ฮองเฮาเฟิงได้สติกลับมา รู้ว่าตัวเองพูดผิดไป มองจักรพรรดิจาวเหรินด้วยใบหน้าซีดเซียว เอ่ยปากอธิบายทันที
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น...”
“พอแล้ว ไม่ดูบ้างเลยว่าหลายปีที่ผ่านมา เจ้าเลี้ยงรุ่ยอ๋องและองค์หญิงหกจนเป็นสภาพไหนแล้ว?”
จักรพรรดิจาวเหรินตบโต๊ะแรง ๆ สีหน้าโกรธจัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ระดับเสียงเกือบทำหลังคาตำหนักฉางหนิงให้แตกฮือ
“คนหนึ่งถูกเจ้าตามใจจนก้าวร้าว ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ ก่อเรื่องไม่เว้นวัน วัน ๆ เอาแต่ไปรังแกคุณหนูตระกูลอื่น เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับไปแย่งของของผู้อื่น ตอนที่พวกขุนนางมาบอกข้าเป็นการส่วนตัว ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดเลย”
ฮองเฮาเฟิงมองจักรพรรดิจาวเหรินด้วยความอึ้ง ไม่กล้าหายใจแรง ๆ และไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
พวกเขาสองคนรู้จักกันตั้งแต่เล็ก และได้แต่งงานเป็นสามีภรรยาในที่สุด หลายปีที่ผ่านมาก็เคยทะเลาะจนเฉยชาใส่อีกฝ่าย แต่จักรพรรดิจาวเหรินก็ไม่เคยบันดาลโทสะใส่นางมาก่อน
จักรพรรดิจาวเหรินไม่หยุดพูด ตวาดเสียงเกรี้ยวกราดขึ้นเรื่อย ๆ
“ส่วนอีกคนเจ้าก็เลี้ยงดูจนไม่ทันโลก ไร้เดียงสาเกินไป วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ แยกแยะผิดถูกไม่เป็น แม้แต่หลังเรือนก็ดูแลไม่ได้ จะเป็นจะตายเพราะสตรีคนเดียว”
“เขาเป็นคนฉลาดและนิสัยดี แต่โดนเจ้าเลี้ยงดูจนกลายเป็นสวะแล้ว หากไม่ฝึกประสบการณ์ให้เขาในยามนี้ เจ้าจะรอไปถึงเมื่อใด หรือจะปล่อยให้เขาเป็นคนไม่เอาถ่านไปตลอดชีวิต”
ฮองเฮาเฟิงเริ่มสติแตก พูดด้วยความเหลือเชื่อ “ฝ่าบาทพูดกระไร...บอกว่าข้าเลี้ยงดูเทียนอวี้จนเขาเป็นสวะไปแล้วหรือ? เขาเป็นลูกที่ฝ่าบาทพอใจมากที่สุดไม่ใช่หรือ? ก็แค่ทำผิดครั้งเดียว ฝ่าบาทก็มองเขาแย่เพียงนั้นแล้วหรือเพคะ?”
คำตำหนิติเตียนมากมายก็ไม่เท่าประโยคนี้ มันสะเทือนจิตใจฮองเฮาเฟิงยิ่ง เพราะจักรพรรดิจาวเหรินเห็นว่ารุ่ยอ๋องไม่เอาไหนเลย
อวิ๋นหลิงยืนดูสีสันอย่างเย็นชา พูดปลอบใจอย่างตรงจังหวะ
“เสด็จแม่อย่าเพิ่งเสียใจไปเพคะ เสด็จพ่อพูดไปเพราะความโกรธ พี่ใหญ่ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกเพคะ”
“ความผิดที่เสียนอ๋องทำต่างหากที่ไม่ควรให้อภัย เขาเป็นคนทำให้พี่ใหญ่ตกอยู่ในสภาพนี้ เสด็จพ่อว่าถูกไหมเพคะ?”
เซียวปีเฉิงอดมองอวิ๋นหลิงปราดหนึ่งไม่ได้ นางพูดสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงจริงใจราวกับกำลังห้ามไม่ให้มีปากเสียกันจริง ๆ
แต่ไม่ใช่กำลังยุแยงให้ทะเลาะหนักกว่าเดิมจริงหรือ?
ฮองเฮาเฟิงไร้ที่พึ่งพิง พยักหน้าหงึก ๆ ราวกับโหยหาคำปลอบประโลม น้ำเสียงร้อนรนใจ “ใช่เพคะ ทุกอย่างเป็นเพราะเสียนอ๋อง เขาคือต้นตอของเรื่องชั่ว ๆ เหตุใดจึงไปโทษเทียนอวี้ได้เพคะ?”
จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินก็รับไม่ได้ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง
“ถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังหาข้ออ้างอีก เจ้าสองทำไม่ถูกจริง แต่เป็นเจ้าเป็นตัวจุดชนวนของเรื่องหรือไม่? หากเจ้าไม่ทำร้ายเจ้าสองจนเจ้าสองไร้จุดยืน เหตุใดเขาถึงไปหลงเชื่อคำยุแยงของอันชินอ๋องแล้วทำผิดมันต์นั้นได้?”
“หาไม่แล้ว เขาก็จะไม่ชักศึกเข้าบ้าน ชาวทูเจวียก็รุกรานเมืองหลวงเราไม่ได้ เจ้าใหญ่ก็จะไม่หลงกลเขา พวกเขาเป็นพี่น้องกัน เหตุใดเจ้าสองถึงใส่ร้ายเจ้าใหญ่ แล้ววันก่อกบฏเหตุใดจึงจับเจ้าเป็นตัวประกันคนเดียว หรือเจ้าไม่รู้?”
“ที่เจ้าใหญ่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้า ถ้าจะหาตัวก่อเหตุจากต้นตอ เช่นนั้นก็ต้องเป็นเจ้า”
จักรพรรดิจาวเหรินนึกถึงสภาพของพวกลูกชายตัวเองในยามนี้ เพลิงโทสะก็ลุกโชนกลางใจ แม้แต่ศีรษะก็รู้สึกร้อนผ่าว
เขารู้สึกผิดเหลือเกิน
ตอนนั้นพระเจ้าหลวงไม่อยากให้เขาแต่งเสี่ยวเฟิงเป็นพระชายารัชทายาท แต่เขายืนกรานที่จะแต่งเอง
ตอนนั้นเขาคิดว่าถึงเสี่ยวเฟิงจะฉลาดและสุขุมไม่เท่าพี่ใหญ่ของนาง แต่ก็มีจิตใจอันดีงาม เช่นนี้ก็พอแล้ว
ทว่าจิตใจคนนั้นเปลี่ยนไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะอยู่ในวังหลวงนี้แล้ว ยิ่งยากจะรักษาจิตใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้มลทินได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...