ผ่านไปหนึ่งคืน วีรกรรมของเฟิงจิ่งเหวยแพร่ไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
เมื่อคืนนี้นางครอบกระโถนกลับไปยังจวนเสนาบดี ให้บรรดาบ่าวไพร่ต่างงัดสารพัดวิธีมาช่วยเหลือ ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนกระโถนได้แม้แต่น้อย
"ฮือ ๆ ๆ พวกเจ้ามันเลี้ยงเสียข้าวสุกทั้งนั้น ยังไม่รีบหาวิธีอีก!"
ศีรษะของเฟิงจิ่งเหวยถูกกระโถนครอบงำ ร้องไห้จนหมดแรงร้อง ประสาทการรับกลิ่นก็แทบด้านชาไปหมด
อากาศในกระโถนค่อนข้างเบาบาง ถ้านางร้องไห้เสียงดัง จะเกิดอาการหน้ามืดคล้ายกับขาดอากาศหายใจ จึงต้องพยายามอดทนไว้
มารดาของเฟิงจิ่งเหวยตกใจจนลนลานทำอะไรไม่ถูก "เร็วเข้า ไปตามช่างเหล็กที่พอมีฝีมือในเมืองมา เอากระโถนออกจากหัวของจิ่งเหวยให้ได้"
นางกลัวว่าขืนปล่อยไว้นาน ลูกสาวอาจขาดอากาศหายใจตายอยู่ในกระโถนก็เป็นได้
บ่าวไพร่ในจวนรีบไปตามหาช่างเหล็กฝีมือดีมาช่วยเหลือ แต่ก็เพราะเหตุนี้ เรื่องราวของเฟิงจิ่งเหวยจึงกลายเป็นที่รู้กันทั่ว
ชาวบ้านต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่คุณหนูตระกูลเฟิงถูกกระโถนครอบศีรษะจนสลบไสลไป แม้ช่วยได้แล้วก็ยังไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นเรื่องประหลาดในเมืองหลวง ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ บ้างก็หัวเราะขำขันกลายเป็นเรื่องสนุกไป
มารดาของเฟิงจิ่งเหวยยังคงร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด "นี่มันเป็นฝีมือใครกัน ลูกข้าไปทำอะไรให้ใครถึงเพียงนี้!"
เสนาบดีเฟิงหน้าตาบูดบึ้ง สองมือไพล่หลังมองนางอย่างเย็นชาพร้อมกับกล่าวว่า "ยังมีหน้ามาพูดอีก ช่างสอนให้ลูกทำเรื่องงามหน้าดีนัก"
เขาได้เล่าเรื่องที่เฟิงจิ่งเหวยวางยาองค์ชายห้าแต่ไม่สำเร็จ โดยละเว้นเรื่องที่เป็นความลับของราชสำนัก
มารดาของเฟิงจิ่งเหวยได้รับรู้ก็แทบจะลมจับเสียให้ได้ หน้าซีดปากสั่นพลางถามว่า "แล้ว...ฮ่องเต้ทรงคาดโทษอะไรหรือเปล่า?"
นึกถึงรับสั่งของฮ่องเต้ตอนอยู่ในห้องทรงอักษร แววตาของเสนาบดีเฟิงก็ดูลำบากใจ สุดท้ายจึงตัดสินใจกล่าวว่า
"ฝ่าบาททรงมีเมตตา เห็นแก่ที่บ้านเรารับใช้แคว้นต้าโจวมาหลายปี จึงไม่ทรงทำอะไรรุนแรง แต่ความผิดที่ก่อยังไงก็ต้องรับโทษ ส่งไปรักษาตัวที่บ้านชานเมืองแล้วกัน อยู่ซักสามปีแล้วค่อยกลับมาใหม่"
มารดาของเฟิงจิ่งเหวยแม้จะไม่ยินยอม ก็จำต้องร้องห่มร้องไห้ฝืนใจรับปาก เพราะบัดนี้ชื่อเสียงนางป่นปี้หมดแล้ว ส่งไปอยู่ชานเมืองเก็บตัวซักพักก็ดีเหมือนกัน
หลังจากนางออกไปแล้ว เสนาบดีเฟิงหน้าเครียดลงทันควัน สั่งองครักษ์ลับในจวนให้ออกมา พร้อมกำชับเสียงต่ำไปหลายคำ
ฮ่องเต้จาวเหรินไม่อยากให้เรื่ององค์ชายห้าบานปลาย จึงไม่ได้ลงอาญาในนามของราชสำนัก แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเฟิงจิ่งเหวยจะพ้นผิดไปได้
คืนก่อนที่เข้าเฝ้าในห้องทรงอักษร รับสั่งของฮ่องเต้ก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ได้ฟังคำสั่งจากเสนาบดีเฟิง องครักษ์ลับมีอาการตกใจเล็กน้อย แต่ก็รับคำสั่งด้วยสีหน้าปกติ
"ข้าน้อยรับทราบ!"
เมื่อองครักษ์ถอยออกไปแล้ว ใบหน้าเหี่ยวย่นของเสนาบดีเฟิงจึงปรากฏร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้า
"จิ้งอ๋องกับชายาเล่นงานยากนัก..."
เพียงแค่ไม่กี่เดือน ลูกหลานสามคนของตระกูลเฟิงที่เกิดจากเมียเอก ก็มีสองคนที่เพลี่ยงพล้ำให้แก่จิ้งอ๋องไปเรียบร้อย บัดนี้จึงเหลือเพียงเฟิงหยางคนเดียวที่อยู่ไกลถึงชายแดน
นึกถึงพักก่อนที่หลงโง่คิดจะควบคุมจิ้งอ๋องไว้ในกำมือ เสนาบดีเฟิงก็ให้เจ็บใจยิ่งนัก โกรธที่ตัวเองไม่รู้จักประเมินสถานการณ์ให้ดี
จิ้งอ๋องกับพระชายาไหนเลยจะยอมให้คนอื่นมาบงการง่าย ๆ
หลังจากเสนาบดีเฟิงออกคำสั่ง เฟิงจิ่งเหวยก็ถูกส่งตัวไปพักฟื้นที่บ้านชานเมืองทันที เพียงแต่ไม่นานก็มีข่าวร้ายมาอีก
"ขอรายงาน นอกเมืองถูกหิมะถล่มหนัก รถม้าของคุณหนูตื่นตกใจ พาเอาทั้งคนและรถม้าตกหน้าผาไปหมด..."
พอได้ยินข่าวนี้เข้า มารดาของเฟิงจิ่งเหวยก็แทบจะล้มทั้งยืนไป
เสนบาดีเฟิงถอนหายใจยืดยาว แต่สีหน้ากลับมีแววคล้ายโล่งอกเล็กน้อย กล่าวเสียงเจ็บปวดว่า "ส่งคนไปตามหา ถ้าเจอก็ให้จัดงานศพให้นางอย่างดี"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...