พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 38

พระเจ้าหลวงยิ้มจนตาหยี “หลิงเอ๋อร์เป็นเด็กดีจริงๆ ทั้งกตัญญูทั้งรู้ความ ไม่เหมือนสองพี่น้องที่อยู่ข้างๆนั่น วันๆไม่ทำงานทำการ ชอบทำแต่เรื่องลักเล็กขโมยน้อย”

เยี่ยนอ๋องที่ดูอยู่ไกลๆได้แต่ถอนหายใจออกมา ทำหน้าน่าสงสารที่ถูกด่าอย่างไร้สาเหตุ จากนั้นก็นั่งเงียบๆอยู่บนรถเข็นไม้ค่อยๆหมุนตัวจากไป

เขาคิดว่าเสด็จปู่ไม่ค่อยอยากจะเห็นหน้าเขาสักเท่าไหร่ ไม่ไปรบกวนจะดีกว่า

หลังจากที่ช่วยพระเจ้าหลวงขุดดินจนได้เป็นแปลงเล็กๆ อวิ๋นหลิงก็เริ่มลงมือเข้าครัวทำอาหารกลางวัน

พอพระเจ้าหลวงได้ยินว่านางจะเข้าครัว ก็ดีใจจนไปเฝ้าอยู่ข้างเตาไฟและเดินวนไปมา ยังช่วยอวิ๋นหลิงฆ่าไก่หนึ่งตัวปลาสองตัวด้วยตัวเองอีกด้วย

แม้ว่าห้องครัวจะเรียบง่าย เทียบไม่ได้กับห้องครัวของชาติที่แล้วที่มีอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน แต่ก็ไม่ยากเกินมืออวิ๋นหลิง

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสิ้นสุดเดือนสี่เข้าสู่เดือนห้า กำลังเป็นฤดูที่ลิ้นจี่สุก อวิ๋นหลิงจึงทำหมูลิ้นจี่หนึ่งจาน นอกจากนั้นก็มีเส้นมันฝรั่งผัดและข้าวเหนียวแปดสมบัติอย่างละหนึ่งจาน

“อร่อย อร่อย ข้าจะเอาอีก”

เหมือนพระเจ้าหลวงจะทรงชอบเส้นมันฝรั่งผัดเป็นพิเศษ ถือจานที่เปล่าที่อวิ๋นหลิงให้เขาลองชิมจนหมดเกลี้ยงเอาไว้

“อย่ากินเยอะ ขออร่อยยังมีอีก”

เยี่ยนอ๋องชอบรสชาติเค็มเผ็ดจัดจ้าน อวิ๋นหลิงจึงทำหุยกัวโร่วแบบดั้งเดิม ต้มเนื้อ เครื่องในไก่ผัดเผ็ด

แม่นมเฉินกินอาหารรสจืด จึงทำปลานึ่ง กุ้งผัดชาหลงจิ่งและผัดยอดผักกาด

เซียวปี้เฉิงกินได้ทุกอย่าง จึงไม่ได้ทำอะไรพิเศษให้เขา

สุดท้ายก็ตักน้ำแกงไก่ตุ๋นเมล็ดบัวกับพุทราขึ้นมา เมื่อทำกับข้าวทั้งสิบอย่างเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี

กระทั่งผู้ชมที่มารอดูกับลูกมืออย่างตงชิงและพระเจ้าหลวงน้ำลายไหลยืดหกเต็มพื้นตั้งนานแล้ว ต่างก็ถือถ้วยยืนอยู่ข้างๆมองนางอย่างมีความหวัง

“ตงชิง เจ้าเอากับข้าวชุดนี้ไปส่งให้เยี่ยนอ๋องและอาจารย์หลินซินที่อยู่เรือนเยี่ยนหุย”

ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว หากจะให้พระเจ้าหลวงทรงกินข้าวโต๊ะเดียวกับเซียวปี้เฉิงคงเป็นไปไม่ได้

อวิ๋นหลิงจึงหันไปพูดเกลี้ยกล่อมว่า “พระเจ้าหลวงเพคะ แม่นมเฉินกับตงชิงจะกินข้าวเป็นเพื่อนท่านที่เรือนหลันชิงนะเพคะ ข้าจะมาสายสักหน่อย ไม่ต้องรอนะเพคะ”

ดีที่พระเจ้าหลวงมีนิสัยเป็นเด็ก มีของอร่อยอยู่ตรงหน้า ก็จะค่อนข้างเชื่อฟัง

“ได้ ถ้าเช่นนั้นหลิงเอ๋อร์ก็รีบกลับมา ข้าจะปอกผลปี่แป่ให้”

อวิ๋นหลิงสั่งการเสร็จแล้ว ก็เรียกตัวเยี่ยเจ๋อเฟิงมา นำกล่องอาหารที่เหลือไปยังเรือนซู่สือ

เยี่ยเจ๋อเฟิงมองอวิ๋นหลิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แวบหนึ่ง

เขาคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลิงจะมีฝีมือการทำอาหารดีเช่นนี้ ทำให้รู้สึกชื่นชมมาก

ภายในเรือนซู่สือ ทวนยาวปะทะลมจนสั่นไหว

แม้ว่าดวงตาจะมองไม่เห็น แต่เซียวปี้เฉิงก็ยังคงรักษานิสัยการฝึกฝนช่วงเช้าเสมอมา

เขาเชี่ยวชาญอาวุธทุกอย่าง แต่ที่เก่งที่สุดคือการใช้ทวนยาวและธนู

เมื่อฝึกกระบวนท่าของทวนยาวจนหมด ก็รู้สึกโล่งสบายมาก เขาถามขึ้นมาว่า “ลู่ฉี ทำไมวันนี้ห้องครัวจึงยังไม่ส่งอาหารมา”

“กระหม่อมจะไปดูที่ห้องครัวพ่ะย่ะค่ะ”

ลู่ฉีรีบเดินออกไป เมื่อคืนเขาถูกลงโทษด้วยการให้กวาดลานบ้านทั้งคืน ข้าวก็ไม่ได้กิน ตอนเช้าได้กินแค่โจ๊กหนึ่งชามกับหมั่นโถวสองลูก หิวจนท้องกิ่วตั้งนานแล้ว

ลู่ฉีเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตูเรือน ก็พบเงาร่างของอวิ๋นหลิงกับเยี่ยเจ๋อเฟิงกำลังเดินมา บ่าวรับใช้ที่เดินตามมาด้านหลังถือกล่องอาหารไว้หลายใบ

“กลิ่นอะไร หอม......หอมมาก”

ลู่ฉีใช้แรงในการสูดดมกลิ่นหอมที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่กล่องอาหาร น้ำลายแทบจะไหลยืดออกมา

“ท่านอ๋อง เมื่อวานข้าผิดเอง วันนี้ข้าเข้าครัวเป็นการเฉพาะ เพื่อเป็นการขอโทษท่าน”

อวิ๋นหลิงยิ้มพลางยื่นกล่องสองใบให้กับลู่ฉี “นี่เป็นส่วนของเจ้ากับองครักษ์เยี่ย”

ลู่ฉีดีใจและไม่คาดฝัน “อะ อะไรนะ ส่วนของข้ากับคุณชายเยี่ยหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ