"โม่เอ๋อร์"
เหลียเฟยโผไปซบที่ข้างเตียงองค์ชายห้าพลางร้องไห้อย่างหนัก น้ำตาไหลพราก จนเครื่องประทินโฉมที่แต่งไว้ตอนอยู่ในงานเลี้ยงเปรอะเปื้อนเสียหมด
"นังผู้หญิงแพศยาที่เลวร้าย ถึงขนาดทำกับลูกข้าเช่นนี้ได้!"
ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แท้ ๆ เหลียงเฟยยังกล้าใช้คำผรุสวาทต่อสกุลเฟิงและเฟิงจิ่งเหวย แสดงว่าได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากโอษฐ์ของฮ่องเต้จาวเหรินแล้ว
ฮ่องเต้จาวเหรินพระพักตร์เคร่งเครียดซักถามอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้รู้ว่าฤทธิ์ยาในตัวองค์ชายห้าได้หมดสิ้นไปแล้ว พระพักตร์ค่อยคลายความตึงเครียดบ้าง
ทรงมองหน้าจื่อเถา รับสั่งอย่างลังเลว่า "เจ้าก็คือคนที่ชื่อเถา...เถา...ต้าเถ้าาจื่อหรือ?"
อวิ๋นหลิงรีบทูลตอบว่า "นางเป็นสาวใช้ของหม่อมฉันชื่อว่าจื่อเถา"
จื่อเถารีบคุกเข่าโดยพลัน "หม่อมฉันจื่อเถา ถวายบังคมฝ่าบาทและพระสนมเหลียงเฟย ขอฝ่าบาททรงพระเจริญยิ่งยืนนานหมื่น ๆ ปีเพคะ"
"ลุกขึ้นเถอะ คืนนี้เพราะเจ้ามีไหวพริบ มีส่งข่าวทันเวลา ถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่ แล้วข้าจะมีรางวัลให้อย่างงาม"
ฮ่องเต้จาวเหรินพอจะจำจื่อเถาได้บ้าง สมัยก่อนตอนที่เรื่องของเฟิงจิ่งเฉิงถูกเปิดโปงนั้น ก็เพราะเด็กคนนี้ที่ไปตีกลองร้องทุกข์อยู่หน้าประตูเมือง แม้จะถูกโบยยี่สิบทีก็ยังจะไปท้องพระโรงเพื่อเปิดโปงความชั่วของเฟิงจิ่งเฉิง
แม้จะเป็นเพียงลูกชาวบ้านธรรมดา แต่ความเข้มแข็งนั้นไม่ด้อยกว่าใครเลย
ฮ่องเต้จาวเหรินทรงรู้สึกชื่นชมนางไม่น้อย แต่กลับรับสั่งไปอีกเรื่องหนึ่งแทน
"เรื่องในคืนนี้ที่เกี่ยวข้องกับองค์ชายห้า เจ้าต้องหุบปากให้สนิท อย่าได้แพร่งพรายให้ใครรู้"
จื่อเถาย่อมเข้าใจในความหมายอยู่แล้ว รีบพยักหน้าด้วยความหวั่นเกรง "หม่อมฉันรับทราบเพคะ"
ทันใดนั้น องค์ชายห้าซึ่งนอนอยู่บนเตียงก็ถูกเสียงคร่ำครวญของเหลียงเฟยรบกวนจนตื่น ขมวดคิ้วเบา ๆ พร้อมกับลืมตามขึ้น
หน้าผากยังเจ็บอยู่มาก แต่ร่างกายไม่ค่อยทรมานเหมือนเก่า สมองก็คล้ายจะโปร่งโล่งขึ้นเยอะ
เหลียงเฟยมองดูเขาพร้อมกับน้ำตา "โม่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
"เสด็จแม่..."
องค์ชายห้านวดขมับเบา ๆ มองดูอีกครั้ง ถึงพบว่าอวิ๋นหลิงกับจิ้งอ๋อง และแม้แต่ฮ่องเต้จาวเหรินก็เสด็จมาด้วย
ฮ่องเต้จาวเหรินเสด็จไปเข้าใกล้ สีพระพักตร์ลังเลเล็กน้อย "เจ้าห้าเอ๊ย เรื่องคืนนี้ข้ารู้หมดแล้ว เจ้า...แล้วร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
องค์ชายห้าเกิดอาการตัวแข็งเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าความลับที่เก็บงำมาหลายปี ในที่สุดก็เหมือนกระดาษที่ห่อไฟไม่อยู่
สีหน้าเขาดูซีดเผือดพร้อมกับเม้มปาก ได้แต่บอกเล่าต้นสายปลายเหตุออกมา
"เรื่องราวเป็นเช่นนี้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา กระหม่อมก็ยากจะอยู่ใกล้ชิดหรือสัมผัสหญิงใดได้อีก" องค์ชายห้าสีหน้าขมขื่นนัก "กระหม่อมเคยพยายามหักห้ามความหวาดกลัวชนิดนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จซักครั้ง"
และกลัวว่าพระสนมเหลียงเฟยจะเป็นห่วง หลายปีมานี้จึงได้ปิดเงียบอยู่คนเดียว
ส่วนการสร้างภาพให้คนนอกเห็นว่ามักจะไปเที่ยวสำเริงสำราญนั้น ประการแรกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเฟิงฮองเฮาจะได้อยู่อย่างสงบ ประการที่สองก็เพื่อหวังปิดปมด้อยของตัวเอง
เหลียงเฟยเป็นพระมารดาแท้ ๆ ของเขา ไม่เห็นว่ามีความผิดปกติใด ๆ จึงไม่คิดว่าผิดสังเกต
จื่อเถายืนฟังอยู่ในซอกมุมเล็ก ๆ แววตาสั่นไหว เหลือบมององค์ชายห้าครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดความรู้สึกเห็นใจคล้ายกับคนหัวอกเดียวกัน
ประสบการณ์ขององค์ชายห้าช่างคล้ายกับนางนัก...
"โม่เอ๋อร์"
เหลียงเฟยร้องไห้ปานใจจะขาด หวิดหน้ามืดไปตั้งหลายหน เรื่องนี้สำหรับนาง ถือเป็นเรื่องใหญ่ปางตายเลยทีเดียว
อวิ๋นหลิงเห็นเข้าก็รีบเอ่ยปากปลอบใจนาง "เสด็จแม่เหลียงเฟยอย่าได้เป็นกังวล น้องห้าแค่มีปัญหาทางจิตเท่านั้น ร่างกายก็ไม่ต่างกับคนปกติ หามีอาการตายด้านไม่"
ได้ยินดังนี้ เหลียงเฟยก็ค่อยโล่งอกหน่อย แต่แววตายังคงสิ้นหวังอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...