหลังเลย ข้าคิดว่า...”

เขาคิดว่าแผลของนางไม่ร้ายแรง หาไม่แล้วไยจึงไม่บอกว่าเจ็บสักคำ

แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้ดีว่าคนที่โดนแส้นี้เฆี่ยนแล้วจะเป็นเช่นไร

“เจ็บหนักเพียงนี้ แต่พระชายายังไม่บอกสักคำ? ท่านอ๋อง พระชายาทำผิดอะไร เหตุใดจึงลงโทษหนักเยี่ยงนี้?”

แม่นมเฉินรีบไปหยิบยาสมานแผลชั้นดีมาทาให้อวิ๋นหลิงใหม่ นางเห็นเซียวปี้เฉิงตกใจ จึงถอนหายใจยาวๆ

ถึงแม้ชื่อเสียงของฉู่อวิ๋นหลิงจะไม่ค่อยดีนัก ทว่านางก็เป็นสตรี โดนลงโทษหนักเช่นนี้ นางก็อดสงสารไม่ได้

เซียวปี้เฉิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มขมขื่น “คืนแต่งงานนางปาของใส่อวี้จือ ข้าเห็นฝูกงกงอยู่ด้วย จึงสั่งให้ลงโทษนาง ลืมไปว่าเป็นแส้ทหาร”

ก้นบึ้งหัวใจของเซียวปี้เฉิงเผยความรู้สึกผิด เขาสั่งโบยนางยี่สิบครั้ง เพื่ออยากให้ฝูกงกงปิดเรื่องที่เยียนเอ๋อร์โดนปาของใส่หัว

ยามนี้เขาตระหนักได้ว่าเพราะความสะเพร่าของเขาทำให้ฉู่อวินหลิงต้องเจ็บตัวอย่างหนักเสียแล้ว

สิ่งที่ตลกที่สุดคือเขาคิดว่าฉู่อวิ๋นหลิงไม่เป็นอะไรมากนัก ใช้โสมหิมะน้ำค้างหยกมาชดใช้นาง คิดเองเออเองว่าถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยรักษาเยียนอ๋อง

แม่นมเฉินมองเซียวปี้เฉิงปราดหนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจ “ท่านอ๋อง บ่าวเห็นว่าตัวเองเป็นแม่นมท่านมาก่อน ขอบังอาจพูดอะไรหน่อย”

“แม่นมกับข้าไม่ใช่คนอื่นคนไกล มีอะไรก็พูดตรงๆได้เลย”

นอกจากเยียนอ๋องแล้ว คนในวังที่เขาสนิทที่สุดก็เห็นจะเป็นพระเจ้าหลวงกับแม่นมเฉินแล้ว

แม่นมเฉินทายาอย่างเบามือไปพลาง พูดเสียงขรึมไปพลาง “ตอนที่ตาท่านอ๋องยังดี สถานะคุณหนูรองฉู่ต่ำต้อย ท่านไม่อยากให้นางเป็นพระชายารอง จึงไม่ยอมแต่งงานเสียที อันนี้พอจะเข้าใจได้”

“แต่หลังจากที่ท่านตาบอด หากต้องการให้คุณหนูรองฉู่เป็นพระชายาจิ้งจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากนางอยากแต่งงานกับท่านอ๋องจริง คงกลายเป็นนายหญิงใหญ่ของจวนจิ้งอ๋องตั้งนานแล้ว ไยต้องยืดเวลาถึงตอนนี้ด้วย และยังเกิดเรื่องงานเลี้ยงคืนหยวนเซียวอีก”

สถานะของฉู่อวิ๋นหานแต่งกับท่านอ๋องแห่งเทพสงครามไม่ได้ ทว่าก็คู่ควรกับองค์ชายตาบอด

เซียวปี้เฉิงไม่พูดอะไรสักคำ

เขาไม่พูดไม่จา แม่นมเฉินจึงถามต่อไปว่า “ท่านอ๋องรังเกียจที่บ่าวพูดไม่เข้าหูหรือเพคะ?”

เซียวปี้เฉิงยิ้มหน้าเจื่อน “เปล่า แม่นมดูออกตั้งนานแล้ว ข้าเองที่เอาแต่หลอกตัวเองไม่เลิก”

สองปีมานี้ เขาก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของฉู่อวิ๋นหาน แต่เขายอมรับไม่ได้ ยิ่งกลัวการถูกทอดทิ้ง กลัวการโดนทรยศ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ