พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 38

สรุปบท ตอนที่ 38 เจ้าไม่ได้วางยาพิษกระมัง: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป ตอนที่ 38 เจ้าไม่ได้วางยาพิษกระมัง จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

บทที่ ตอนที่ 38 เจ้าไม่ได้วางยาพิษกระมัง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Anchali อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

พระเจ้าหลวงยิ้มจนตาหยี “หลิงเอ๋อร์เป็นเด็กดีจริงๆ ทั้งกตัญญูทั้งรู้ความ ไม่เหมือนสองพี่น้องที่อยู่ข้างๆนั่น วันๆไม่ทำงานทำการ ชอบทำแต่เรื่องลักเล็กขโมยน้อย”

เยี่ยนอ๋องที่ดูอยู่ไกลๆได้แต่ถอนหายใจออกมา ทำหน้าน่าสงสารที่ถูกด่าอย่างไร้สาเหตุ จากนั้นก็นั่งเงียบๆอยู่บนรถเข็นไม้ค่อยๆหมุนตัวจากไป

เขาคิดว่าเสด็จปู่ไม่ค่อยอยากจะเห็นหน้าเขาสักเท่าไหร่ ไม่ไปรบกวนจะดีกว่า

หลังจากที่ช่วยพระเจ้าหลวงขุดดินจนได้เป็นแปลงเล็กๆ อวิ๋นหลิงก็เริ่มลงมือเข้าครัวทำอาหารกลางวัน

พอพระเจ้าหลวงได้ยินว่านางจะเข้าครัว ก็ดีใจจนไปเฝ้าอยู่ข้างเตาไฟและเดินวนไปมา ยังช่วยอวิ๋นหลิงฆ่าไก่หนึ่งตัวปลาสองตัวด้วยตัวเองอีกด้วย

แม้ว่าห้องครัวจะเรียบง่าย เทียบไม่ได้กับห้องครัวของชาติที่แล้วที่มีอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน แต่ก็ไม่ยากเกินมืออวิ๋นหลิง

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสิ้นสุดเดือนสี่เข้าสู่เดือนห้า กำลังเป็นฤดูที่ลิ้นจี่สุก อวิ๋นหลิงจึงทำหมูลิ้นจี่หนึ่งจาน นอกจากนั้นก็มีเส้นมันฝรั่งผัดและข้าวเหนียวแปดสมบัติอย่างละหนึ่งจาน

“อร่อย อร่อย ข้าจะเอาอีก”

เหมือนพระเจ้าหลวงจะทรงชอบเส้นมันฝรั่งผัดเป็นพิเศษ ถือจานที่เปล่าที่อวิ๋นหลิงให้เขาลองชิมจนหมดเกลี้ยงเอาไว้

“อย่ากินเยอะ ขออร่อยยังมีอีก”

เยี่ยนอ๋องชอบรสชาติเค็มเผ็ดจัดจ้าน อวิ๋นหลิงจึงทำหุยกัวโร่วแบบดั้งเดิม ต้มเนื้อ เครื่องในไก่ผัดเผ็ด

แม่นมเฉินกินอาหารรสจืด จึงทำปลานึ่ง กุ้งผัดชาหลงจิ่งและผัดยอดผักกาด

เซียวปี้เฉิงกินได้ทุกอย่าง จึงไม่ได้ทำอะไรพิเศษให้เขา

สุดท้ายก็ตักน้ำแกงไก่ตุ๋นเมล็ดบัวกับพุทราขึ้นมา เมื่อทำกับข้าวทั้งสิบอย่างเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี

กระทั่งผู้ชมที่มารอดูกับลูกมืออย่างตงชิงและพระเจ้าหลวงน้ำลายไหลยืดหกเต็มพื้นตั้งนานแล้ว ต่างก็ถือถ้วยยืนอยู่ข้างๆมองนางอย่างมีความหวัง

“ตงชิง เจ้าเอากับข้าวชุดนี้ไปส่งให้เยี่ยนอ๋องและอาจารย์หลินซินที่อยู่เรือนเยี่ยนหุย”

ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว หากจะให้พระเจ้าหลวงทรงกินข้าวโต๊ะเดียวกับเซียวปี้เฉิงคงเป็นไปไม่ได้

อวิ๋นหลิงจึงหันไปพูดเกลี้ยกล่อมว่า “พระเจ้าหลวงเพคะ แม่นมเฉินกับตงชิงจะกินข้าวเป็นเพื่อนท่านที่เรือนหลันชิงนะเพคะ ข้าจะมาสายสักหน่อย ไม่ต้องรอนะเพคะ”

ดีที่พระเจ้าหลวงมีนิสัยเป็นเด็ก มีของอร่อยอยู่ตรงหน้า ก็จะค่อนข้างเชื่อฟัง

“ได้ ถ้าเช่นนั้นหลิงเอ๋อร์ก็รีบกลับมา ข้าจะปอกผลปี่แป่ให้”

อวิ๋นหลิงสั่งการเสร็จแล้ว ก็เรียกตัวเยี่ยเจ๋อเฟิงมา นำกล่องอาหารที่เหลือไปยังเรือนซู่สือ

เยี่ยเจ๋อเฟิงมองอวิ๋นหลิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แวบหนึ่ง

เขาคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลิงจะมีฝีมือการทำอาหารดีเช่นนี้ ทำให้รู้สึกชื่นชมมาก

ภายในเรือนซู่สือ ทวนยาวปะทะลมจนสั่นไหว

แม้ว่าดวงตาจะมองไม่เห็น แต่เซียวปี้เฉิงก็ยังคงรักษานิสัยการฝึกฝนช่วงเช้าเสมอมา

เขาเชี่ยวชาญอาวุธทุกอย่าง แต่ที่เก่งที่สุดคือการใช้ทวนยาวและธนู

เมื่อฝึกกระบวนท่าของทวนยาวจนหมด ก็รู้สึกโล่งสบายมาก เขาถามขึ้นมาว่า “ลู่ฉี ทำไมวันนี้ห้องครัวจึงยังไม่ส่งอาหารมา”

“กระหม่อมจะไปดูที่ห้องครัวพ่ะย่ะค่ะ”

ลู่ฉีรีบเดินออกไป เมื่อคืนเขาถูกลงโทษด้วยการให้กวาดลานบ้านทั้งคืน ข้าวก็ไม่ได้กิน ตอนเช้าได้กินแค่โจ๊กหนึ่งชามกับหมั่นโถวสองลูก หิวจนท้องกิ่วตั้งนานแล้ว

ลู่ฉีเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตูเรือน ก็พบเงาร่างของอวิ๋นหลิงกับเยี่ยเจ๋อเฟิงกำลังเดินมา บ่าวรับใช้ที่เดินตามมาด้านหลังถือกล่องอาหารไว้หลายใบ

“กลิ่นอะไร หอม......หอมมาก”

ลู่ฉีใช้แรงในการสูดดมกลิ่นหอมที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่กล่องอาหาร น้ำลายแทบจะไหลยืดออกมา

“ท่านอ๋อง เมื่อวานข้าผิดเอง วันนี้ข้าเข้าครัวเป็นการเฉพาะ เพื่อเป็นการขอโทษท่าน”

อวิ๋นหลิงยิ้มพลางยื่นกล่องสองใบให้กับลู่ฉี “นี่เป็นส่วนของเจ้ากับองครักษ์เยี่ย”

ลู่ฉีดีใจและไม่คาดฝัน “อะ อะไรนะ ส่วนของข้ากับคุณชายเยี่ยหรือ”

“อร่อย อร่อยมากเลย”

“เครื่องในไก่นี้ทั้งเปรี้ยวทั้งเผ็ด สามารถกินกับข้าวได้สามถ้วยเลย หมูลิ้นจี่จานนี้ พระชายาช่างมีความคิดแปลกใหม่มาก สามารถนำลิ้นจี่มาทำเป็นกับข้าวได้”

“แล้วยังมีเส้นมันฝรั่งผัดอีก รสชาติของมันน่าทึ่งมาก ทั้งน่ากินและสวยงาม อร่อยกว่าอาหารแนะนำของภัตตาคารชั้นหนึ่งไม่รู้ตั้งกี่เท่า”

ลู่ฉีสาบาน วันหน้าเขาจะไม่พูดจานินทาว่าร้ายพระชายาอีกแม้แต่คำเดียว

พระชายาของจวนไหนที่จะเข้าครัวลงมือทำกับข้าวให้บ่าวกิน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเทพธิดาที่ทั้งสวยและใจดี

ไม่ผิด ทั้งสวยและใจดี

เพราะท่านอ๋องเคยบอกว่า อย่ามองคนอื่นที่ภายนอก จิตใจดีงามจึงจะถือว่าเป็นคนงาม

เยี่ยเจ๋อเฟิงก็ทำสีหน้าสับสน “คิดไม่ถึงว่านางจะมีฝีมือในการทำอาหารที่น่าตกใจเช่นนี้”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย “ไหนเจ้าว่าจะขอโทษข้าอย่างไรเล่า ทำไมจึงเอาแต่กินอยู่คนเดียว”

“ท่านคีบเองไม่เป็นหรือ”

เซียวปี้เฉิงพูดเสียงไม่พอใจว่า “ข้ามองไม่เห็น เจ้าคีบให้ข้า”

เขานั่งอยู่ข้างโต๊ะ มองนางด้วยสายตาที่ไร้จุดศูนย์รวมอย่างน่าสงสาร

อวิ๋นหลิงมุมปากกระตุก ฝืนใจคีบกับข้าวให้เขา

ผัดเครื่องในไก่กินกับข้าวอร่อยมาก เส้นมันฝรั่งพอเข้าปากก็ละลายทันที กุ้งผัดชาหลงจิ่งก็หวานอร่อย เซียวปี้เฉิงค่อยๆลิ้มชิมรสอาหารอย่างละเอียด โดยไม่รู้ตัวก็กินข้าวไปสองถ้วยแล้ว

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขายิ้มอย่างอธิบายไม่ถูกพลางพูดว่า “หญิงน่าเกลียด ฝีมือเจ้าดีกว่าพ่อครัวของเสด็จพ่อเสียอีก”

รสชาติช่างดีจริงๆ เพียงแต่เกรงว่าหากกินอาหารของคนฝีมือดีเช่นนี้จนชิน วันหน้าแม้แต่อาหารในวังก็คงจะไม่อยากกินแล้ว

แต่ว่า เมื่อก่อนเขากับอวิ๋นหลิงไม่ค่อยจะได้พบเจอกัน แต่ก็เคยได้ยินฉู่อวิ๋นหานพูดถึงบ้าง นางแทบไม่รู้จักการทำกับข้าวเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ