พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 487

เหล่านางกำนัลกับขันทีที่ทำหน้าที่อยู่ในตำหนักบูรพาต่างก็ตกใจกันมาก ร้องเสียงหลงและหลบเข้าไปอยู่ในมุมต่างๆ

ในเวลานี้ หลิวฉิงแทบจะพุ่งเข้าไปในตำหนักจื่อเฉิน หิ้วตัวน้องเล็กออกมาตีสั่งสอนให้หลาบจำ

เวลานี้ไปลากตัวน้องเล็กมาสั่งสอนไม่ได้ นางเหลือบไปมองกงจื่อโยวที่อ้าปากตาค้างอยู่ค้างๆ ความโกรธในใจก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น ยกขาข้างหนึ่งขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะ ยื่นมือออกไปกระชากคอเสื้อของกงจื่อโยวจากนั้นก็ใช้แรงเขย่า

หลิวฉิงถามเค้นด้วยเสียงลอดไรฟัน “พูด ท่านรู้เรื่องปืนใหญ่ได้อย่างไร ท่านกับเด็กแสบคนนั้นทำอะไรลับหลังพวกข้า"

กงจื่อโยวถูกแผ่นหลังคากระแทกศีรษะจนบวมเบ่ง ตอนนี้ก็ถูกหลิวฉิงจับเขย่าตัวจนกระดูกในร่างจะหลุดจากกันแล้ว เอาแต่เหลือกตาขึ้นเหมือนปลาตาย

เขาจับมือของหลิวฉิงเอาไว้ ร้องอ้อนวอนอย่างยากลำบากด้วยสีหน้าแดงก่ำ “นายท่านหลีว์......นายท่านรอง เบา......เบาหน่อย......รีบปล่อยมือเร็วเข้า ข้า......ข้าจะบอกท่านทุกอย่างตามความจริงเลย”

กงจื่อโยวร้องไห้อย่างเศร้าโศกในใจ ครั้งนี้ถูกแม่สาวน้อยทำให้อนาถเสียแล้ว

กู้ฉางเซินเห็นท่าทีของเขา รู้สึกขัดหูขัดตามาก อดไม่ได้ที่จะทำหน้าขรึมลง คว้าคอเสื้อกงจื่อโยวลากไปทางด้านหลัง

“หลิวฉิงในเย็นๆ ถ้าขืนเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไป เขาคงถูกเจ้ารัดคอจนตายแน่”

ตรงข้ามกับน้ำเสียงร้องห้ามที่อ่อนโยน พลังในมือของเขาไม่ได้แรงน้อยไปกว่าหลิวฉิงเลยแม้แต่น้อย

เวลานี้กงจื่อโยวตาเหลือกตาขึ้นข้างบน ในใจก็มองค้อน เขารู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เสื้อของตนเองจะถูกสองสามีภรรยาคู่นี้ฉีกเป็นสองชิ้นแน่ๆ

ยังดีที่ภายใต้การตอบโต้ของทั้งสองฝ่าย เขาได้รับโอกาสในการหายใจชั่วขณะ

“พี่ชายทั้งสอง......ท่านผู้กล้าไว้ชีวิต ถ้าพวกท่านยังดึงกันต่อไปเสื้อข้าต้องถูกดึงขาดแน่ๆ ถึงเวลาข้าไม่อยากจะวิ่งหนีตัวเปลือยต่อหน้าพวกท่านนะ”

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกไป ในที่สุดหลิวฉิงกับกู้ฉางเซินก็ปล่อยเขาอย่างใจตรงกัน ในสายตามีแววรังเกียจวาบผ่านเหมือนกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

เห็นว่าหน้าของกงจื่อโยวบวมขึ้นเท่ากับไข่ไก่ บวมเป็นสีแดงปนเขียวเปล่งประกายอยู่ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องลงมา

ผมยาวดกดำและใบหน้าขาวละเอียดเต็มไปด้วยฝุ่นและเศษไม้ เสื้อผ้าแขวนอยู่บนร่างอย่างหลวมโคร่ง ทำไมดูแล้วเหมือนผู้อพยพชาวซีเรียจริงๆ สภาพน่าสมเพชอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

กงจื่อโยวจัดการกับคอเสื้อ ในใจรู้สึกโล่งอก

โชคดีที่เสื้อผ้าของเขาใช้แต่เนื้อผ้าราคาแพง ไม่เสียง่ายๆจากการดึง ไม่เช่นนั้นก็คงจะเปลือยถ้าไม่ระวังตัว ทำให้น่าอับอายมาก

เขาต้องถนอมร่างกายเอาไว้เพื่อหลงเย่

“เร็ว ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระบอกความจริงมา”

ภายใต้ดวงตาที่ถลึงอย่างโมโหและการตะคอกเสียงดุของหลิวฉิง กงจื่อโยวอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดออกมา โดยไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร

“ท่านผู้กล้าใจเย็นๆ ข้าไม่รู้จริงๆว่าปืนใหญ่ดอกไม้ไฟคืออะไร แม่สาวน้อยบอกว่าใช้ในการยิงดอกไม้ไฟ อยากจะให้พวกท่านประหลาดใจ ข้าจึงได้สั่งให้คนช่วยนางทำออกมา”

“ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าของสิ่งนี้จะมีอานุภาพรุนแรงขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ช่วยนางง่ายๆ ข้าจะบังอาจขนาดนั้นได้อย่างไร”

ตอนที่เกิดการระเบิดขึ้นเมื่อครู่ ชั่วขณะนั้นกงจื่อโยวรู้สึกเหมือนตำหนักบูรพาจะถล่มลงมาแล้ว

โชคดีที่ช่างของแคว้นต้าโจวเก่งมาก บ้านเรือนที่สร้างล้วนไม่ใช่โครงสร้างคุณภาพต่ำ ไม่เช่นนั้นพิษเย็นของเขายังไม่ทันได้กำจัด กลับต้องมาจบชีวิตเพราะปืนใหญ่เสียแล้ว

หลิวฉิงฟังคำอธิบายจนจบ ทำหน้าบึ้งตึงกะกดกลั้นความโมโหเอาไว้ หางตาเหลือบไปเห็นขันทีคนหนึ่งที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่ตรงมุมหนึ่งของตำหนัก

รับรู้ถึงสายตาของหลิวฉิง เสี่ยวจินจื่อที่มองเห็นทุกอย่างอยู่ในมุมตำหนักกลืนน้ำลายลงคอ เอ่ยปากขึ้นมาด้วยอาการตัวสั่น

“ใต้เท้าทุกท่าน......ท่าน พวกท่านไม่เป็นไรกระมัง”

หลังจากที่เกิดเสียงดังเมื่อครู่ แผ่นหลังคาปลิวกระจายไปทั่ว เมื่อเสี่ยวจินจื่อได้สติก็รีบมาดูสถานการณ์ในตำหนักใหญ่ทันที

แม้เขาจะไม่รู้สถานะของคนทั้งสามที่อยู่ในตำหนัก แต่พระชายารัชทายาทให้มอบหมายด้วยตนเอง ต้องดูแลปรนนิบัติแขกผู้มีเกียรติทั้งสามท่านให้ดีที่สุด

หลิวฉิวค่อยๆสงบสติอารมณ์และวิเคราะห์ จำได้แล้วว่านี่เป็นขันทีน้อยที่ฝูกงกงส่งมาให้ปรนนิบัติรับใช้พระชายารัชทายาทที่ตำหนักบูรพาด้วยตนเอง สีหน้าค่อยๆอบอุ่นขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ