เขามองหลิวฉิงด้วยความสับสน “เหตุใดศิษย์พี่ของหลิงเอ๋อร์จึงพูดเช่นนี้”
“หืม? เจ้าไม่รู้สึกเศร้าเสียใจเรื่องของจวิ้นกุ้ยเหรินเลยหรือ”
เซียวปี้เฉิงพลันหลุดหัวเราะ “เสียใจก็มีบ้าง แต่ตอนนี้ได้ล้างแค้นแล้ว ตัวต้นเหตุถูกประหารชีวิตแล้ว แต่เพื่อปลอบขวัญดวงวิญญาณแม่ข้าบนสวรรค์ ข้าย่อมไม่จมจ่อมอยู่กับอดีตจนจิตใจห่อเหี่ยวหรอก”
หลิวฉิงพยักหน้าเห็นด้วย น้องเขยสามเข้มแข็งกว่าที่นางคิดไว้
“เช่นนั้นข้าก็โล่งอก เมื่อครู่เห็นสีหน้าเจ้าดูดำๆ ชอบกลเหมือนก้นหม้อ เลยนึกว่าเจ้ายังสะเทือนใจไม่หาย”
“...อาจเป็นเพราะสีท้องฟ้าค่ำไวเกินไป จนท่านดูผิดไปต่างหาก”
“อันที่จริง จะว่าไปน้องเขยสาม เจ้าคล้ำไปหน่อยนะ ตะเกียงนี้ก็ขมุกขมัวเหลือเกินจนข้ามองเห็นหน้าเจ้าแทบไม่ชัดเลย”
ใบหน้าเซียวปี้เฉิงแข็งทื่อ รู้สึกว่าไม่ง่ายเลยกว่าตนจะปรับอารมณ์ให้ดีได้ก็ต้องกลับมากลัดกลุ้มอีกแล้ว
หลิวฉิงไม่ทันสังเกต จึงกล่าวอย่างจริงใจว่า “แต่สีหน้าเจ้าเมื่อครู่นี้ดูแย่มากจริงๆ หากคิดอะไรอยู่ อย่าเก็บงำไว้ในใจ อย่าข่มกลั้นไว้เพียงคนเดียว พวกเราล้วนเป็นที่พักใจอันแสนอบอุ่นของเจ้า”
“...ขอบคุณที่เป็นห่วง”
เขาสบายดีมาก สบายดีมากจริงๆ
อวิ๋นหลิงกลั้นหัวเราะ พยายามแก้ตัวให้เขา “เขาไม่เป็นอะไร แค่หิวจนท้องร้องหน้าตาก็เลยดูไม่ดี ตงชิง รีบไปให้ในครัวทำอาหารมาหน่อยสิ!”
วันนี้พวกเขาไปไหว้จวิ้นกุ้ยเหรินใช้เวลาเกือบทั้งวัน ตอนออกจากวังก็พลาดอาหารเย็นอีก ตอนนี้ถูกความหิวเล่นงานจนท้องร้องโครกคราก
กู้ฉางเซินฟังแล้วก็เอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ประจวบเหมาะเลยวันนี้ข้ากับหลิวฉิงทำไก่ทอดมาพอดี ยังอุ่นๆ อยู่ เย่ว์อิ่นไปยกมาเร็วเข้า”
เย่ว์อิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง จะเอาเจ้าของสิ่งนั้นให้จิ้งอ๋องกับพระชายากินจริงๆ หรือ
“พี่ฉิงทำอาหารกับท่านหรือนี่ หายากจริงๆ แต่ไหนแต่ไรมาพี่ฉิงไม่ชอบลงครัวเอาเสียเลย”
ปากบอกว่าไม่มีความรู้สึกกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ แต่ร่างกายกลับตอบสนองอย่างพาซื่อ
หลิวฉิงเอ่ยปากชี้แจ้งว่า “ตอนที่เจ้าไม่อยู่บ้าน ข้าว่างจนไม่รู้จะทำอะไร เจ้าอ๋องชวนข้าไปฝึกทำอาหาร ข้าก็เลยตอบรับคำ แค่ฆ่าเวลาเล่นๆ น่ะ”
นางไม่ชอบเข้าครัวจริงๆ แต่ก็จนใจตอนที่กู้ฉางเซินเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้มอ่อนละมุนในวันนั้น นางจึงตื่นตาตื่นใจไปกับความรูปงามของอีกฝ่าย พยักหน้ารับคำไปทั้งที่ได้ยินไม่ถนัดหู
เซียวปี้เฉิงถนอมน้ำใจ เอ่ยยิ้มๆ อย่างเฝ้ารอคอย “ในเมื่อสหายกู้ลงครัวทำอาหารเอง เช่นนั้นก็ต้องลองชิมสักหน่อย”
เย่ว์อิ่นมองเขาแวบหนึ่งอย่างจนคำพูด จากนั้นจึงหมุนตัวไปยกจานอย่างเงียบๆ
ไม่นานนัก วัตถุนิรนามจานใหญ่ที่ฉายประกายสีเหลืองทองอร่ามตัดกับสีดำสลับลายเหลืองเกรียมก็ถูกยกเข้ามา
เซียวปี้เฉิงตกใจ ชี้ไปยังกองภูเขาย่อมๆ ที่ก่อขึ้นเป็นลูกกลมๆ แล้วถามว่า “นี่คือไก่ทอดหรือ”
ถ้ามิใช่เพราะเจ้าสิ่งนี้ส่งกลิ่นหอมของเนื้อไหม้ เขาคงคิดว่าเย่ว์อิ่นยกขนมอึแข็งจานหนึ่งมาให้
กู้ฉางเซินตอบอย่างนุ่มนวล “ถึงหน้าตาภายนอกจะดูแย่สักหน่อย แต่ถ้าทุกคนในจวนได้ชิมแล้วรับรองจะติดใจรสชาติ”
เขาคลี่ยิ้มเล็กน้อย เริ่มส่งตะเกียบให้พวกเขาทั้งสองด้วยความคาดหวัง
อวิ๋นหลิงเหลือบมองปราดหนึ่ง แทบแยกไม่ออกเลยว่านอกจากน่องไก่ทอดรูปทรงแปลกๆ แล้ว ยังมีเฟรนช์ฟรายส์อีกไม่น้อย
“พี่ฉิงว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”
หลิวฉิงตอบอย่างจริงจังว่า “เอาไปเทียบกับฝีมือเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว แต่พอลองกินก็ใช้ได้นะ”
อวิ๋นหลิงได้ยินคำนี้ก็แอบร้องย่ำแย่ในใจ พี่ฉิงมักจะวิจารณ์อาหารด้วยสองคำฮิตติดปากว่า กินได้กับอร่อยดี
สำหรับนางแล้ว คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการทำสงครามที่แสนยากลำบากในป่า ดังนั้นต่อให้เป็นหมั่นโถวที่แข็งเป็นหินหรือแมลงที่ยังเป็นๆ ก็ยังอยู่ในกรอบที่เรียกว่ากินได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...