พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 39

สรุปบท ตอนที่ 39 โกรธแค้นรุ่ยอ๋อง: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน ตอนที่ 39 โกรธแค้นรุ่ยอ๋อง – จากเรื่อง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

ตอน ตอนที่ 39 โกรธแค้นรุ่ยอ๋อง ของนิยายโรแมนติกโบราณเรื่องดัง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน Anchali เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“ท่าทีของท่านทำไมไม่เหมือนกำลังชมข้าเลย”

เซียวปี้เฉิงชะงักไป พูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “ข้าก็แค่ตกใจที่ฝีมือการทำอาหารของเจ้าดีถึงเพียงนี้ พระเจ้าหลวงทรงชื่นชอบของหวาน พวกของว่างเจ้าเชี่ยวชาญหรือไม่”

“เรียกได้ว่าถนัดเลย ถ้าอยากจะกิน เดี๋ยวจะแสดงฝีมือให้พวกท่านให้เห็น”

อวิ๋นหลิงเชี่ยวชาญการทำอาหาร ชอบการทำอาหาร ของว่างไม่ว่าจะเป็นแบบตะวันตกหรือแบบจีนนางก็เคยทำมาไม่น้อย

“จริงหรือ คิดไม่ถึงว่าฝีมือการทำอาหารของเจ้าจะพัฒนาได้เร็วเช่นนี้”

มั่นใจแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าต้องไม่ใช่ฉู่อวิ๋นหลิงตัวจริงอย่างแน่นอน

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงแข็งค้างไปทนพริบตา จากนั้นก็ยิ้มออกมา

“จำได้ว่าวันเกิดของพี่ใหญ่ปีที่แล้ว เจ้าได้ทำขนมกุ้ยฮวาสูตรลับเฉพาะมอบให้เขา ปรากฏว่าใส่เกลือลงไปแทนน้ำตาล”

แม้ว่าเซียวปี้เฉิงจะไม่ได้ชิงขนมกุ้ยฮวาจานนั้น แต่ก็เคยได้ยินเยี่ยนอ๋องบ่นมาก่อน ขนมจานนั้นแทบจะเรียกว่ามีรูปร่างไม่เหมือนขนมเลย เหมือนขี้ก้อนหนึ่ง

รอยยิ้มของอวิ๋นหลิงชะงักค้าง ในสมองทำการค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอย่างรวดเร็ว

นางนึกถึงขนมที่ไม่ควรเรียกว่าขนมกุ้ยฮวาจานนั้นขึ้นมา และจำได้ว่ารุ่ยอ๋องเองก็กัดกินไปคำหนึ่งเพราะเห็นแก่หน้านาง สุดท้ายก็เป็นภาพน่าสลดใจที่ถูกความเค็มของเกลือทำให้เกือบเป็นลมไป

อวิ๋นหลิงหรี่ตาลงเล็กน้อย วิเคราะห์สายตาของเซียวปี้เฉิง ถามอย่างคาดไม่ถึงว่า “เมื่อครูท่านหลอกข้า หลอกถามข้าใช่หรือไม่”

เซียวปี้เฉิงที่กำลังกินหมูลิ้นจี่อยู่ไปติดอยู่ที่ลำคอ เกือบจะสำลักออกมา

ทำไมผู้หญิงคนนี้จึงไม่ไหลตามน้ำ

การถูกสงสัยในเวลาเช่นนี้ สมควรที่จะรีบเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาเพื่อกลบเกลื่อนมิใช่หรือ

ขณะที่หยุดอยู่ในบรรยากาศอึดอัด ข้ารับใช้เฉียวเย่ก็เข้ามารายงาน

เขามองอวิ๋นหลิงด้วยสายตาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงขรึมว่า “รายงานท่านอ๋องและพระชายา คุณหนูรองฉู่มาขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”

อวิ๋นหลิงขมวดคิ้ว “ฉู่อวิ๋นหานหรือ นางมาทำไม ไม่พบไม่พบ”

“เรียนพระชายา คุณหนูรองฉู่บอกว่าได้รับคำสั่งจากจวนเหวินกั๋วกง ส่งยาบำรุงครรภ์มาให้ท่านเป็นการเฉพาะ”

อวิ๋นหลิงวางตะเกียบลง ส่ายหน้าไปมา “เจ้าไปบอกกับนางว่าข้าไม่เอา ให้นางเอาของกลับไปเถอะ”

เยี่ยเจ๋อเฟิงที่อยู่ในลานบ้านได้ยินเข้า ก็อดกลั้นไม่ไหว

“พระชายา คุณหนูรองฉู่เป็นน้องสาวแท้ๆของท่าน อีกอย่างนางก็มาส่งยาบำรุงให้ท่าน ตามหลักแล้วต้องให้เข้ามานั่งพักในจวนจึงจะไม่เป็นการเสียมารยาท”

เหมือนเฉียวเยี่ยจะเดาคำตอบของอวิ๋นหลิงได้ พูดต่อไปว่า “พระชายา คุณหนูรองฉู่หวังว่าท่านจะไม่ทำให้นางลำบากใจ ยาบำรุงเป็นน้ำใจและความห่วงใยจากท่านกั๋วกงและฮูหยิน แม้ท่านจะไม่อยากพบนางแต่ก็ต้องรับยาบำรุงเอาไว้”

เซียวปี้เฉิงชะงักไป “ถ้าหากเจ้าไม่อยากจะเจอนางจริงๆ ให้นางวางของเอาไว้แล้วจากไปก็ได้”

อวิ๋นหลิงกลับไม่หวั่นไหว เลิกคิ้วพูดยิ้มๆว่า “นางฉลาดมาก รู้ว่าข้าไม่มีทางให้นางเข้ามา จึงได้เตรียมคำพูดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เสียดาย......”

“ของพวกนี้หากเป็นคนอื่นส่งมาให้ บางทีข้าอาจจะรับเอาไว้ แต่นี่นางเป็นคงส่งมา ใครจะไปรู้ว่าของข้างในจะมีปัญหาหรือไม่”

ความรังเกียจที่อวิ๋นหลิงมีต่อฉู่อวิ๋นหานนั้นไม่เคยปิดบังซ่อนเร้นเลย

เซียวปี้เฉิงเคยได้รับบทเรียนจากท่าทีของนางแล้ว จึงไม่รู้สึกตกใจ แต่สีหน้าของเยี่ยเจ๋อเฟิงกลับควบคุมไว้ไม่อยู่แล้ว

“พระชายา ท่านใช้เจตนาร้ายในการคาดเดาถึงการมาของน้องสาวตนเอง ช่างทำให้น่าผิดหวังจริงๆ”

“ถูกต้อง ช่วงนี้อวิ๋นหานเป็นห่วงเจ้ามาตลอด ยังวานข้าให้ช่วยหารังนกเลือด วิ่งหาจนทั่วเมืองหลวงกว่าจะหาซื้อมาได้ในราคาสูงลิ่วจากตระกูลเฟิง”

เสียงที่คุ้นเคยสายหนึ่งส่งมาจากหน้าประตู ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“นางปฏิบัติต่อเจ้าดีขนาดนี้ เจ้ากลับหาเรื่องนางทุกทีไป ละทิ้งน้ำใจของนางที่เจ้าคิดว่าไม่มีค่า ทำให้ช่างรู้สึกน่าผิดหวังจริงๆ”

คนที่มาคือรุ่ยอ๋องเซียวเทียนอวี้นั่นเอง และเงาร่างในชุดขาวผอมบางที่อยู่ด้านหลังเขาคนนั้น เป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉู่อวิ๋นหาน

อวิ๋นหลิงเก็บรอยยิ้ม พูดเสียงเย็นว่า “ข้าบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าไม่อนุญาต ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าออกจวนจิ้งอ๋อง ทำเป็นหูทวนลมต่อคำสั่งข้าหรือ”

อยู่ดีๆแท้ๆ ทำไมจึงอยากจะเริ่มหาเรื่องทะเลาะกับผู้หญิงคนนี้เล่า

แต่ว่า เมื่อเทียบกับรัฐทายาทผู้เฒ่าที่ถูกด่าก่อนหน้านี้ อวิ๋นหลิงนับว่าปรานีแล้ว

“พี่ใหญ่ วันนี้ท่านมามีเรื่องอะไรหรือ”

เซียวปี้เฉิงตัดบทสนทนาระหว่างพวกเขา เบี่ยงประเด็นไปยังหัวข้ออื่น

รุ่ยอ๋องมองอวิ๋นหลิงแวบหนึ่ง ทำหน้าบึ้งตึงพูดเสียงขรึมว่า “ข้าก็เหมือนอวิ๋นหาน มาเพื่อมอบของขวัญยินดีและเอายาบำรุงมาให้”

อวิ๋นหลิงพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ในเมื่อของก็ส่งมาถึงแล้วเช่นนั้นก็กลับไปเถอะ พวกท่านมาสาย ไม่มีอาหารกลางวันให้พวกท่านกิน”

รุ่ยอ๋องโมโหจนเลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง

ฉู่อวิ๋นหานเพิ่งได้สติหลังจากรู้สึกตกตะลึง รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เรียบร้อย

หรือว่าฉู่อวิ๋นหลิงจะเป็นบ้าไปแล้ว

ความคิดในใจพุ่งพรวดพราด ฉู่อวิ๋นหานมองอวิ๋นหลิงด้วยสีหน้าระอาใจ พูดด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยแววตำหนิ “ข้ารู้ว่าท่านพี่เข้าใจผิดในตัวข้า แต่ทำไมต้องระบายความโกรธที่มีต่อข้ากับรุ่ยอ๋องด้วยเล่า”

“ช่างหัวเจ้าเถอะ ทำไมต้องระบายอารมณ์กับเขาเพราะเจ้าด้วย อย่าหน้าด้านขนาดนั้น ข้าก็แค่มองเขาไม่เจริญตา”

ฉู่อวิ๋นหานได้ยินดังนั้น การควบคุมอารมณ์บนใบหน้าก็ล้มเหลวภายในพริบตา

รุ่ยอ๋องเบิกตากว้างขึ้นมาเล็กน้อย พูดด้วยความโกรธว่า “ทำไมเจ้าถึงมองข้าไม่เจริญตา”

เขาอวดอ้างว่าตนเองเป็นคนใจดีกับผู้อื่นมาตลอด ไม่เคยสร้างศัตรู

แม้จะเป็นฉู่อวิ๋นหลิง ก็ไม่เคยหัวเราะเยาะปานที่มีมาแต่กำเนิดของนางเลย กระทั่งยังเคยออกหน้าช่วยปกป้องนางอยู่หลายครั้ง

แม้ว่าในคืนงานเลี้ยงหยวนเซียวฉู่อวิ๋นหลิงจะเคยคิดวางแผนจับเขา แต่ก็ไม่เคยทำอะไรอีกฝ่ายมาก่อน

อวิ๋นหลิงพูดเสียงเย็นว่า “เพราะว่าท่านโง่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ