พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 399

ฮองเฮาเฟิงได้สติกลับมา รู้ว่าตัวเองพูดผิดไป มองจักรพรรดิจาวเหรินด้วยใบหน้าซีดเซียว เอ่ยปากอธิบายทันที

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น...”

“พอแล้ว ไม่ดูบ้างเลยว่าหลายปีที่ผ่านมา เจ้าเลี้ยงรุ่ยอ๋องและองค์หญิงหกจนเป็นสภาพไหนแล้ว?”

จักรพรรดิจาวเหรินตบโต๊ะแรง ๆ สีหน้าโกรธจัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ระดับเสียงเกือบทำหลังคาตำหนักฉางหนิงให้แตกฮือ

“คนหนึ่งถูกเจ้าตามใจจนก้าวร้าว ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ ก่อเรื่องไม่เว้นวัน วัน ๆ เอาแต่ไปรังแกคุณหนูตระกูลอื่น เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับไปแย่งของของผู้อื่น ตอนที่พวกขุนนางมาบอกข้าเป็นการส่วนตัว ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดเลย”

ฮองเฮาเฟิงมองจักรพรรดิจาวเหรินด้วยความอึ้ง ไม่กล้าหายใจแรง ๆ และไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

พวกเขาสองคนรู้จักกันตั้งแต่เล็ก และได้แต่งงานเป็นสามีภรรยาในที่สุด หลายปีที่ผ่านมาก็เคยทะเลาะจนเฉยชาใส่อีกฝ่าย แต่จักรพรรดิจาวเหรินก็ไม่เคยบันดาลโทสะใส่นางมาก่อน

จักรพรรดิจาวเหรินไม่หยุดพูด ตวาดเสียงเกรี้ยวกราดขึ้นเรื่อย ๆ

“ส่วนอีกคนเจ้าก็เลี้ยงดูจนไม่ทันโลก ไร้เดียงสาเกินไป วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ แยกแยะผิดถูกไม่เป็น แม้แต่หลังเรือนก็ดูแลไม่ได้ จะเป็นจะตายเพราะสตรีคนเดียว”

“เขาเป็นคนฉลาดและนิสัยดี แต่โดนเจ้าเลี้ยงดูจนกลายเป็นสวะแล้ว หากไม่ฝึกประสบการณ์ให้เขาในยามนี้ เจ้าจะรอไปถึงเมื่อใด หรือจะปล่อยให้เขาเป็นคนไม่เอาถ่านไปตลอดชีวิต”

ฮองเฮาเฟิงเริ่มสติแตก พูดด้วยความเหลือเชื่อ “ฝ่าบาทพูดกระไร...บอกว่าข้าเลี้ยงดูเทียนอวี้จนเขาเป็นสวะไปแล้วหรือ? เขาเป็นลูกที่ฝ่าบาทพอใจมากที่สุดไม่ใช่หรือ? ก็แค่ทำผิดครั้งเดียว ฝ่าบาทก็มองเขาแย่เพียงนั้นแล้วหรือเพคะ?”

คำตำหนิติเตียนมากมายก็ไม่เท่าประโยคนี้ มันสะเทือนจิตใจฮองเฮาเฟิงยิ่ง เพราะจักรพรรดิจาวเหรินเห็นว่ารุ่ยอ๋องไม่เอาไหนเลย

อวิ๋นหลิงยืนดูสีสันอย่างเย็นชา พูดปลอบใจอย่างตรงจังหวะ

“เสด็จแม่อย่าเพิ่งเสียใจไปเพคะ เสด็จพ่อพูดไปเพราะความโกรธ พี่ใหญ่ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกเพคะ”

“ความผิดที่เสียนอ๋องทำต่างหากที่ไม่ควรให้อภัย เขาเป็นคนทำให้พี่ใหญ่ตกอยู่ในสภาพนี้ เสด็จพ่อว่าถูกไหมเพคะ?”

เซียวปีเฉิงอดมองอวิ๋นหลิงปราดหนึ่งไม่ได้ นางพูดสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงจริงใจราวกับกำลังห้ามไม่ให้มีปากเสียกันจริง ๆ

แต่ไม่ใช่กำลังยุแยงให้ทะเลาะหนักกว่าเดิมจริงหรือ?

ฮองเฮาเฟิงไร้ที่พึ่งพิง พยักหน้าหงึก ๆ ราวกับโหยหาคำปลอบประโลม น้ำเสียงร้อนรนใจ “ใช่เพคะ ทุกอย่างเป็นเพราะเสียนอ๋อง เขาคือต้นตอของเรื่องชั่ว ๆ เหตุใดจึงไปโทษเทียนอวี้ได้เพคะ?”

จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินก็รับไม่ได้ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง

“ถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังหาข้ออ้างอีก เจ้าสองทำไม่ถูกจริง แต่เป็นเจ้าเป็นตัวจุดชนวนของเรื่องหรือไม่? หากเจ้าไม่ทำร้ายเจ้าสองจนเจ้าสองไร้จุดยืน เหตุใดเขาถึงไปหลงเชื่อคำยุแยงของอันชินอ๋องแล้วทำผิดมันต์นั้นได้?”

“หาไม่แล้ว เขาก็จะไม่ชักศึกเข้าบ้าน ชาวทูเจวียก็รุกรานเมืองหลวงเราไม่ได้ เจ้าใหญ่ก็จะไม่หลงกลเขา พวกเขาเป็นพี่น้องกัน เหตุใดเจ้าสองถึงใส่ร้ายเจ้าใหญ่ แล้ววันก่อกบฏเหตุใดจึงจับเจ้าเป็นตัวประกันคนเดียว หรือเจ้าไม่รู้?”

“ที่เจ้าใหญ่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้า ถ้าจะหาตัวก่อเหตุจากต้นตอ เช่นนั้นก็ต้องเป็นเจ้า”

จักรพรรดิจาวเหรินนึกถึงสภาพของพวกลูกชายตัวเองในยามนี้ เพลิงโทสะก็ลุกโชนกลางใจ แม้แต่ศีรษะก็รู้สึกร้อนผ่าว

เขารู้สึกผิดเหลือเกิน

ตอนนั้นพระเจ้าหลวงไม่อยากให้เขาแต่งเสี่ยวเฟิงเป็นพระชายารัชทายาท แต่เขายืนกรานที่จะแต่งเอง

ตอนนั้นเขาคิดว่าถึงเสี่ยวเฟิงจะฉลาดและสุขุมไม่เท่าพี่ใหญ่ของนาง แต่ก็มีจิตใจอันดีงาม เช่นนี้ก็พอแล้ว

ทว่าจิตใจคนนั้นเปลี่ยนไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะอยู่ในวังหลวงนี้แล้ว ยิ่งยากจะรักษาจิตใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้มลทินได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ