พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 40

เซียวปี้เฉิงฟังจนรู้สึกปวดหัว ถ้าขืนยังเป็นอย่างนี้ต่อไปคงได้ทะเลาะกันไม่จบสิ้น

“พี่ใหญ่ ในเมื่อส่งของขวัญยินดีมาให้แล้ว ท่านกับคุณหนูรองฉู่ก็กลับจวนไปก่อนเถอะ ประเดี๋ยวอวิ๋นหลิงยังต้องช่วยฝังเข็มให้ข้า ไม่มีเวลาว่างต้อนรับพวกท่านจริงๆ วันหลังหากมีเวลาว่าง ข้าจะไปเยี่ยมท่านที่จวนรุ่ยอ๋องด้วยตนเองเลย”

เมื่อได้ยินคำว่า “คุณหนูรองฉู่” สีหน้าของฉู่อวิ๋นหานก็ซีดลง นิ้วมือกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นทันที

เพราะอะไรกันแน่ ทุกครั้งที่นางเจอกับเซียวปี้เฉิง อีกฝ่ายจะให้ความรู้สึกเหินห่างกว่าครั้งที่แล้วหลายส่วนนัก

ความรักที่พวกเขามีต่อกันมานานหลายปี......

รุ่ยอ๋องมึนงงไปชั่วครู่ จากนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างรุนแรง

“ปี้เฉิง เห็นได้ชัดว่าฉู่อวิ๋นหลิงเป็นคนหาเรื่องก่อน ทำไมเจ้ากลับปกป้องนาง นางรังแกอวิ๋นหานอย่างไร เจ้ามองไม่เห็นแต่ไม่เคยได้ยินหรืออย่างไร”

เซียวปี้เฉิงสีหน้าไร้อารมณ์ พอดีเป็นเพราะเขารู้ว่าฉู่อวิ๋นหานเป็นคนเช่นไร ดังนั้นจึงได้เลือกที่จะยืนอยู่ข้างอวิ๋นหลิง

ที่น่าปวดหัวไปมากกว่านั้นก็คือ ถ้าหากเอะอะจนพระเจ้าหลวงมาละก็ คงต้องวุ่นวายอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่

เมื่อเห็นท่าทีของเซียวปี้เฉิง ดวงตาของรุ่ยอ๋องก็มีแววผิดหวังอย่างรุนแรง

“มิตรภาพความเป็นเพื่อนสิบกว่าปีของอวิ๋นหานกับเจ้า หลังจากที่เจ้ามองไม่เห็นก็ตามหาหมอหายารักษาให้เจ้าไปทั่วทุกที่ แต่ตอนนี้เป็นเพราะฉู่อวิ๋นหลิงสามารถรักษาดวงตาของเจ้าได้ นางเกลียดอวิ๋นหาน เจ้าเองก็จะบาดหมางกับนางด้วยอย่างนั้นหรือ"

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงขรึมลง คำพูดประโยคนี้ได้ทิ่มแทบบาดแผลที่อยู่ในใจเขาอย่างไม่ตั้งใจ

ใช่แล้ว มิตรภาพสิบกว่าปีที่รู้จักกันมา ฉู่อวิ๋นหานกลับเลือกที่จะแทงข้างหลังเขา

อวิ๋นหลิงไม่อาจจะทนฟังได้อีกต่อไปแล้ว “เซียวเทียนอวี้ สมองท่านมีปัญหาหรืออย่างไร พูดจาเช่นนี้ต่อหน้าข้ากับท่านอ๋อง จงใจจะยุแยงตะแคงรั่วหรือ”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางกินอิ่มจนพุงกาง เคลื่อนไหวไม่สะดวกละก็ คงเข้าไปต่อยสักหนึ่งหมัดแล้ว

ฉู่อวิ๋นหานกลับรู้สึกเจ็บแปลบในใจ น้ำตารื้นเต็มดวงตาแล้ว

“อ๋องรุ่ยไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว ตอนนี้จิ้งอ๋องทรงแต่งงานมีภรรยาแล้ว อวิ๋นหานจะหลีกเลี่ยงไม่ทำตัวให้เป็นที่น่าสงสัยเอง ถ้าหากท่านพี่ถือสา วันหน้าข้าก็จะไม่มาอีก......”

“เช่นนั้นเจ้าก็รีบไสหัวไปซะเถอะ ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็ไม่เคยมีเรื่องดีเลยสักครั้ง”

อวิ๋นหลิงมองนางแสดงละครด้วยสายตาเย็นชา มุมปากเผยรอยยิ้มบางๆ “ครั้งที่แล้วเจ้ายุยงส่งเสริมให้องค์หญิงหกฟ้องร้องหวงกุ้ยเฟย ทำให้เจ้าบอดต้องถูกตบหน้าอย่างไร้ความผิด ไม่ไปคิดบัญชีกับเจ้าด้วยตนเองก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังกล้าหน้าด้านมาที่นี่อีก”

รุ่ยอ๋องนิ่งอึ้งไป มองไปยังฉู่อวิ๋นหานด้วยสีหน้าตกตะลึง ในสายตาเหมือนจะมีความสงสัยไม่เข้าใจแฝงอยู่

เขารู้เรื่องที่น้องสาวแท้ๆถูกลงโทษให้ไปคัดพระคัมภีร์ที่วัด แต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับฉู่อวิ๋นหาน

คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลิงจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในสถานการณ์เช่นนี้ ฉู่อวิ๋นหานหัวใจกระตุก สีหน้าซีดเผือด

“อวิ๋นหานไม่เคยเข้าวังมาก่อน ก่อนหน้านี้เคยเกิดอะไรขึ้นข้าเองก็ไม่รู้ ทำไมท่านพี่ต้องโยนความผิดในเรื่องนี้มาให้ข้าด้วย”

หรือว่าเซียวปี้เฉิงเองก็สงสัยว่านางเป็นผู้ยั่วยุอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจึงได้มีท่าทีเช่นนี้

รุ่ยอ๋องไม่คิดอะไรมาก คิดว่าอวิ๋นหลิงกำลังใช้วิธีอย่างที่เคยทำก่อนหน้านี้อีกแล้ว นางจงใจหาเรื่องฉู่อวิ๋นหานไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว

“ฉู่อวิ๋นหลิง การพูดจาให้ร้ายต้องถูกขังที่หอต้าหลี่ คนในราชวงศ์ทำผิดก็ต้องรับโทษเหมือนสามัญชนทั่วไป”

ให้ตายเถอะ เยี่ยมจริงๆ

อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจองค์หญิงหกขึ้นมา

นางถอนหายใจและพูดว่า “ข้าล่ะยอมใจจริงๆ ทำไมจึงได้มีคนโง่อย่างท่านเช่นนี้ น้องสาวแท้ๆจะถูกคนอื่นหลอกแล้ว ยังจะยื่นมือไปช่วยคนเลวที่อยู่เบื้องหลังทวงความยุติธรรมอีก ถ้าหากข้าเป็นองค์หญิงหก คงจะตบท่านจนหัวทิ่ม”

คุยกับคนเช่นนี้มากๆ จะมีผลกระทบทำให้สติปัญญาถูกดึงลงต่ำได้ง่ายๆ

รุ่ยอ๋องกัดฟันกรอดจ้องมองอวิ๋นหลิง กำลังจะเปิดปากตอบโต้ จู่ๆบริเวณลานบ้านก็เกิดเสียง “ตุ๊บ” ดังขึ้น

รุ่ยอ๋องทำเสียงอู้อี้เสียงหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาก็พร่ามัว เป็นลมล้มตึงลงไป

พวกลู่ฉีต่างก็หันไปมอง พระเจ้าหลวงที่ยกไม้เท้าค้างไว้เหมือนวิญญาณที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังของรุ่ยอ๋องอย่างไร้สุ้มเสียง

“พระเจ้าหลวงตีได้ดี”

อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะร้องขึ้นอย่างยินดี นับว่าได้ช่วยนางระบายอารมณ์ไม่ดีออกมาแล้ว

ฉู่อวิ๋นหานมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง อ้าปากค้าง ไม่เหลือภาพลักษณ์ของความเป็นกุลสตรีแล้ว

นางได้ยินไม่ผิด พระ......พระเจ้าหลวง

“หลิงเอ๋อร์ ข้ารอเจ้าที่เรือนหลันชิงตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่กลับมากินผลปี่แป่อีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ