พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 442

หลังจากตัดสินใจแล้ว อวิ๋นหลิงก็ไปหาเฉียงเวยอีกครั้ง ถามนางเกี่ยวกับรสชาติอาหารที่กงจื่อโยวชอบ

เฉียงเวยถามอย่างประหลาดใจว่า “จู่ๆพระชายาจะถามเรื่องนี้ทำไม”

“ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันเกิดของกงจื่อโยว ในเมื่อคืนนี้เขาจะกลับมาที่จวนจิ้งอ๋อง เช่นนั้นก็จัดงานเลี้ยงเล็กๆเพื่อฉลองให้เขาเสียหน่อย”

“ขอบคุณความใส่ใจของพระชายา” เฉียงเวยยิ้มพลางกล่าวขอบคุณก่อน จากนั้นก็พูดตรงๆว่า “เพียงแต่เจ้าสำนักน้อยค่อนข้างเป็นคนเลือกกิน ฝีมือของพ่อครัวทั่วไปเขาไม่ถูกใจ ท่านไม่จำเป็นต้องลำบากเพื่อเขา จะทำให้เสียเงินเปล่าๆ”

สำนักทิงเสวี่ยไม่เคยขาดแคลนเงินทอง กงจื่อโยวเป็นถึงทายาทโดยตรงเพียงผู้เดียว และเป็นคนที่ไม่กลัวตายตลอดมา ดังนั้นจึงใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยมาก

โดยเฉพาะด้านอาหารการกิน เขาไม่เคยต้องทำให้ปากและท้องของตนเองต้องลำบาก

“ท่านไม่ต้องให้พ่อครัวในจวนต้องวิ่งวุ่นให้เหนื่อย และไม่ต้องเตรียมของขวัญให้เขาด้วย สำนักทิงเสวี่ยมีพ่อครัวหลายคนที่ถูกซื้อตัวมาจากห้องเครื่องในวังหลวงของแต่ละแคว้น เชี่ยวชาญเรื่องกับข้าวและของหวานชนิดต่างๆ ถึงขนาดนี้แล้วเจ้าสำนักยังมักจะบ่นว่ากินจนเลี่ยนแล้ว”

เฉียงเวยพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ที่ผ่านมาพวกเขาก็ไม่เคยเตรียมของขวัญวันเกิดให้กับกงจื่อโยว เพราะเขาไม่ได้ขาดแคลนอะไรเลย

“เจ้าสำนักน้อยเป็นคนชอบความคึกคัก ตอนที่เขายังเด็กพ่อแม่ให้หย่าขาดจากกัน ท่านแม่ของเขาได้ช่วยจัดการเรื่องของสำนักทิงเสวี่ย จึงมักไม่มีเวลาดูแลเขา เมื่อเทียบกับสิ่งที่สามารถมองเห็นและจับต้องได้แล้ว เจ้าสำนักน้อยชอบให้มีคนอยู่ด้วยมากกว่า เมื่อก่อนเวลาถึงวันเกิดของเขา ข้ากับหน้ากากเงินจะทิ้งงานในมือทั้งหมดเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

เฉียงเวยพูดจบ อวิ๋นหลิงก็เข้าใจทันที กงจื่อโยวเป็นคนที่มีเงื่อนไขเรื่องวัตถุสิ่งของดีมาก แต่ขาดแคลนทางด้านจิตวิญญาณ

ถึงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา กลับไม่เห็นว่าพวกเฉียงเวยจะเตรียมอะไรให้เขาเป็นการเฉพาะ

อวิ๋นหลิงครุ่นคิด จากนั้นก็พูดยิ้มๆว่า “เจ้าบอกรสชาติอาหารที่เขาชื่นชอบให้ข้าก็พอ วันนี้ข้าจะเข้าครัวเอง คืนนี้จัดงานเลี้ยงเล็กๆให้คึกคักเสียหน่อย ถ้าหากเขากินรสมือข้าไม่ได้ คนอื่นๆก็ยังกินได้”

ในโลกใบนี้ระดับฝีมือการทำอาหารโดยรวมไม่ได้สูงมากนัก นางมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตนเองอยู่หลายส่วน

กงจื่อโยวกินไม่ได้จริงๆก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือนางเองก็เกิดความอยาก เมื่อคิดดูดีๆเป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีเวลาว่างกินหม้อไฟ

เมื่อได้ยินว่าอวิ๋นหลิงจะเข้าครัวเอง เฉียงเวยก็ไม่ค้านน้ำใจของนางอีก บอกเรื่องอาหารแสลงปากและอาหารที่ชื่นชอบของกงจื่อโยวออกไป

“เจ้าสำนักน้อยไม่กินอาหารดิบเย็น เขาชอบอาหารร้อนที่ทำให้กระเพาะรู้สึกอุ่นมากกว่า ส่วนรสชาตินั้นค่อนข้างชอบรสเปรี้ยวหวาน กินเผ็ดได้ แต่ไม่มาก”

กินเผ็ดได้ ชอบอาหารร้อนๆ

เห็นทีคืนนี้ต้องจัดหม้อยวนยางให้เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีอะไรคึกคักไปกว่าคนกลุ่มใหญ่ล้อมวงกินหม้อไฟกันแล้ว

“นอกจากนี้ เจ้าสำนักน้อยยังชอบอาหารจากแม่น้ำและทะเล แต่ไม่ชอบกลิ่นสาบของเป็ดและห่าน”

อวิ๋นหลิงพยักหน้าเพื่อแสดงว่ารับทราบแล้ว หลังจากนั้นก็สั่งการให้ทางห้องครัวเตรียมสิ่งของ

เหล่าแม่ครัวต่างก็ชำนาญแล้ว เมื่อได้ยินพระชายาบอกว่าอยากจะกินหม้อไฟ ต่างก็รู้ว่าควรจะเตรียมผักอะไรและเนื้อประเภทไหน

เฉียงเวยบอกว่ากงจื่อโยวชอบอาหารจากแม่น้ำและทะเล สัตว์น้ำจืดหาง่าย แต่สัตว์ทะเลนั้นหายาก

เมืองหลวงแคว้นต้าโจวอยู่ห่างไกลจากทะเล พวกหอยเป๋าฮื้อหรือกังป๋วยล้วนเป็นของล้ำค่าจากท้องทะเล ก่อนหน้านี้ตี้หวู่เหยาได้ติดตามกลุ่มราชทูตจากแคว้นตงฉู่มาเยือนต้าโจว ได้มอบอาหารแห้งล้ำค่าและหาได้ยากไว้ให้ไม่น้อย

แต่ของบำรุงร่างกายเหล่านี้ อวิ๋นหลิงแทบจะเอาไปมอบให้พระเจ้าหลวง อู๋อันกงและเหวินกั๋วกงผู้เฒ่าหมดแล้ว ผู้เฒ่าเหล่านี้อายุมากแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถเกษียณและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ ลำบากมากจึงต้องบำรุงร่างกายกันบ้าง

ยังมีของแห้งเหลืออยู่เล็กน้อย เซียวปี้เฉิงก็มีการมอบให้กับเพื่อนที่คบหาสมาคมกัน

เมื่อเห็นว่าอวิ๋นหลิงยุ่งอยู่กับการจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับกงจื่อโยวจนหัวหมุน เขาก็วางงานในมือลงเพื่อไปช่วยงานนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ