อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้ม “ไม่กล้าผายก็อั้นไว้สิ”
เซียวปี้เฉิงหุบยิ้ม แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่เจ้าทำขึ้นก่อนหน้านี้ ขัดกับข้อห้ามสตรี คำสอนสตรีและธรรมเนียมสตรีในสายตาของพวกเขา คราวนี้ปิดปากพวกเขาอย่างแรง เกรงว่าจะผูกใจเจ็บไม่ยอมศิโรราบ”
อวิ๋นหลิงรู้ว่าขุนนางฝ่ายบุ๋นเหล่านั้นเอานางไปพูดสาดเสียเทเสียลับหลังอย่างไร แต่นางก็แย้มยิ้มอย่างไร้วี่แววแปลกใจ
“ถึงปืนคาบศิลาจะทำให้พวกเขาตกใจ แต่ก็ไม่อาจโน้มน้าวพวกเขาให้ยอมก้มหัวได้ เพราะของสิ่งนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย ไม่ได้สร้างขึ้นมาให้พวกเขาใช้”
“แต่ข้าก็ไม่อยากให้พวกเขาก้มหัวให้ข้า” อวิ๋นหลิงพูดถึงตรงนี้ ก่อนแค่นหัวเราะเสียงเย็นชา “ถ้าใครไม่ยอมก้มหัว ข้าจะไล่ตะเพิดให้เขาออกจากตำหนักทองหลวงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
เซียวปี้เฉิงชอบท่าทางหยิ่งยโสโอหังของนางที่สุด ว่าแล้วก็บีบจมูกของนางด้วยความมันเขี้ยวอย่างอดไม่ได้
“บอกมาสิ เจ้ากำลังวางแผนอะไรอีก”
อวิ๋นหลิงตอบด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย “ข้าวางแผนบางอย่างไว้ในใจมาเนิ่นนานแล้ว เพียงแต่เมื่อก่อนติดที่เผ่าทูเจวียจ้องเขมือบตาเป็นมันอยู่ข้างๆ จึงดำเนินการไม่ได้ จำต้องเก็บระงับไว้ บัดนี้ศัตรูอันตรายถูกกำจัดไปแล้ว แคว้นตงฉู่สามารถช่วยแคว้นต้าโจวพัฒนาการค้าขายได้ ปืนคาบศิลาที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครในมือพวกเรานั้นเอามาแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ วันหน้าในมือก็จะมีเงินมีทองเหลือเฟือขึ้นเรื่อยๆ ย่อมจะวางแผนปรับปรุงความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดีขึ้นได้”
เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ของผู้คน นางตระเตรียมจะเริ่มต้นด้วยการรักษาโรค ที่อยู่อาศัย และการศึกษาขั้นพื้นฐานก่อน
ที่อยู่อาศัยในแคว้นต้าโจวไม่ได้มีปัญหาใหญ่โตนัก ในแง่ของการรักษา หลายปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีโรคระบาดใหญ่เกิดขึ้น
ดังนั้นอวิ๋นหลิงจึงวางแผนจะเริ่มต้นด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้มีความสามารถในทุกด้านของราชสำนัก
จากการสังเกตหลังทะลุมิติมาร่วมหนึ่งปี นางพบว่าการแบ่งชนชั้นในแคว้นต้าโจวนั้นค่อนข้างรุนแรง ถึงแม้จะมีระบบการสอบคัดเลือกขุนนางเคอจวี่ที่ให้โอกาสเด็กๆ จากครอบครัวยากจนได้ลืมตาอ้าปากก้าวหน้า แต่ทรัพยากรที่ใช้ในการศึกษาคุณภาพดีๆ กลับถูกคนร่ำรวยและมีอำนาจกุมอยู่ในมือเสียเอง
เริ่มตั้งแต่ขั้นศึกษาหาความรู้ ช่องว่างระหว่างครอบครัวยากจนกับครอบครัวชนชั้นสูงก็ขยายกว้างขึ้น
เด็กจากครอบครัวยากจนไม่มีเงินซื้อพู่กัน หมึก กระดาษ จานฝน และหนังสือด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเข้าเรียนในสำนักศึกษา ขณะที่เด็กๆ จากตระกูลมั่งคั่งจะได้อาจารย์ที่เก่งที่สุดมาสอนด้วยตนเองตั้งแต่วัยเริ่มหัดพูดจาอ้อแอ้กันเลยทีเดียว
เป็นผลให้ช่องว่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวยากจนจะส่งเสริมบุตรชายให้สูงศักดิ์ได้ยากขึ้นกว่าเดิม ตำแหน่งขุนนางในราชสำนักทั้งใหญ่น้อยโดยพื้นฐานแล้วจะถูกตระกูลขุนนางผูกขาด แทบจะสืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อๆ กันไปจากรุ่นสู่รุ่น
ตระกูลเฟิงก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง หกกรมกองของราชสำนักล้วนมีลูกหลานตระกูลเฟิงเป็นขุนนางอยู่แทบจะทุกกรมกอง
แววตาของเซียวปี้เฉิงหม่นแสงลง “ที่เจ้าพูดเรื่องพวกนี้ เสด็จพ่อและคนอื่นๆ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้สังเกตเห็น เพียงแต่เรื่องพวกฉ้อโกงติดสินบนขุนนางนั้นถึงจะถูกสั่งห้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พวกเสด็จพ่อเองก็จนปัญญาเช่นกัน”
อวิ๋นหลิงกล่าวต่อ “นับจากนี้ไป ข้าจะจัดให้มีการสอบแยกกันทุกฤดูใบไม้ร่วง แล้วจะตรวจคำตอบและสัมภาษณ์รับศิษย์ด้วยตนเอง”
ขณะเดียวกัน เมื่อพวกเขามีเงินออมอยู่ในมือไม่น้อยแล้ว อวิ๋นหลิงวางแผนจะค่อยๆ บังคับใช้กฎหมายการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้เด็กวัยห้าขวบถึงสิบสองปีสามารถไปเข้าเรียนหนังสือได้ในราคาประหยัด โดยไม่แบ่งเพศชายหญิง
สมัยก่อน ผู้คนจะเริ่มศึกษาสี่ตำราห้าคัมภีร์ของสำนักขงจื๊อกันตั้งแต่อายุสี่ห้าขวบ หากพวกเด็กๆ สามารถอ่านได้สำเร็จจนกระทั่งอายุสิบสองปี คนที่โดดเด่นจะต้องสอบผ่านเป็นปัญญาชนขั้นถงเซิง และจะกลายเป็นบัณฑิตซิ่วไฉได้อย่างแน่นอน
นางจะมอบเงินอุดหนุนและสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับบรรดาเด็กที่บ้านยากจนแต่มีผลการเรียนดีเยี่ยมเป็นพิเศษ
“เรื่องนี้พูดง่ายทำยาก แต่ช้าเร็วก็ต้องทำ เรามาสำรวจกันก่อน แล้วเริ่มทดลองใช้สักสองสามเมืองรอบๆ เมืองหลวง”
หวังว่าสักวันหนึ่ง เด็กๆ ทั่วทั้งแคว้นต้าโจวจะมีหนังสือให้อ่านได้จริงๆ เสียที
เซียวปี้เฉิงฟังแล้วก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าอวิ๋นหลิงจะสื่อถึงอะไร เขาเคยได้ยินเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ต่างๆ มากมายในโลกของอวิ๋นหลิงมาก่อน จึงรู้ว่านางคิดจะลอกเลียนแบบเอามาใช้พัฒนาแคว้นต้าโจว
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็อดถอนหายใจเข้าลึกด้วยสายตาที่ซับซ้อนไม่ได้
“ไม่ใช่แค่สามปีห้าปี ต่อให้เป็นสิบปีแล้วทำเรื่องนี้สำเร็จได้ ผู้ที่อ่านออกเขียนได้ทั่วหล้า หรือแม้กระทั่งคนรุ่นต่อๆ ไป...จะขอบคุณเจ้า หลิงเอ๋อร์”
อวิ๋นหลิงกระตุกมุมปาก แล้วพูดคล้ายจะยิ้มก็ไม่เชิงว่า “ข้าแค่อยากจะขับไล่คนที่น่ารำคาญพวกนั้นออกจากตำหนักทองหลวง พวกเขาเห็นข้าก็รู้สึกขัดตา ข้าเห็นพวกเขาก็รู้สึกขัดหูขัดตาไม่แพ้กันหรอก”
วันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว เด็กยากจนที่นางให้ความสำคัญและสนับสนุนจะเปล่งประกายไปทุกที่ เข้าแทนที่พวกดึกดำบรรพ์และยึดหลักขนบธรรมเนียมโบราณอย่างเดียว
นางไม่ต้องการคำขอบคุณจากคนกลุ่มนั้น ยังมีคนอีกมากมายที่จะขอบคุณนางในอนาคต
เซียวปี้เฉิงนิ่งคิดพักหนึ่ง แล้วพูดต่อ “แต่ถ้าหมายจะทำแผนการอันยิ่งใหญ่นี้ให้บรรลุผลเป็นจริง ก็ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ไม่ใช่น้อยๆ เลย”
“ไม่เป็นไร พี่ฉิงบอกว่านางจะช่วยข้าเอง”
เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “นางเองก็อัตคัดขัดสนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แล้วจะช่วยเจ้าได้อย่างไร”
“พี่ฉิงบอกว่า ถึงนางไม่มีเงิน แต่นางขโมยเงินจากคลังสมบัติของเป่ยฉินมาเลี้ยงข้าได้ ช่วยให้ข้าทำฝันให้เป็นจริง!”
เซียวปี้เฉิง “...?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...