พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 410

พอนางเฉินเหลือบตาขึ้นมาก็พบสองสามีภรรยาอวิ๋นหลิง ไม่สนใจรัฐทายาทผู้เฒ่าอีก เดินเข้าไปต้อนรับด้วยใบหน้าตื่นเต้นยินดี

“ทำไมจึงกลับมากะทันหันเล่า ทำไมไม่ให้คนมาบอกล่วงหน้า”

อวิ๋นหลิงยิ้มพลางประคองนาง “ไม่ได้กลับมาเยี่ยมท่านแม่นานแล้ว ตอนเย็นได้ข่าวว่าหวยหยูตั้งครรภ์ มีเวลาว่างพอดีจึงกลับมาเยี่ยมพวกท่านสักหน่อย”

นางเฉินเอ่ยอย่างประหลาดใจ “พวกเจ้ารู้ได้อย่างไร”

นางรู้ว่าลูกสาวกับลูกเขยมีภาระหน้าที่หนักอึ้ง ปกติแล้วเวลาที่จะได้อยู่กับต้าเป่าเอ้อร์เป่าก็น้อยมาก ด้วยเหตุนี้น้อยมากที่จะนำเรื่องของจวนเหวินกั๋วกงไปรบกวนพวกเขา

แม้จะเป็นข่าวดีเรื่องที่เวินหวยหยูตั้งครรภ์ นางก็ไม่ได้ส่งคนไปบอกข่าวทันทีที่รู้ ไม่เช่นนั้นหากบอกไป ด้วยความสัมพันธ์และเหตุผลทั้งสองคนต้องกลับมาที่จวนแน่

รัฐทายาทผู้เฒ่าซ่อนมือเอาไว้ในแขนเสื้อ อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา “ข้าเป็นคนให้คนไปส่งข่าวเอง เรื่องมงคลเช่นนี้ ย่อมต้องบอกเพื่อให้ทุกคนดีใจ......”

อวิ๋นหลิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าคนแก่หงำเหงือกมีเรื่องอยากจะพบพวกเขา จึงได้ทำเช่นนี้

นางเฉินหันไปถลึงตาให้เขา แล้วก็หันมายิ้มให้กับพวกอวิ๋นหลิง “ข้าคิดว่าช่วงนี้พวกเจ้าคงจะยุ่งกันน่าดู เดิมทีคิดว่ารออีกวันสองวันค่อยบอกพวกเจ้า ในเมื่อกลับมาแล้วก็รีบเข้าไปนั่งในบ้านเถอะ ข้าจะให้ห้องครัวเตรียมงานเลี้ยง”

มือของนางข้างหนึ่งจับอวิ๋นหลิงข้างหนึ่งจับเซียวปี้เฉิงพาเดินเข้าไปในจวน ทิ้งรัฐทายาทผู้เฒ่าเอาไว้ข้างหลัง

เซียวปี้เฉิงเอ่ยอย่างเกรงใจว่า “ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก ทำเหมือนปกติก็พอแล้ว”

นางเฉินกลับไม่ยอม เอ่ยอย่างสงสารว่า “เทียบกับการพบหน้าครั้งที่แล้ว พวกเจ้าสองคนผอมไปไม่น้อย ต้องให้ห้องครัวเตรียมของอร่อยมาบำรุงสักหน่อยจึงจะดี”

“ท่านแม่เกรงว่าพวกเราจะหิวอย่างนั้นหรือ” เซียวปี้เฉิงยิ้มพลางหยอกล้อ “นอกจากห้องเครื่องในวัง ในเมืองหลวงก็มีจวนท่านที่กับข้าวอร่อยมาก”

อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง อาหารของจวนเหวินกั๋วกงนั้นดีจริงๆ แม้ว่าขนาดจะเทียบกับในวังไม่ได้ แต่รสชาติไม่แตกต่างกันเลยสักนิด

ตำแหน่งขุนนางของรัฐทายาทผู้เฒ่าคือมหาดเล็กห้องเครื่อง ควบคุมดูแลเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงและถวายอาหาร ปกติแล้วจะมีหน้าที่หลักในการรับผิดชอบอาหารของเหล่าราชวงศ์รวมไปถึงการจัดหาวัตถุดิบที่เกี่ยวข้อง ไปมาหาสู่กับทางห้องเครื่องบ่อยมาก

ความสามารถในการทำงานของเขาก็ธรรมดา จุดเด่นข้อเดียวที่มีก็คือกินเยอะและกินเก่ง

อวิ๋นหลิงมองรัฐทายาทผู้เฒ่าอย่างวิเคราะห์อยู่หลายครั้ง แม้จะถูกยายแก่ปลิ้นปล้อนหักหลัง ก็ไม่เห็นว่าเขาจะซีดเซียวผอมโซเหมือนกับรุ่ยอ๋อง ใบหน้ายังคงมีสีเลือดฝาดอยู่

ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าเขาเป็นคนใจใหญ่หรือว่าเห็นแก่ตัว เห็นได้ชัดว่ายายแก่ปลิ้นปล้อนก็ไม่ใช่รักแท้จริงในใจของเขา

เมื่อเข้าไปในห้องโถง อวิ๋นหลิงก็เห็นว่าเวินหวยหยูกำลังรดน้ำให้ดอกไม้ที่อยู่ในกระถาง อีกฝ่ายเห็นนางก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

“น้องอวิ๋นหลิง เจ้ามาแล้วหรือ”

เวินหวยหยูดูอวบอั๋นขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย ความอ่อนเยาว์ของเด็กสาวได้จางหายไป เผยให้เห็นเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาว ดวงตาและใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข

ไม่ได้เจอกันนาน อวิ๋นหลิงถูกเวินหวยหยูลากเข้าไปคุยกันในห้องอยู่ครู่ใหญ่

“พี่ใหญ่ดีกับเจ้าหรือไม่ ยั่วโมโหเจ้าหรือเปล่า ถ้าหากมีอะไรไม่สบายใจ อย่าได้เก็บไว้เด็ดขาด”

หญิงสาวที่ตั้งครรภ์อารมณ์แปรปรวนมาก โมโหง่ายเสียใจง่ายเป็นเรื่องปกติ เวินหวยหยูนิสัยนุ่มนวลละเอียดอ่อน แล้วยังเป็นหญิงสาวกำพร้าที่แต่งเข้ามาในตระกูลฉู่ อวิ๋นหลิงเกรงว่านางจะมีเรื่องเก็บซ่อนไว้ในใจจนทำให้คิดมากอ่อนไหวง่าย

เวินหวยหยูยิ้มบางๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าวางใจเถอะ ที่นี่ทุกคนดีกับข้ามาก อวิ๋นเจ๋อจะคิดถึงข้าก่อนเสมอทุกเรื่อง ท่านแม่ดูแลข้าเหมือนลูกสาวแท้ๆคนหนึ่ง ทะนุถนอมข้าเป็นอย่างดี ราวกับกลัวว่าข้าจะแตกหักบุบสลาย”

“ทุกครั้งไม่ว่าจะมีความคิดอะไร ยังไม่ทันที่ข้าจะคำนึงถึง ท่านแม่ก็จะพูดอย่างเปิดอกออกมาก่อน ไม่ปล่อยให้ข้าต้องเป็นทุกข์เลยสักนิด”

ตอนนั้นนางเฉินเองก็เป็นแต่งเข้ามาในจวนกั๋วกงจากการฝากฝังของผู้อาวุโสก่อนที่จะล่วงลับไป เวินหวยหยูกับนางตกอยู่ในฐานะที่คล้ายคลึงกันมาก ดังนั้นจึงสามารถเข้าใจความรู้สึกต่างๆของเวินหวยหยูได้ดี

เวินหวยหยูสีหน้าทอดถอนใจ “เรื่องที่โชคดีที่สุดในชีวิตข้า ก็คือการได้พบกับอวิ๋นเจ๋อ แต่งเข้าตระกูลฉู่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ