อวิ๋นหลิงเข้าใจความคิดของนาง จึงได้จับมือพระชายาเสียนอ๋องไว้เบา ๆ น้ำเสียงอ่อนลง
“อาชิ่น อย่าเพิ่งท้อแท้นัก แม้เจ้าจะไม่ใช่ข้า แต่ก็สามารถทำตามความประสงค์ได้เช่นกัน ไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากยังไง เราก็ต้องต่อสู้ อย่าเป็นคนงอมืองอเท้า”
อาจมีคนมากมายที่ล้างผลาญต้นทุนชีวิตจนแทบไม่เหลืออะไร แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่สร้างต้นทุนขึ้นด้วยสองมือตัวเอง
“เจ้าพูดก็ถูก ชีวิตอยู่ในกำมือเรา แต่ความสามารถของข้ามีอยู่น้อยนิด ไม่อาจปกป้องสิ่งที่อยู่นอกกายตัวเอง จะโทษใครก็ไม่ได้” พระชายาเสียนอ๋องแววตาหม่นหมอง เจือด้วยความรู้สึกอันสับสน “ขอบใจที่มาปลอบใจข้า แต่ก็ไม่ต้องห่วงนัก เพราะทุกอย่างนี้ข้ายังพอรับไหวอยู่”
แม้จะเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่พระชายาเสียนอ๋องก็ยังส่งยิ้มอ่อนโยนให้แก่อวิ๋นหลิง พร้อมกับตบหลังมือนางเบา ๆ
“แม้ข้าอาจจะเป็นทุกข์บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นหมดอาลัยตายอยาก หรือแม้กระทั่งคิดสั้น”
“ปกติเจ้ามีงานยุ่งอยู่แล้ว ยังไม่ได้อยู่ฉลองปีใหม่กับปี้เฉิงและลูก ๆ เพราะเรื่องของข้าอีก แค่นี้ข้าก็เกรงใจมากแล้ว เจ้าอย่าได้เป็นห่วงแทนอีกเลย”
อวิ๋นหลิงรู้สึกสะเทือนใจนัก พระชายาเสียนอ๋องดูเหมือนจะใจกว้างกว่าที่นางคิดไว้
สองวันนี้นางถูกซึมเซาก็จริง แต่ไม่นานก็เข้มแข็งขึ้น อีกทั้งไม่ได้ร่ำไห้คร่ำครวญ ไม่ได้ตีอกชกตัวแต่อย่างใด
อวิ๋นหลิงจึงได้ประจักษ์ชัด ว่าหญิงผู้นี้มีความเข้มแข็งซ่อนอยู่ในเปลือกนอกที่ดูเรียบง่าย ทำให้นางอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้
อวิ๋นหลิงค่อยคลายความกังวลลงบ้าง พลางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “คนที่ลำบากคือเจ้าแท้ ๆ ทำไมกลับมาปลอบใจข้าแทนซะล่ะ”
“ต่อให้ฟ้าถล่มลงมา ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป เทียบกับคนอื่นแล้ว ความทุกข์ของข้าถือว่าเล็กน้อยเต็มที ซ้ำยังเป็นที่อิจฉาของคนอีกมากด้วยซ้ำ”
พระชายาเสียนอ๋องคิดลุกขึ้นนั่ง อวิ๋นหลินจึงรีบหยิบหมอนสอดไว้ที่ด้านหลังของนาง พร้อมกับรินน้ำชาอุ่นให้ถ้วยหนึ่ง
“เจ้าก็ช่างพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่”
พระชายาเสียนอ๋องรับชาอุ่นจากมืออวิ๋นหลิง ค่อย ๆ จิบไปครึ่งถ้วยใหญ่ สีหน้าดูผ่อนคลายลงมาก
“พอใจในสิ่งที่มี เพราะข้าไม่เก่งเหมือนเจ้า จึงต้องคิดเช่นนี้ คนเราถ้าโลภโมโทสัน รังแต่จะยิ่งสูญเสียมากกว่า ด้วยฐานะอย่างข้า ได้แต่งงานกับฉางซวี่ก็ถือเป็นวาสนาแล้ว สมัยก่อนถ้าไม่เพราะข้าขี่ม้าผ่านจนบังเอิญได้ช่วยเขาเข้า...”
เรื่องราวเกี่ยวกับเสียนอ๋องและชายานั้น อวิ๋นหลินเคยได้ยินหรงฉานเล่าให้ฟัง
ว่ากันว่าในอดีต เสียนอ๋องเป็นคนค่อนข้างโง่เขลา เดินอยู่ข้างนอกถูกลูกหลานยโสโอหังของตระกูลเฟิงข่มเหง เสิ่นชิ่นในฐานะธิดารองผู้บังคับการแห่งพลเดินเท้าขี่ม้าผ่าน ได้เห็นเหตุการณ์เข้ากับตา
ในเวลานั้นเสิ่นชิ่นไม่รู้ฐานะของเสียนอ๋อง คิดแต่ว่าลูกหลานตระกูลเฟิงเที่ยวรังแกชาวบ้านอีกแล้ว
นางในฐานะลูกของทหาร สมัยก่อนมีนิสัยถือคุณธรรม แต่ก็ไม่กล้ามีเรื่องกับตระกูลเฟิง จึงใช้ไหวพริบขี่ม้าเร็วรี่พร้อมจับตัวเสียนอ๋องขึ้นหลังม้า ก่อนที่ใครจะตั้งตัวทัน นางก็รีบหนีไปไกลแล้ว
หลังจากนั้นเสียนอ๋องต้องการตอบแทนบุญคุณ และเสิ่นชิ่นก็ไม่รังเกียจที่เขาดูโง่เขลา เห็นแต่หน้าตาหล่อเหลาสำอาง จึงกล่าวล้อเล่นว่าให้เขามาพลีกายตอบแทนให้นาง
ที่ไหนได้ผ่านไปไม่กี่วัน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาสู่ขอที่บ้านจริง ๆ และนางก็เพิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยไว้ก็คือเสียนอ๋องผู้ถูกร่ำลือว่าโง่เขลายิ่งนัก
“ตอนนั้นข้ายืนตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เขากลับยืนกรานต่อหน้าผู้คน ว่ายอมพลีกายเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ข้าได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ทำเอาข้าอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี”
พอเอ่ยถึงเรื่องในอดีต พระชายาเสียนอ๋องก็ยิ้มเบา ๆ แววตาดูมีความสดใสขึ้น
นางนั่งพิงที่หัวเตียง ปล่อยผมสยายเต็มลงมา ส่อให้เห็นใบหน้าอันซีดเซียว ยังมีความอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตากลับเปล่งประกายสว่าง
แทบไม่อยากคิดเลยว่าหญิงที่ดูสำรวมเช่นนี้ ก่อนนางจะแต่งงานเคยเป็นเด็กสาวที่ห้าวหาญบนหลังม้ามาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...