“ฮองเฮามาหรือ?”
ช่วงนี้จักรพรรดิจาวเหรินกับฮองเฮาเฟิงมักจะผิดใจกัน บัดนี้ได้ยินรายงานแล้วก็เลิกคิ้ว คิดว่านางมาหาเขา
คนในตำหนักฉางหนิงไม่กล้าขวางฮองเฮา อีกฝ่ายสาวเท้าเข้ามาด้านในตำหนักอย่างรวดเร็ว ท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงยิ่ง
อวิ๋นหลิงมองสำรวจนาง หลังจากเหตุการณ์ก่อกบฏแล้ว นางก็ไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายเลย
ได้ยินว่าตอนที่ฮองเฮาเฟิงโดนจับเป็นตัวประกันในเหตุการณ์กบฏนั้น นางเสียขวัญเพราะเห็นคนในวังโดนปลิดชีพกับตา จักรพรรดิจาวเหรินจึงไม่ให้นางไปสำนึกผิดที่ศาลบรรพชนอีก
ยามนี้ดูแล้วเห็นจะเป็นดังนั้น
ฮองเฮาเฟิงผอมลงเล็กน้อย ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา พวงแก้มอันอิ่มฟูกลายเป็นแห้งกร้านและนูนลง ดวงตาทรงเสน่ห์กลมโตกว่าเดิม ทว่าไม่ได้น่าพิสมัยอีกต่อไป
บัดนี้ดวงตาคู่นั้นไม่ได้สดใสดุจวันวานแล้ว มีเพียงสีดำขลับ ทว่าไม่สุกใส แลดูมัวหมองยิ่ง
“ฝ่า...ฝ่าบาท?”
ฮองเฮาเฟิงเห็นจักรพรรดิจาวเหรินกะทันหันก็นึกแปลกใจ
นางเก็บอาการหัวร้อน กลับมาอ่อนโยน เรียบร้อยดังเดิม แต่กลับแลดูดุร้ายอย่างผิดปกติ
“ไยฝ่าบาทถึงมาอยู่ที่นี่? มากินข้าวกับพวกปี้เฉิงโดยเฉพาะหรือเพคะ?”
น้ำเสียงฮองเฮาเฟิงเจือความสงสัย มองทุกคนสลับกันไม่หยุด ไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ สีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย
“ข้ามากินข้าวกับพวกเขาสักมื้อ ก็ไม่เห็นแปลกกระไร เป็นเรื่องปกติดีนี่” จักรพรรดิจาวเหรินวางตะเกียบลง ถามเสียงเรียบ “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่กะทันหันได้?”
ดูเหมือนไม่ได้มาหาเขา เช่นนั้นก็ต้องมาหาเจ้าสามพร้อมภรรยาแล้ว
เซียวปี้เฉิงยังไม่ทันได้นั่งดี ๆ ก็ต้องลุกขึ้นคำนับอีกครั้ง “คารวะเสด็จแม่ ขออวยพรให้เสด็จแม่อายุยืนยาวนานพ่ะย่ะค่ะ”
อวิ๋นหลิงก็ยอบกายถวายบังคมตาม ก่อนจะสั่งว่า “ตงชิง ไปเอาตะเกียบกับถ้วยมาเพิ่มหนึ่งชุด”
นางแอบบ่นในใจ มื้อเย็นนี้คงไม่เจริญอาหารแล้วละ ถ้ารู้แต่แรก นางควรไปกินข้าวกับพระเจ้าหลวงที่ตำหนักหลักจะดีกว่า
ทว่าเสียดายเย็นนี้ตาเฒ่าน้อยไปกินเจเป็นเพื่อนไทเฮาแล้ว
ดังคาด ฮองเฮาเฟิงปฏิเสธเสียงแข็งกระด้าง “ไม่ต้อง ข้าไม่อยากกิน”
เซียวปี้เฉิงเอ่ย “ไม่ทราบว่าเสด็จแม่มาด้วยธุระอันใดพ่ะย่ะค่ะ?”
จักรพรรดิจาวเหรินที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า นิ้วมือใต้แขนเสื้อของฮองเฮาเฟิงกำแน่น พร้อมทั้งขบฟัน
“ข้าจะถามเจ้าว่าเจ้าเป็นคนเสนอให้เทียนอวี้ไปทำงานที่กรมขุนนางใช่หรือไม่?”
อวิ๋นหลิงลอบพูดในใจ นางนึกแล้วเชียวหากฮองเฮาเฟิงรู้เรื่องนี้แล้วต้องมาหาเรื่องเซียวปี้เฉิงแน่
“ทูลเสด็จแม่ เรื่องนี้ลูกเป็นคนเสนอแนะให้เสด็จพ่อเองพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาเฟิงได้ยินคำตอบนี้ก็เกือบควบคุมอารมณ์ทางสีหน้าไม่อยู่ พยายามระงับความบุ่มบ่ามและเพลิงโทสะไว้ “พี่ใหญ่เจ้าทำงานที่สำนักศึกษาฮั่นหลินอยู่ดี ๆ ไยเจ้าถึงเป่าหูฝ่าบาทให้ย้ายไปที่กรมขุนนางด้วย?”
เซียวปี้เฉิงเม้มปาก เขาไม่สะดวกใจที่จะตอบคำถามนี้
ฮองเฮาเฟิงจ้องเขม็งใส่อวิ๋นหลิง “แล้วเจ้าด้วย ไยจึงยุแยงให้เทียนอวี้กับหรงฉานหย่ากัน? รู้หรือไม่ว่าทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวง”
ถึงแม้พวกเขาสองคนจะยืดระยะเวลาหย่าร้างออกไป ทว่ามีคนเห็นรุ่ยอ๋องวิ่งตามรถม้าหรงฉานบนท้องถนนกันเยอะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...