สือจิ่วได้ยินแล้วก็ได้แต่นิ่งอึ้ง คนที่องค์หญิงเก้าพูดถึงนั้น เป็นพี่สาวสมองเสื่อมที่เอาแต่ร้องไห้โวยวายจริงๆหรือ
“นางยังคงก่อเรื่องเดือดร้อนได้เหมือนเดิม”
ความกังวลที่อยู่ในใจของอวิ๋นหลังค่อยๆคลายลง น้องเล็กยังคงมีอารมณ์ก่อเรื่อง แสดงว่าสำหรับนางแล้วสถานการณ์ไม่ยากเกินการควบคุม
ตี้หวู่เหยาแลบลิ้นออกมา “พี่สะใภ้เป็นคนที่มีนิสัยไม่กลัวฟ้ากลัวดิน นางเคยบอกว่าบนโลกใบนี้สิ่งที่จะทำให้นางกลัว มีเพียงศิษย์พี่ของนางทั้งสามคนเท่านั้น โดยเฉพาะพระชายา”
เมื่อพูดจบ นางก็อดไม่ได้ที่จะแอบวิเคราะห์อวิ๋นหลิงแวบหนึ่ง
ชวีเสวียนจีเคยบอกว่า ศิษย์พี่สามของนางดูแล้วเหมือนแพทย์ทหารที่ไม่ได้ดูน่าเกรงขามแต่อย่างใด หน้าตาสวยงามอีกทั้งยังมีนิสัยดี แท้จริงแล้วเชี่ยวชาญด้านพิษ ปัจจัยอันตรายสูงมาก
นางไม่เคยสร้างเรื่องเดือดร้อนต่อหน้าฝ่ายตรงข้าม ไม่เช่นนั้นแม้แต่ตายอย่างไรก็ไม่มีทางรู้จริงๆ
อวิ๋นหลิงส่ายหน้าในใจ หลงเย่ฉลาดแทบจะใกล้เคียงกับปีศาจ น้องเล็กที่มีสติปัญญาติดลบไม่มีทางสู้ได้เลย หลิวฉิงแต่ไหนแต่ไรไม่พูดมากแต่ลงมือทำเลย เวลาที่น้องเล็กก่อปัญหา จะถูกนางสั่งสอนอย่างเจ็บปวด
ตอนนี้พวกนางต่างก็ไม่ได้อยู่ข้างกายน้องเล็ก คาดว่านางตัวดีคงจะกลายเป็นปีศาจที่สิงอยู่ในร่างมนุษย์ไปแล้ว
“ตอนนี้เสวียนจีไม่มีคนคอยควบคุม ต้องลำบากพี่ชายรัชทายาทและราชครูของเจ้าแล้ว รบกวนพวกเขาให้อภัยนางด้วย”
อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเป็นเหมือนแม่คนหนึ่ง จำเป็นต้องหน้าด้านหน้าทนในการวิงวอนขอร้องเพื่อนบ้าน ตอนที่ตนเองไม่อยู่สามารถช่วยดูแลลูกๆในบ้านของนางได้
ตี้หวู่เหยาพยักหน้า “พระชายาโปรดวางใจ พี่สะใภ้มีนิสัยไม่ยอมเสียเปรียบ ถ้าหากจะบอกว่ามีอะไรที่น่าเป็นห่วง ก็คงจะเป็นหลังจากที่นางกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว มักจะชอบนอนกว่าคนปกติ เวลาส่วนมากในแต่ละวันจะใช้ไปกับการนอน”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า หากวิเคราะห์จากอาการที่เกิดขึ้น อีกฝ่ายน่าจะกระตุ้นพลังจิตขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกคนต่างก็มีอาการไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่มีพลังจิต หลังจากที่ตื่นขึ้นมา จะรู้สึกต้องการการนอนหลับน้อยลง
เช่นนางกับเซียวปี้เฉิง ตอนนี้แค่นอนวันละสี่ห้าชั่วโมงก็สามารถเติมเต็มพลังจิตได้แล้ว
แต่บางทีอาจเป็นเพราะการมีสมองใหญ่มาก น้องเล็กจึงต้องการการนอนหลับพักผ่อนที่มากกว่าคนปกติ ชาติที่แล้วนางต้องนอนอย่างน้อยวันละสิบสี่ชั่วโมง
ด้วยเหตุนี้อวิ๋นหลิงเคยคิดค้นยามากมายเพื่อควบคุมอาการนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถควบคุมเวลานอนของน้องเล็กให้อยู่ประมาณแปดชั่วโมงได้
“นี่เป็นปัญหาเก่าของนาง รออีกสองสามวันข้าจะทำยาเม็ดให้ สามารถแก้ไขอาการของนางให้ดีขึ้น”
การพูดคุยเข้าสู่หัวข้อที่จริงจัง ตี้หวู่เหยาจ้องมองสือจิ่วด้วยสีหน้าซับซ้อน “ชวียวี่เหิง อีกครึ่งเดือนข้าจะเดินทางกลับแคว้นตงฉู่ เจ้าก็กลับไปพร้อมกับข้าเถอะ”
เรื่องแต่งงานที่ถูกกำหนดเอาไว้ ก็ให้ดำเนินไปตามขั้นตอนต่อไป ต้องกลับไปรอกำหนดวันแต่งงานที่แคว้นตงฉู่
ถึงเวลาเยี่ยนอ๋องจะพาขบวนไปรับเจ้าสาวที่เมืองหลวงของแคว้นตงฉู่ด้วยตนเอง หลังจากที่แต่งงานแล้ว ตี้หวู่เหยาจะติดตามเยี่ยนอ๋องกลับไปที่แคว้นต้าโจว
การทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการแสดงความจริงใจของราชวงศ์แห่งแคว้นต้าโจวอย่างเต็มที่ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ตี้หวู่เหยาพยักหน้ายอมรับในที่สุด
แต่เมื่อเซียวปี้เฉิงได้ยินแล้ว กลับขมวดคิ้วเอ่ยปฏิเสธว่า “ไม่เหมาะสม”
เมื่อพูดจบ ทุกคนต่างก็มองไปที่เขา
“ก่อนที่คดีของสือจิ่วยังหาหลักฐานที่หนักแน่นไม่ได้ จู่ๆเจ้าจะพาเขากลับไปเช่นนี้มีแต่จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้คนเหล่านั้นกลัว”
เซียวปี้เฉิงมองพวกเขา แยกแยะให้ฟังอย่างไม่รีบร้อน
“องค์หญิงเก้าคงไม่รู้ แม้การซื้อขายทาสจะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าอยากจะขายทาสต่อไปยังแคว้นอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย ระหว่างนั้นมีด่านมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นต้องให้กรมคลังดำเนินการ และต้องใช้หนังสือผ่านด่านเหมือนกัน”
มันเกี่ยวพันไปถึงกฎหมายการค้าและกฎข้อบังคับของแคว้นต่างๆ เซียวปี้เฉิงรู้เรื่องเหล่านี้ดีที่สุด แต่อวิ๋นหลิงกับตี้หวู่เหยาไม่เคยคลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มาก่อน
หลังจากนั้น นางก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างกระดากอาย กดเสียงต่ำลงเล็กน้อย
“เกี่ยวกับปืนคาบศิลา อย่างไรเสียต้องให้พวกท่านเข้าไปคุยรายละเอียดกันในวัง อ้ายเต๋อหัวได้รอมาหลายวันแล้ว......ก่อนหน้านี้ต้องเสียเวลาเพราะความเอาแต่ใจของข้ามานาน ขอพระชายาอย่าได้ใส่ใจเลยนะเพคะ”
อวิ๋นหลิงยิ้มจางๆพลางพยักหน้า “ไม่กี่วันข้ากับท่านอ๋องจะเข้าวัง”
สองสามีภรรยาส่งตี้หวู่เหยาไปที่หน้าประตูจวน กลับพบว่าสีหน้าของเยี่ยนอ๋องกับตี้หวู่เหยาต่างก็ดูแปลกๆอยู่บ้าง
รอให้รถม้าจากไปแล้ว อวิ๋นหลิงก็กระซิบกับเซียวปี้เฉิงว่า “ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าบรรยากาศระหว่างองค์หญิงกับอวี้จือมันดูแปลกๆ”
เซียวปี้เฉิงก็สังเกตเห็น ทั้งสองคนตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีการสบกันเลย ราวกับกำลังจงใจหลบเลี่ยงสายตาของกันและกัน
เขาเอ่ยอย่างไม่แน่ใจว่า “อาจเป็นเพราะว่าเพิ่งจะมีการกำหนดเรื่องการแต่งงาน จึงรู้สึกอายกระมัง”
อวิ๋นหลิงทำท่าจุ๊ปาก “ตอนที่นางพุ่งตรงมาหาท่านเพื่อให้ท่านรับผิดชอบ ไม่เห็นจะมีอาการอายเลยสักนิด”
ทั้งๆที่หาตัวผู้มีพระคุณพบแล้ว แต่ดูแล้วองค์หญิงเก้ากลับไม่มีทีท่าดีใจเหมือนที่คิดเอาไว้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายรับปากแล้ว ก็เท่ากับว่ายอมรับเรื่องการแต่งงานกับเยี่ยนอ๋อง อวิ๋นหลิงไม่ได้สืบหาความจริงอะไรอีก
เซียวปี้เฉิงโอบเอวของนางเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาพลางพูดว่า “เรื่องนี้มันสิ้นสุดลงแล้ว เจ้ายังหึงไม่เลิกอีกหรือ จะถึงปีใหม่แล้ว ขึ้นหนึ่งค่ำเดือนหนึ่งก็เป็นวันเกิดของเสด็จปู่ แบบรถรบของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
อวิ๋นหลิงซบลงที่อ้อมอกของเขา “ทำเสร็จตั้งนานแล้ว รอเวลาที่จะทำให้ตาเฒ่าดีใจ”
ตอนที่มีเวลาว่างก่อนหน้านี้ นางยังหาเวลาทำเค้กครีมด้วย
ด้วยเงื่อนไขอันยากลำบากในตอนนี้ทำให้ยังไม่สามารถรองรับการทำครีมได้ แต่ว่าเมอแร็งก์ที่ทำขึ้นจากการตีไข่ขาวและน้ำตาลให้ขึ้นฟูนั้นพอจะใช้ทดแทนกันได้
เมื่อทานคู่กับเค้กที่อบออกมาได้นุ่มฟู พระเจ้าหลวงน่าจะชื่นชอบมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...