อวิ๋นหลิงยกนิ้วมานั่งนับวัน แต่ละวันที่ตื่นขึ้นมาต่างก็คาดหวังว่าศาลาพักม้าจะนำข่าวดีมาส่ง
เรื่องในหมู่บ้านน้ำพุร้อนก็คลี่คลายไปบ้างแล้ว จึงได้ส่งกำลังคนกลุ่มใหญ่ในป่าไผ่ออกไปจัดการอย่างเร่งด่วน ยากนักกว่าเซียวปี้เฉิงจะได้มีเวลาพักหายใจ ทั้งวันจึงได้เอาแต่ขลุกอยู่กับอวิ๋นหลิง
อดทนไม่กินเนื้อมาได้หลายปี พอได้ลิ้มรสก็ไม่อาจที่จะปล่อยวางได้
อวิ๋นหลิงรู้สึกได้ว่าเซียวปี้เฉิงนั้นคล้ายสุนัขตัวใหญ่ขี้อ้อนที่ติดเจ้าของ ในยามปกติจะทั้งเชื่อฟังและว่านอนสอนง่าย แต่หมู่นี้ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณดิบจะถูกปลุกขึ้นแล้วอย่างไรอย่างนั้น พอตกกลางคืนทีไรเขาเผยให้เห็นความเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ไม่อาจซุกซ่อนไว้ได้
พอกลางคืนย่างกรายมาถึง ดวงตาของเซียวปี้เฉิงก็จะเปลี่ยนเป็นร้อนแรงแกมตั้งตารอ พร้อมมองมาที่นางตาปริบๆ
“ภรรยา คืนนี้จะร่ำเรียนหรือไม่?”
ทั้งคู่ส่งสัญญาณลับกันได้ลื่นไหลนัก กระทั่งสามารถเอ่ยปากต่อหน้าลู่ฉีและคนอื่นๆได้อย่างหน้าตาเฉย
อวิ๋นหลิงพยักหน้าอย่างใจเย็น "ลองปฏิบัติตามหลักการที่ได้ที่ศึกษาไปคราวก่อนเสียหน่อย"
ลู่ฉีที่อยู่ด้านข้างแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่กลับรู้สึกว่าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ รู้สึกได้เพียงว่าท่านอ๋องและพระชายาช่างลำบากยิ่งนัก
"ใต้เท้าเฉียว พักนี้ท่านอ๋องและพระชายาปรึกษากันเรื่องแบบร่างรถศึกจึงจำต้องศึกษาร่ำเรียนเพิ่ม ช่างไม่ง่ายเลยจริงๆ จะต้องให้ห้องครัวเพิ่มอาหารขึ้นอีกหน่อย มิใช่ว่าทางวังพระราชทานขาหมูรมควันและเนื้อตากแห้งสำหรับข้ามผ่านฤดูหนาวมาหรอกหรือ?"
ระยะนี้การฝึกในค่ายทหารได้เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆจนพวกเขาผอมโซกันหมด แต่หากห้องครัวสามารถปรุงอาหารที่ดีได้ พวกเขาเองก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ได้
เฉียวเย่มองไปยังลู่ฉีอย่างแฝงความนัย "ท่านอ๋องควรจะได้เนื้อเพิ่มมากกว่านี้"
คนที่สามารถรับใช้ข้างกายจิ้งอ๋องได้มีไม่มากนัก หากเป็นคนอื่นๆในจวนก็คงไม่อาจสังเกตเห็นอะไรได้ แต่ในฐานะคนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุดของจิ้งอ๋อง เขาไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างลู่ฉี
จิ้งอ๋องไหนเลยจะมีท่าทีเช่นคนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน เพียงแค่มองท่าทีที่สดชื่นและกระฉับกระเฉงของเขาในทุกวัน ก็คงเดาได้ว่าไม่ได้มีเรื่องเช่นนั้นอย่างสิ้นเชิง
แต่เฉียวเย่เองก็ไม่ได้เปิดเผย กลับยังช่วยพวกเขาทั้งสองปกปิดอย่างเงียบเชียบ เพื่อไม่ให้เจ้าเด็กโง่ทะเล่อทะล่ามาทำลายเรื่องดีของผู้อื่น
...
เมื่อไม่มีเด็กๆมารบกวน จึงได้มีเวลาปรนนิบัติกันตามลำพังอยู่พักหนึ่ง
อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะลอบชื่นชมยินดีที่นางพัฒนายาคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่เนิ่นๆ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าในเดือนหน้านางอาจตรวจพบครรภ์ที่สองก็เป็นได้
ระยะนี้นางเองก็ไม่ได้มีเรื่องใด ยามกลางวันก็อยู่ในจวนอ๋องเพื่อวาดรูปดินสอ ส่วนในยามกลางคืนก็ศึกษาทักษะการใช้รถกับเซียวปี้เฉิง ยากนักกว่าจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายเช่นนี้ได้
นอกจากภาพถ่ายการแต่งงานของฉู่อวิ๋นเจ๋อและเวินหวยหยูแล้ว ภาพวาดงานวันเกิดของพระเจ้าหลวง อวิ๋นหลิงเองก็ไม่ได้ลืม ในครานี้อวิ๋นหลิงตั้งอกตั้งใจวาดอย่างมากซึ่งแตกต่างจากการทำพอเป็นพิธีของจักรพรรดิจาวเหริน
คราวนี้เพื่อฝึกฝนฝีมือ นางจึงวาดรูปคนในจวนไม่น้อย
เทียบกับคราวก่อนใช้สีขาวดำที่ซ้ำซากจำเจ ดินสอที่ใช้ในยามนี้มีสีสันสดใสหลากหลายกว่ามาก อวิ๋นหลิงความคิดพรั่งพรูและวาดภาพคนสี่คนตามความทรงจำในชาติที่แล้ว
สี่สาวบนกระดาษมีสีหน้ารอยยิ้มที่แตกต่างกัน และความชีวิตชีวาที่เปล่งประกายแตกต่างกันภายใต้สีสันที่สดใส ประกายความคิดก็แวบขึ้นมาในแววตาของอวิ๋นหลิง
เซียวปี้เฉิงเพ่งมองบนรูปวาด ทั้งทรงผมและการแต่งกายของคนทั้งสี่ต่างก็ดูแปลกตาอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...