อวิ๋นหลิงถือโอกาสตอนที่คนอื่นมองพยัคฆ์ขาวด้วยความตื่นตระหนก รีบคลี่จดหมายในมือออก ก่อนจะอ่านอย่างเร็วไว
“น้องหลิง เจ้าแมวตัวใหญ่ตัวนี้ ฉันเจอตอนที่ราชวงศ์เป่ยฉินไปล่าสัตว์ เจ้าตัวนี้ไปแย่งเมียกับตัวอื่น เลยบาดเจ็บสาหัส ฉันเลยเอามันกลับไปรักษา ตอนนั้นมันเอาแต่ร้องไห้ ท่าทางน่าสงสารมาก ฉันเลยตั้งชื่อมันว่า เจ้าเสือขี้แย”
เพราะความช่ำชองพลังจิตเฉพาะทางของหลิวฉิง นางจึงต้องคลุกคลีกับสัตว์เป็นประจำอยู่แล้ว แม้นรูปลักษณ์ของนางจะดูเหมือนมือสังหารตัวยง ทว่านางเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาสูง
ไม่เพียงแต่ไปช่วยสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสมัครใจ ทั้งยังบริจาคทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือสัตว์เร่ร่อนเป็นประจำด้วย
ทว่าพี่ใหญ่มักจะไม่ชอบใจที่หลิวฉิงชอบเก็บสัตว์บาดเจ็บกลับมา ถ้าช่วยแค่พวกแมวหรือสุนัขกลับมาก็ไม่เป็นไร แต่นี่คือมีการช่วยค้างคาว งูพิษ ด้วย ซึ่งก็ยังพอจะรับได้เล็กน้อย แต่ที่ร้ายแรงกว่าก็คือช่วยอึ่งอ่างกับพวกตัวหนอนกลับมาด้วยสิ
มีครั้งนี้ หนอนที่ช่วยกลับมาไต่เข้าไปในแก้วน้ำของพี่ใหญ่ อวิ๋นหลิงจำได้ว่าตอนนั้นจากที่พี่ใหญ่เป็นคนสุขุมดุจเทพธิดา แต่กลายเป็นนางมารร้ายในชั่วพริบตา
เกิดปากเสียงอันหนักหน่วงในคอนโดเล็ก ๆ ขององค์กร เมื่อหลิวฉิงเห็นใบหน้าอันดุร้ายของพี่ใหญ่ สุดท้ายก็ยอมประนีประนอม ไปเช่นห้องเลี้ยงสัตว์ผู้น่าสงสารที่นางเก็บกลับมา
แต่สำหรับอวิ๋นหลิงแล้ว นางเข้าใจและสนับสนุนการกระทำของหลิวฉิง ขอแค่ไม่เลี้ยงยุ่งกับแมลงสาบในบ้านก็พอ
‘ฉันใช้หินอุกกาบาตฟื้นฟูพลังจิตได้บ้างแล้ว ถึงแม้ยังอ่อนแอมาก แต่ก็พอจะบังคับสัตว์ได้ ฉันหาวิธีประทับรอยพลังจิตลงในสมองเจ้าเสือขี้แย รอยประทับอันนี้จะทำให้เธอบังคับมันได้’
‘พวกเราเป็นพี่น้องกันหลายปีแล้ว ฉันไม่พูดไร้สาระในจดหมายแล้ว วิธีการสื่อสารและการสั่งการยังคงเป็นวิธีที่ฉันเคยสอนพวกเธอ ผัวเธอกับลูกเธอมีพลังจิต ถึงจะไม่เคยผ่านการฝึกฝนอย่างจริงจัง แต่ถ้าทำตามที่ฉันเคยสอน พวกเขาก็ออกคำสั่งง่ายๆกับเจ้าเสือขี้แยได้’
‘แล้วก็มันกินจุและถ่ายเก่งมาก แล้วยังไร้น้ำยาอีกด้วย ถึงมันจะเป็นสัตว์มงคล แต่เธอก็อย่าหวังว่ามันจะเก่งเท่าสัตว์ที่พวกเราเคยเลี้ยงในองค์กรเลย’
‘คนโบราณเคร่งครัดกับความเชื่อและงมงายมาก พวกเขาเห็นเจ้าเสือขี้แยก็เอาแต่เรียกว่าสัตว์เทวะ เธอรู้ไหม ตอนที่คนรอบข้างเห็นเจ้าเสือขี้แยเชื่อฟังฉัน ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย ได้ยินว่าชาวต้าโจวเชื่อว่าเสือขาวเป็นสัญลักษณ์ของเทพสงคราม ฉันเลยมอบเจ้าเสือขี้แยให้เธอโดยเฉพาะ ประเด็นสำคัญคือจะให้เอาไปประดับบารมีเฉยๆ’
‘ถึงมันจะสู้ไม่เก่ง แต่แสดงท่าทางดุร้ายใช้ได้เลย’
......
เมื่ออวิ๋นหลิงอ่านเนื้อหาในจดหมายจบก็เพ่งสายตาไปยังเจ้าเสือขี้แย
เจ้าเสือขี้แยมาต่างถิ่น ยังไม่คุ้นชิน จึงแสดงท่าทางระแวดระวังและดุร้ายยิ่ง ร่างกายอันใหญ่โตและขนอันสวยงาม แลดูสง่างามยิ่ง ไม่เหมือนตัวไร้น้ำยาอย่างที่หลิวฉิงบอกในจดหมายเลย
“โฮกๆ”
อาจเป็นเพราะเจ้าเสือขี้แยตกใจกับการตื่นเต้นของคนในท้องพระโรง จึงแสดงท่าทางเชิงศัตรูและท่าทางจู่โจมโดยการคำรามและยกกรงเล็บขึ้น
“โอ๊ย”
หรงฉานตกใจกลัวแล้วไปหลบอยู่ด้านหลัง เอามือลูบหัวอกด้วยความหวาดกลัว สีหน้าตึงเครียดยิ่ง
“ไยพระสนมฟงต้องมอบสัตว์เทวะตัวนี้ให้พี่อวิ๋นหลิงด้วยน่ะ?”
ถึงแม้ไม่ค่อยมีโอกาสเห็นสัตว์เทวะ แต่เอาสัตว์ดุร้ายเป็นของขวัญครบรอบวันเกิดหนึ่งร้อยวันของเด็ก ๆ ถือว่าแปลกมาก
สายตาของทุกคน นอกเสียจากจะมีความตื่นเต้นและเลื่อมใสแล้ว ยังมีความตึงเครียดและหวาดกลัวตามสัญชาตญาณอีกด้วย กลัวว่าพยัคฆ์ร้ายจะหลุดออกมาจากกรง
อวิ๋นหลิงวางจดหมายลง ตามเหมือนชาติที่แล้ว ใช้พลังจิตสัมผัสรอยประทับบนกายเจ้าเสือขี้แย
วินาทีต่อมา เมื่อเจ้าเสือขี้แยสัมผัสพลังอันคุ้นชินก็ชะงักงัน จากนั้นก็ยิ่งจับเขย่ากรงเหล็กด้วยความตื่นเต้นกว่าเดิม
“โฮกๆๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...