พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 405

ในตำหนักเงียบงันไปพักหนึ่ง จักรพรรดิจาวเหรินประจักษ์ชัดกับตาตนเองว่าฮองเฮาเฟิงหมดลมหายใจ ร่างกายโงนเงนไปมา

ประทานความตายแก่ภรรยาร่วมผูกผมด้วยตนเอง ความทุกข์ทรมานของเขาก็ไม่น้อยไปกว่าใคร

ฝูกงกงรีบประคองเขาไว้ เอ่ยอย่างเป็นกังวล “ฝ่าบาท...”

“ข้าไม่เป็นไร ให้กรมวังเข้ามาเอาคนออกจากวังไปฝังศพแล้วกัน” จักรพรรดิจาวเหรินดูเหมือนจะทรุดโทรมลงหลายปีในทันใด มองในตำหนักด้วยสายพระเนตรเหนื่อยล้า “ส่งองค์หญิงหกกลับไปหาพระพันปี ระวังอย่าให้นางเที่ยววิ่งไปทั่วอีก แล้วเรียกหมอหลวงเอาผ้ามาพันแผลให้รุ่ยอ๋องด้วย”

“พยุงข้ากลับพระที่นั่งบำรุงฤทัยที ข้าเหนื่อยแล้ว...”

ฝูกงกงไม่พูดอะไร ประคองจักรพรรดิจาวเหรินผู้หลังค่อมด้วยสีหน้าเศร้าโศก ค่อยๆ เดินออกจากศาลบรรพชนทีละก้าวๆ

“ฮือๆ...เสด็จแม่...”

องค์หญิงหกนั่งกับพื้นเอามือปิดปาก น้ำตาไหลพลั่กๆ อาบแก้ม ไม่กล้าร้องไห้ดังกว่านี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันทำให้ดรุณีวัยสิบหกปีสะเทือนใจเหลือแสน

ไม่นานแม่นมชราก็เดินเข้ามาพาองค์หญิงหกกลับไปเฝ้าพระพันปี

รุ่ยอ๋องมองร่างของฮองเฮาเฟิงที่ถูกคนของกรมวังเอาไปด้วยความเศร้าใจ สีหน้าเศร้าอาดูร

จักรพรรดิจาวเหรินทรงให้คนนำนางออกไปฝังศพนอกวัง เห็นชัดว่าจะออกคำสั่งยกเลิกตำแหน่งฮองเฮาของนางอีกไม่กี่วันนี้ สนมผู้บาปหนาพรรค์นี้ก็ไม่ต่างจากสามัญชน ไม่สามารถฝังไว้ในสุสานหลวง

อวิ๋นหลิงเห็นเขายืนอึ้งงันอยู่กับที่ ก็อดเดินเข้าไปพูดไม่ได้ว่า “ถ้าต่อไปท่านยังอยากตวัดพู่กันเขียนอักษรอยู่ ก็อย่ายืนใจลอยอยู่ตรงนี้ รีบตามข้ากลับไปรักษาบาดแผลที่ตำหนักข้างเถอะ”

รุ่ยอ๋องเป็นคนถนัดซ้าย เมื่อครู่ตอนที่รับดาบด้วยมือเปล่านั้นก็ใช้มือซ้ายเสียด้วย ดูคร่าวๆ แล้วบาดแผลลึกมาก หากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจส่งผลต่อการใช้งานในภายหน้า

ฟังคำพูดของนางแล้ว รุ่ยอ๋องก็กลับมาได้สติ จ้องมองเซียวปี้เฉิงด้วยท่าทางร้อนรนกระวนกระวายแวบหนึ่ง แววตาเจือความละอายใจอยู่ในที

แต่ไรมาเขาเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง สนิทสนมกับบรรดาน้องชายทั้งหลายมาด้วยดีตลอด

แต่บัดนี้เมื่อรู้ว่าฮองเฮาเฟิงได้สังหารมารดาผู้ให้กำเนิดของเซียวปี้เฉิง เขาไม่รู้ว่าสองพี่น้องจะทำตัวเข้ากันได้อย่างไรไปชั่วขณะ...

เซียวปี้เฉิงไม่ได้เผยความรังเกียจหรือเป็นปรปักษ์อย่างที่คิดไว้ เพียงเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “วิชาแพทย์ของหมอหลวงในวังเก่งไม่เท่าหลิงเอ๋อร์หรอก พี่ใหญ่ไปรักษาแผลที่ตำหนักข้างเถอะ”

อีกฝ่ายยังยินดีเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ รุ่ยอ๋องตัวสั่นเล็กน้อย อยากร่ำไห้ปลายจมูกมีอาการหน่วงๆ

กลับถึงตำหนัก อวิ๋นหลิงก็ฆ่าเชื้อให้เขาทันที แล้วทาด้วยโสมหิมะน้ำค้างหยกที่ปรุงขึ้นเป็นพิเศษอีกทีหนึ่ง

“ห้ามโดนน้ำหรือถือของหนักเป็นเวลาสิบวัน พรุ่งนี้ข้าจะให้ลู่ฉีส่งยาสองสามขวดไปที่จวนของท่าน ให้ทาตอนเช้า เที่ยง และเย็น”

นี่เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงยิ้มแย้มให้เขาเช่นนี้ รุ่ยอ๋องดูกระดากอาย ถึงขั้นรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

เขาตอบเสียงงึมงำ “อ่อ...อ่อจำได้แล้ว...ขอบคุณน้องสะใภ้สาม”

ท่าทางเช่นนี้ค่อนข้างคุ้นเคยกับภาพในวันวาน อวิ๋นหลิงก็อดยกมุมปากไม่ได้ “ยามนี้ดึกแล้ว หากไม่มีอะไรก็กลับไปเถิด หรือท่านอยากจะค้างอยู่ในวังสักคืน?”

รุ่ยอ๋องรีบส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ข้ายังมีอย่างอื่นต้องทำ...”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า “เช่นนั้นข้าไม่ส่งนะ”

รุ่ยอ๋องพยักหน้า ลากแผ่นหลังอันหนักอึ้งจากไป ครั้นเดินมาถึงประตูตำหนักข้างก็เหลียวหลังไปอีกอย่างอดไม่ได้ ทำท่าอยากจะเอ่ยบางอย่างแต่ยั้งไว้

อวิ๋นหลิงไม่ถามเซ้าซี้ รอให้เขาเอ่ยปากอย่างเงียบๆ

รุ่ยอ๋องลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็อดกระซิบถามไม่ได้ว่า “...น้องสะใภ้สาม เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมู่นี้ฉานเอ๋อร์ไปอยู่เสียที่ไหน ข้าไปตามหานางที่จวนเจิ้นกั๋วกง พ่อบ้านบอกว่านางไม่ได้อยู่ในจวน”

“เสี่ยวฉานไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หรงจั้นส่งนางไปพักผ่อนและเลี้ยงลูกที่ไร่ชานเมืองนอกเมือง”

รุ่ยอ๋องพยักหน้าช้าๆ เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “ข้าเฟ้นหาจนเจอยาบำรุงครรภ์ชั้นดี และของอย่างอื่นอีกเพียบ รบกวนน้องสะใภ้สามส่งของเหล่านี้ให้ถึงมือนางหน่อยได้หรือไม่ อย่าเอ่ยชื่อข้าก็พอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ