พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 43

สรุปบท ตอนที่ 43 การเลือกของเซียวปี้เฉิง: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอน ตอนที่ 43 การเลือกของเซียวปี้เฉิง จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 43 การเลือกของเซียวปี้เฉิง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย Anchali เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

นางกำลังถือไม้เท้าของพระเจ้าหลวงอยู่ในมือและฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสองด้วยความสนใจ

เมื่อได้ยินประโยคนี้ตงชิงที่อยู่ข้างหลังนางก็กลอกตาด้วยความไม่พอใจ

เมื่อนึกได้ว่าพระชายาเคยหลงรักรุ่ยอ๋อง ตงชิงจึงเหลือบมองอวิ๋นหลิง กลัวว่านางจะเสียใจ

โชคดีที่ดูเหมือนว่าอวิ๋นหลิงจะไม่รู้สึกอะไร ตงชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เสด็จพี่โปรดระวังคำพูดด้วย อย่างไรแล้วอวิ๋นหลิงก็เป็นภรรยาของข้า”

เซียวปี้เฉิงยกยิ้มที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ดูซับซ้อนและแดกดันเล็กน้อย

“ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ แต่นางก็ยังต้องจัดการเรื่องเล็กน้อยภายในจวน ไหนจะดูแลข้า เสด็จปู่และพวกของอวี้จืออีกตั้งกี่คน หากข้าตำหนินางด้วยเรื่องพวกนี้ก็คงจะทำให้นางเสียใจ”

สีหน้าของอวิ๋นหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่วนตงชิงก็ยิ่งสะเทือนใจจนเกือบร้องไห้

นางเข้าใจท่านอ๋องผิดไป นางคิดมาตลอดว่าเซียวปี้เฉิงเป็นคนตาบอดที่มีจิตใจมืดบอดด้วย ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนที่เข้าใจนางมากที่สุด!

รุ่ยอ๋องเหม่อมองเขา แววตาของเขาดูตกใจและโกรธ เขาไม่สามารถเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเซียวปี้เฉิงได้เลย

“เจ้าสาม เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ คนที่ปกป้องอวิ๋นหานมาตั้งแต่เล็กจนโตก็คือเจ้า เจ้าเคยสาบานว่าเจ้าจะปกป้องนางตลอดไปด้วยซ้ำ!”

ตงชิงแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง

เสียดายที่นางเคยชื่นชมรุ่ยอ๋องมาก่อน นางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนอ่อนโยนและน่าเข้าหา ไม่ได้เป็นคนหน้านิ่งและน่ากลัวเท่าจิ้งอ๋อง

ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นคนที่ปิดหูปิดตาและใจดำแบบนี้!

“ข้ารู้เสมอว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ทำอะไร”

เซียวปี้เฉิงมีท่าทีสงบตลอดเวลาต่างจากรุ่ยอ๋องที่มีความแปรปรวนทางอารมณ์ แม้กระทั่งหลังจากที่ได้ยินคำพูดของรุ่ยอ๋อง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาโดยฉับพลัน

“แล้วเรื่องเมื่อวานนี้ข้าก็ตกลงกับอวิ๋นหานไว้ตั้งแต่เช้าแล้วว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าจวนโดยพลการ”

รุ่ยอ๋องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและตวาดออกมาด้วยความโมโห

“ดี...ดี! ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ามีความหวังเรื่องดวงตาเพราะฉู่อวิ๋นหลิง เจ้าจึงอยากเอาใจนางจนแทบทนไม่ไหวและยอมทิ้งมิตรภาพนานนับหลายปีของอวิ๋นหานโดยไม่เสียดายเลยสินะ! ข้ารู้สึกเสียดายแทนนางจริงๆ!”

เซียวปี้เฉิงก้มหน้าลงทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น เขากำหมัดแน่น

“ใครๆ ต่างก็บอกว่ารุ่ยอ๋องใจกว้างเหมือนภูเขา มีน้ำใจเหมือนมหาสมุทร พอได้เห็นแบบนี้มันทำให้ข้ามองท่านต่างออกไปจริงๆ”

เสียงพูดที่แฝงไปด้วยการเยาะเย้ยดังขึ้น รุ่ยอ๋องหันไปมองทันทีและเขาก็เห็นอวิ๋นหลิงยืนถือไม้เท้าอยู่นอกประตู

เมื่อวานรุ่ยอ๋องได้สัมผัสแล้วว่าฝีปากของอวิ๋นหลิงทรงพลังเพียงใด เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาจึงไม่คิดว่านี่เป็นคำชม

“เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร”

อาจเป็นเพราะว่าเขาเคยพลาดท่าให้อีกฝ่ายมาก่อน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอวิ๋นหลิง รุ่ยอ๋องจึงดูขาดความมั่นใจเล็กน้อย

“ข้าหมายความว่ารุ่ยอ๋องเป็นคนใจกว้างจริงๆ อย่างไรเล่า เห็นๆ กันอยู่ว่าท่านมีความรักให้น้องสาวข้าอย่างลึกซึ้ง แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังพูดเรื่องที่เขาสองคนเคยรักกันในวัยเยาว์ต่อหน้าท่านอ๋องของข้าได้หน้าตาเฉย”

รุ่ยอ๋องหน้าแดงก่ำ แต่เขาก็ไม่ได้โต้แย้งเรื่องที่นางบอกว่าเขาชอบฉู่อวิ๋นหาน

อวิ๋นหลิงมองเขาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ “ความเอื้อเฟื้อของท่านอ๋องทำให้คนรู้สึกอัศจรรย์ใจ แต่การที่ท่านจะให้สามีของข้าไปปกป้องผู้หญิงคนอื่นมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลหรือเปล่า”

พูดตามตรง อวิ๋นหลิงไม่เข้าใจระบบความคิดของรุ่ยอ๋องเลยจริงๆ

เวลาผู้ชายทั่วไปเห็นหญิงสาวที่ตัวเองแอบชอบเลิกรากับคนรักสมัยเยาว์วัยก็น่าจะดีใจและรีบฉวยโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ไม่ใช่หรือ

เห็นได้ชัดว่ารุ่ยอ๋องก็รู้ตัวว่าเขาไม่มีเหตุผล เขาดูกระอักกระอ่วนและลำบากใจ

เขาแค่อยากพูดประโยคเมื่อครู่กับเซียวปี้เฉิงเป็นการส่วนตัว ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ ฉู่อวิ๋นหลิงจะปรากฏตัวและได้ยินทุกอย่าง

“ข้า...”

รุ่ยอ๋องตกตะลึงไปพักใหญ่ ในระยะเวลากว่ายี่สิบปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวปี้เฉิงปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทีเย็นชาและห่างเหินแบบนี้

“รุ่ยอ๋อง ท่านอ๋องของข้าเป็นห่วงท่านจึงบอกให้ท่านกลับไปพักฟื้นที่จวน จะมาบอกว่าเขาไล่ได้ยังไง”

อวิ๋นหลิงเล่นไม้เท้าของพระเจ้าหลวงในมือก่อนจะยิ้มและค่อยๆ เข้าไปใกล้รุ่ยอ๋อง

“ถ้าท่านอ๋องไม่รู้ว่าการไล่เป็นยังไง ข้าจะสาธิตให้ก็ได้”

สีหน้าของรุ่ยอ๋องเปลี่ยนไป “จะ...เจ้าจะทำอะไร แค่มาเรือนซื่อสูทำไมต้องเอาไม้เท้ามาด้วย”

“อ้อ นี่เป็นไม้เท้าของพระเจ้าหลวงเพคะ เขาตั้งใจมอบให้ข้าโดยเฉพาะ”

อวิ๋นหลิงชูไม้เท้าขึ้นและโบกไปมาราวกับกำลังลองว่าถนัดมือหรือไม่

“พระเจ้าหลวงตรัสว่าตอนที่เขาไม่อยู่จวน ถ้ามีคนไม่ดูตาม้าตาเรือมาก่อกวนข้าก็ให้เอาไม้เท้านี้ฟาดหัวเขาไปแรงๆ!”

ทันทีที่พูดจบ รุ่ยอ๋องก็รู้สึกว่าอาการบวมที่ท้ายทอยเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง

เขานึกถึงสิ่งที่พบเจอเมื่อวานและสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ไม้เท้าโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นเขาก็หน้าถอดสี

อวิ๋นหลิงคงไม่ได้คิดจะฟาดเขาใช่ไหม

ด้วยเหตุผลบางอย่าง รุ่ยอ๋องรู้สึกว่านางสามารถทำอะไรแบบนี้ได้

โชคดีที่เฉียวเย่มาช่วยชีวิตรุ่ยอ๋องได้ทันเวลา

“พระชายา ท่านอ๋องทั้งสอง จวนเสนาบดีซ้ายและคุณชายเฟิงเหยียนรอเข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วแน่น “เฟิงเหยียนรึ”

อวิ๋นหลิงใช้เวลาสักพักกว่าจะนึกออกว่าเฟิงเหยียนคือใคร เขาคือขุนนางรุ่นสามที่นางและเซียวปี้เฉิงสั่งสอนไปชุดใหญ่ก่อนที่พวกเขาจะกลับเรือนไม่ใช่หรือ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ